ศพ – ตอนที่ 201 จัดการผีสองตน

ตอนที่ 201 จัดการผีสองตน

 

ใจของผมกําลังร้อนรนสุดๆ แต่จู่ๆกลับเห็นหยางเฉ่วกระพริบตาให้ผม

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็อึ้งในทันที

 

หยางเฉ่วฟื้นแล้ว ดูจากท่าทางเธอจะต้องได้สติกลับคืนมาแล้ว

 

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ ขณะที่ดวงตาของผมกําลังเบิกกว้างด้วยความดีใจ ผมยังเห็นมือขวาของหยางเฉ่ว กําลังทํารูปอะไรบางอย่างให้ผมดู หลังจากนั้นก็ทํามือเป็นรูปดาบ และคลายนิ้วทั้งห้าออกจากนั้นก็ค่อยลดนิ้วมือลงทีละนิ้ว

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผมก็เข้าใจทันที

 

สัญญาณมือที่หยางเฉ่วส่งให้ผมหมายความว่า ให้นับถอยหลัง 5 วินาที

 

5 4 3 …

 

เมื่อคิดได้แบบนั้น และเห็นสิ่งนี้

 

ใจที่กระวนกระวายของผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

เมื่อกี้ผมยังคิดตลอดว่าจะทํายังไงผมถึงจะหาวิธีที่ทําให้ทั้งสองฝ่ายพอใจได้ จะทํายังไงให้ผมสองคนรอดออกไปได้ ดังนั้นผมจึงยังไม่โจมตี

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้ หินที่อยู่ในใจของผมก็ได้วางลง

 

หยางเฉ่วหลุดจากการควบคุมของผีร้ายแล้ว เธอได้สติกลับคืนมา และสามารถส่งสัญญาณมือให้ผมได้นั้นพิสูจน์ว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว และเธอยังมีวิธีป้องกันตัวเองด้วย

 

พลังของหยางเฉ่วสูงกว่าผม เมื่อเธอส่งสัญญาณแบบนั้น แสดงว่าเธอจะต้องมีวิธีหนีจากเงื้อมมือของยัยผีนั้นได้แน่

 

ดังนั้น ผมจึงไม่ลังเลอีกต่อไปรีบพยักหน้าให้หยางเฉ่ว เล็กน้อย

 

ช่วงเวลานี้นิ้วของหยางเฉ่วยังนับถอยหลังอยู่ แต่พี่สองตนนั้นกลับไม่สังเกตเห็นเลยสักนิด ทั้งสองตนยังคงมีความสุขกับชัยชนะที่จะมาถึง

 

ผีผู้ชายที่รัดคอผมเอาไว้ ได้อ้าปากกว้างแล้ว เขาได้คําราม “ โฮก ” ออกมาหนึ่งครั้งหลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามากัดคอผมทันที

 

แต่ระหว่างนั้น การนับถอยหลังก็ได้สิ้นสุดลง

 

วินาทีที่เห็นนิ้วของหยางเฉ่วนับถึงเลขสุดท้าย สีหน้าของผมก็เคร่งขรึมขึ้น วินาทีนั้นผมได้พลิกมือนํายันต์ที่ถูกซ่อนไว้ในฝ่ามือ แปะลงไปโดยไม่ต้องมองเสี้ยววินาทีต่ อมามันก็เข้าไปแปะที่คอของผีผู้ชายทันที

 

ยันต์มีพลังหยางปราบพลังชั่วร้าย วินาทีที่ยันต์เพิ่งสัมผัสกับสําคอของผีผู้ชาย ผีผู้ชายคนนั้นก็รับรู้ได้ว่ามีความร้อนจากพลังหยางกําลังซึมเข้าไปในร่างกายของเขาเรื่อยๆ

 

และตําแหน่งที่ถูกยันต์แปะ ยังมีความเจ็บปวดแล่นเข้ามาด้วย

 

แต่ไม่รอให้เขาได้กรีดร้องออกมา ผมก็ใช้มือข้างหนึ่งทําเป็นรูปดาบแล้ว วินาทีนั้นผมก็ตะโกนออกมาว่า “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทําลาย !”

 

ผีผู้ชายตนนั้นเพิ่งสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผมตะโกนออกมา

 

เขายังไม่ทันได้ทําอะไร ทันใดนั้นเสียง “ ตูม” ก็ดังขึ้น ยันต์ที่แปะลงบนคอของเขาได้ระเบิดในทันที

 

พลังของยันต์ไหลทะลักออกมา พลังหยางแพร่กระจายไปทั่ว

 

ผีผู้ชายตนนั้นไม่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ตอนนี้เขาจะต้านทานยันต์ที่ทรงพลังของผมได้ยังไง

“ อ๊าก…” เสียงกรีดร้องดังตามมาติดๆ เขาถูกแรงระเบิดของยันต์ซัดออกไปทันที

 

ขณะเดียวกัน หยางเฉ่วที่ยืนอยู่บนชั้นสอง ก็แสดงสายตาเย็นชา จู่ๆเธอก็เสกคาถา พลิกมือแล้วซื้ออกไปทันที

 

พร้อมกับเสียงตะโกนดัง “ เพี๊ยง !”

 

ผีผู้หญิงตนนั้นยังคิดว่าหยางเฉ่วตกอยู่ในการควบคุม เธอจึงไม่ได้ป้องกันอะไร

 

ผลลัพธ์หลังจากหยางเนิ้วลงมือ ผีผู้หญิงตนนั้นถึงได้รู้ตัว

 

การชี้นี้น่าจะเป็นวิชาขับไล่อย่างหนึ่ง มันดูร้ายกาจมาก

 

ขณะที่เสียงคําว่า “ เพี้ยง ” ดังขึ้น ผีผู้หญิงตนนั้นก็เหมือนโดนสายฟ้าฟาด ร่างกายกระตุก ทันใดนั้นเธอก็ทรุดตัวลงกับพื้น มือที่จับแขนหยางเฉ่วเอาไว้ ก็เหมือนกับโคลนเหลวๆ มันต่างลื่นไหลลงไปตามร่างกายของเธอ

 

การโจมตีทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นการลงมือที่รวดเร็วมาก

 

ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงสองวินาที ดังนั้นผีทั้งสองตนจึงยังไม่ได้ทําอะไร พวกเขาก็ต้องลงไปนอนกองกับพื้น ล้ว

 

หลังจากหนีจากความตายได้ ผมก็ยังไม่ยั้งมือ

 

พลังของผีสองตนไม่แข็งแกร่งมาก แต่พอมีลูกเล่นอยู่บ้าง

 

แถมก่อนตายผีผู้ชายยังเกือบนับว่าเป็นนักพรต ดังนั้นผมจึงไม่คิดจะโอกาสให้พวกเขาได้หายใจ เพราะคิดว่าถ้าพวกเขาได้ตอบโต้อาจเล่นลูกไม้อีก

 

ดังนั้น หลังจากผมลงมือเสร็จ ผมก็หยิบดาบไม้ขึ้น และพุ่งเข้าไปแทงผีผู้ชายทันที

 

ผีผู้ชายโดนยันต์ของผมเข้าไป แต่เขายังไม่ตาย แม้จะแสดงท่าทางเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคิดจะลุกขึ้นมา

 

หลังจากหยิบดาบได้ ผมก็ไม่รอให้เขาลุกขึ้นได้ วินาทีนั้นผมแทงเข้าไปที่คอของอีกฝ่ายทันที “ แกจบเห่แล้ว !”

 

ผมพูดอย่างเย็นชา ขณะที่กําลังแทงเข้าไป

 

ผีผู้ชายกําลังกดคอของตัวเองเอาไว้ เขาแสดงสีหน้าน่าเกลียดน่ากลัว และค่อยๆเงยหน้าขึ้น

 

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเครียดแค้น “ คิดไม่ถึงว่าในมือของแกจะมียันต์ซ่อนอยู่ !”

 

“ เรื่องที่แกคิดไม่ถึงมีอีกเยอะ แต่ตอนนี้แกอยู่ในกํามือของฉันแล้ว แกมีทางเลือกแค่สองทาง หนึ่งฆ่าคน ต้องชดใช้ด้วยชีวิต สอง ฉันถามอะไร แกก็ตอบอย่างนั้น หลังจากนั้นฉันจะทําพิธีให้พวกแกสองพี่น้อง แล้วพวกแกก็ลงไปรับโทษในนรกด้วยตัวเอง !” ผมพูดอย่างเย็นชา

 

ไม่ว่าจะเลือกทางไหน มันก็ไม่ดีกับผีทั้งสองตน

 

ข้อแรก ตายด้วยน้ํามือของผม วิญญาณแตกสลาย ก็ถือว่าจบเรื่อง

 

ข้อสอง ถึงจะมีชีวิตต่อ แต่หลังจากลงนรก ผีทั้งสองตนก็ต้องตกนรก 18 ขุม ได้รับความทุกข์ทรมาน ชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อ

 

หลังจากที่ผีผู้ชายได้ยิน เขากลับแสดงสีหน้าเย็นชา แววตาไร้ซึ่งความกลัว “ ฮึ! จะฆ่าก็ฆ่าจะพูดมากทําไมฮะ

 

ผีผู้ชายเด็ดเดี่ยวมาก เขาไม่สนใจว่าจะเป็นหรือตาย ไม่กลัววิญญาณแตกสลายเลยสักนิด

 

และในเวลาเดียวกัน เสียง “ ตูม” ก็ดังขึ้น น้องสาวของผีผู้ชาย ถูกหยางเฉ่วโยนลงมาจากชั้นสอง

 

“ น้อง !” ผีผู้ชายเห็นสภาพที่น่าสลดของผีผู้หญิง เขาก็ร้อนรน อยากจะวิ่งเข้าไปหา

 

แต่ดาบไม้ของผมยังจ่อที่คอของเขาอยู่ในเวลานั้นผมพูดเสียงเข้ม “ อย่าขยับ ! ”

 

ผีผู้ชายตนนั้นขมวดคิ้ว มองผมอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา

 

เห็นได้ชัดว่าผีผู้หญิงคนนั้นอ่อนแอมาก เธอพยายามลุกขึ้นมา มองผีผู้ชาย “ พี่ ฉัน ฉันไม่เป็นอะไร ! ไม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย น้อง น้องก็จะตามไปอยู่กับพี่”

 

เมื่อผีผู้ชายได้ยินผีผู้หญิงพูดด้วยเสียงอ่อนแรง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองผีผู้หญิง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึก แต่เขาก็ยังไม่ยอมพูดออกมา

 

“ ในบรรดาผีชั่ว พวกแกพี่น้องถือว่ามีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน ! ทําไมไม่เป็นผีดีกลับเลือกเป็นผีชั่ว ”

 

หยางเฉ่วพูดเบาๆ ในเวลาเดียวกันเธอก็เดินลงมาจากชั้นสอง

 

“ ฮึ! อะไรคือชั่ว อะไรคือดี ฉันรู้แค่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนดีถูกรังแก ม้าดีถูกคนขี่ มีแต่ความชั่วที่ถูกต้อง เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกแกแล้ว ก็อย่าพูดมาก ลงมือซะ !” ผีผู้ชายพูดออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่กลัวเลยสักนิด เขาเลือดร้อนมาก

 

เฮอะ ! แกคิดแต่จะทําร้ายคนอื่น ตามที่ผมรู้ตอนนี้พวกเขาฆ่าคนไปสองคนแล้ว และยังคิดจะลงมือกับผมและหยางเฉ่ว ทําให้พวกเรากลายเป็นแขนขาของพวกเขา ผีชั่วแบบแกยังมีเหตุผลนั้นซิ

 

ผมไม่ได้รีบลงมือ แต่ยังพูดต่อ “ แกฆ่าคนเพราะมีเหตุผลงั้นซิ ถ้าทุกคนเป็นเหมือนแกงั้นบนโลกนี้ก็คงวุ่นวายไปหมด ก็คงไม่ต้องถามหาความจริง และไม่ต้องมีความยุติธรรมกันอีกแล้ว”

 

“ ความจริงบนโลกนี้มีความจริงงั้นเหรอ ยังมีความยุติธรรมด้วย แกดูให้ดี พวกแกดูหน้าของพวกเราสองคน นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนที่สุด ! ” ผีผู้ชายพูดด้วยความโกรธสุดๆ เขาแยกเขี้ยวไม่เห็นด้วยกับคําพูดของผมอย่างแรง

 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมกลับเงียบไปพักหนึ่ง

 

จากการเผชิญหน้ากับผีในช่วงนี้ เบื้องหลังของพวกวิญญาณที่กลายเป็นผีชั่ว ล้วนมีสาเหตุอยู่ หรือความแค้นมหาศาล หรือไม่ก็อาฆาตกับเหตุการณ์ก่อนตาย

 

เมื่อได้ยินผีผู้ชายเถียงกลับแบบนี้ ผมก็ยิ่งอยากรู้ว่าก่อนตายพวกเขาไปเจออะไรมา

 

ดังนั้น ผมจึงถามเขาว่า “ ฉันอยากรู้ว่าก่อนตายแกไปโดนอะไรมา หน้าของแกพิสูจน์อะไรได้”

 

ผีผู้ชายคนนั้นจ้องผมอย่างดุร้าย “ หน้าของพวกเรา ถูกพวกชั่วทําลายแต่ไอ้พวกชั่วนั้นยังลอยนวล นี่เป็นเพราะแค่ครอบครัวของพวกเราจน นี่ก็คือความยุติธรรมของที่แกพูดถึงงั้นเหรอ”

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset