ศพ – ตอนที่ 203 เลือก

ตอนที่ 203 เลือก

 

หลังจากฟังผีผู้หญิงเล่าจบ ผมและหยางเฉ่วก็รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนสองพี่น้อง

 

เรื่องนี้ ฆาตกรสามารถหนีไปได้อย่างลอยหน้าลอยตา แต่พวกเขากลับต้องทุกข์ทรมานตลอดเวลา

 

ถ้าใครได้เจอเรื่องแบบนี้ ในใจก็คงมีความมืดและความผิดปกติเกิดขึ้น

 

นี่จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่สุดท้ายสองพี่น้องจะไม่มีความหวังและความเชื่อในการมีชีวิตอยู่

 

แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ขณะที่พวกเขากําลังสิ้นหวัง พวกเขากลับสมัครใจเป็นคนเลว

 

แม้ชีวิตของสองพี่น้องจะน่าสังเวช แต่เรื่องที่พวกเขาฆ่าคน กลับไม่เหมือนกับเรื่องราวที่พวกเราเคยรู้จากพี่ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนถูกทําให้วิญญาณกลายเป็นผีร้าย

 

นอกจากนี้ พวกเขายังค่อนข้างพิเศษ คือเลือกทําชั่วด้วยตัวเอง อยากให้ตัวเองกลายเป็นผีชั่ว

 

และพวกเขายังมีสติ แม้ในใจจะผิดปกติไปแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายโดยสมบูรณ์และจงใจทําชั่ว

 

จากจุดนี้ ผีสองตนทําชั่วจนไม่สามารถให้อภัยได้ ถึงพวกเขาจะมีชีวิตที่น่าเศร้า และเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าผมลงมือฆ่าพวกเขาทันทีก็จะไม่มีกรรมใดส่งมาถึงตัวผม

ผมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พูดกับผีสองตนว่า “ ฉันเข้าใจความรู้สึกตอนมีชีวิตของพวกนาย แต่ฉันก็มีอะไรบางอย่างอยากบอกกับพวกนาย !”

 

“ อะไรล่ะ ” ผีผู้ชายพูดอย่างเย็นชา

 

ผมจ้องเขา “ ไม่ว่าจะทําบาปอะไรเอาไว้คนผู้นั้นก็ต้องรับกรรมเสมอ แม้ว่าตอนมีชีวิตจะทําอะไรก็ตาม แต่เมื่อตายไปก็ต้องชดใช้ ตอนนี้พวกนายทําชั่ว พอลงนรกก็ต้องชดใช้กรรม ”

 

“ ตาย ชดใช้กรรม ฮ่าฮ่าฮ่า ชีวิตฉันไม่มีอีกแล้ว ฉันจะยังสนกรรมที่ต้องชดใช้หลังความตายไปทําไม ชั่งเถอะ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันว่าแกก็เป็นคนปราบสิ่งชั่วร้ายที่ดี ตายด้วยน้ำมือของแก ฉันหยางหยางก็พอใจแล้ว ลงมือเถอะ !”

 

ผีผู้ชายยังเหมือนเดิม เขาไม่กลัวตายเลยสักนิด ราวกับชินชากับทุกอย่างแล้ว ถึงจะได้ไปเกิดใหม่ได้ มันก็ไม่ใช่สิ่งล่อใจสําหรับเขา

 

เมื่อกี้ผมแค่สงสัยชีวิตของพวกเขา ไม่มีใจเมตตาเลยสักนิด

 

แต่ตอนนี้ ผมกลับไม่อยากฆ่าพวกเขา เพราะผมรู้ว่า ที่พวกเขาทําชั่ว เพราะถูกคนชั่วทําร้ายจนเกิดแผลในใจ

 

ดังนั้น ผมอยากให้โอกาสพวกเขาอีกสักครั้ง ให้พวกเขาได้มีความหวังอยากจะกลับมาเกิดใหม่

 

ผมพูดออกมาอีกครั้ง “ หยางหยางใช่ไหม ! หลังจากได้ยินเรื่องตอนที่นายมีชีวิต ฉันก็ไม่อยากฆ่าพวกนายสองพี่น้องแล้ว นายต้องรู้ว่า ถ้าพวกนายตายอีก วิญญาณจะแตกสลาย ม่สามารถกลับมาได้อีกแล้ว ไม่สู้มีชีวิตอยู่ต่อ ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง และให้โอกาสน้องสาวของนายอีกครั้ง หรือนายจะทนเห็นน้องตัวเองตายไป พร้อมกับวิญญาณแตกสลายละ ”

 

เมื่อผีผู้ชายได้ยินผมพูดแบบนั้น ท่าทีที่เด็ดเดี่ยวของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกันจิตใต้สํานึกก็บอกให้เขาหันไปมองตาผีผู้หญิง

 

ผีผู้หญิงกําลังนอนคล้ำหน้าอยู่กับพื้น ในเวลานี้มีหยางเฉ่วคอยเฝ้ามองอยู่ เธอไม่พูดอะไร เพียงมองผีผู้ชายเงียบๆ

 

เมื่อเห็นผีสองตนเงียบ ผมจึงพูดออกมาอีกครั้ง “ ถ้าฆ่าพวกนายแล้ว มันก็จบเรื่อง ฉันก็ไม่ต้องเหนื่อย แต่ฉันไม่อยากทําแบบนั้น ฉันจะให้โอกาสนายและน้องสาว ถ้าพวก นายเปลี่ยนใจ ถึงจะเคยทําชั่ว ฉันคิดว่าท่านพระยายมราชเองก็รู้จักหนักเบา ขอแค่พวกนายสองพี่น้องรักใคร่กัน ไม่แน่บางที่พอมาเกิดใหม่ อาจมีโอกาสได้เกิดมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

 

ผมพูดเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดว่ามันจะเป็นแบบนั้นซะทีเดียว

 

ผมเป็นแค่คนปราบสิ่งชั่วร้าย ไม่ใช่ “พ่อพระ” ผมทําเรื่องที่สมควรทํา และพูดเรื่องที่สมควรหมดแล้ว

 

ส่วนเรื่องหลังจากนี้ ก็ทําได้เพียงให้อีกฝ่ายเลือกเท่านั้น 

 

ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ แม้ผมจะสงสารชีวิตของพวกเขา แต่ผมก็จะไม่ลังเลที่จะฆ่าพวกเขาเลยสักนิด เพราะผมก็มีหน้าที่ต้องรักษาความสงบให้มนุษย์

 

แต่ถ้าอีกฝ่ายให้โอกาสตัวเอง ผมก็จะไม่ลังเลส่งวิญญาณของพวกเขาไปลงนรกทันที ให้พวกเขาได้อีกโอกาสกลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง

 

แน่นอนว่า หลังจากพวกเขาลงไปจะต้องทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน

 

ฆ่าคนไปเยอะขนาดนั้น การลงตกนรก 18 ขุมเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน

 

แต่หลังจากพวกเขาหมดโทษ ก็ต้องได้ไปเกิดใหม่แน่ 

 

ผีผู้ชายยังเงียบอยู่ เขาจ้องน้องสาวของตัวเองเป็นเวลานาน บางทีเขาคงกําลังชั่งใจอยู่

 

ผมเองก็ไม่ได้เร่งรัด เพียงจองพวกเขาพร้อมกับกําดาบในมือแน่น

 

หลังจากนั้นประมาณห้านาที ในที่สุดความเงียบก็ถูกทําลาย

 

พวกเราได้ยินผีผู้ชายพูดกับผีผู้หญิงว่า “ น้อง ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของพี่ พี่ควรตาย เธอมีชีวิตอยู่แทนพี่นะ หลังจากลงไปถ้าเจอพ่อกับแม่ก็ถามไถ่แทนพี่ด้วย บอกว่าพี่ มันอกตัญญ ไม่สามารถแก้แค้นให้พวกเขาได้…”

 

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

 

ผีผู้ชายคิดจะทําอะไร ทําไมมันฟังดูเหมือนคําสั่งเสีย ! หรือเขายังอยากตาย

 

“ พี่ ! จะตายก็ตายด้วยกัน จะอยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน !” ผีผู้หญิงรีบพูด เธอค่อนข้างกระวนกระวาย

 

แต่ทันใดนั้นผีผู้ชายกลับส่ายหัว “ ไม่ ! พี่ไม่มีโอกาสแล้ว แต่เธอมี ! ”

 

“ มี พี่มีซิ ! ถึงพวกเราจะตกนรก 18 ขุม แต่พวกเราก็ยังได้อยู่ด้วยกัน ” ผีผู้หญิงพูดต่อ

 

ในเวลานี้ผมก็พูดเพิ่ม “ โอกาสอยู่ข้างนายแล้ว นายอย่าเลือกทางผิด!”

 

แต่ผีผู้ชายกลับหันมามองผม เขาเผยรอยยิ้มที่ขมขื่น ๆ ไม่มีโอกาสแล้ว ตั้งแต่วันที่ฉันตายทุกอย่างก็จบแล้ว ”

 

หลังจากพูดจบ ผีผู้ชายก็หันไปมองผีผู้หญิงอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “ น้อง เธอจ้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ… ”

 

เมื่อคําพูดนี้หลุดออกมา เขายังไม่รอให้พวกเราทุกคนได้ตอบสนองอะไร ทันใดนั้นผีผู้ชายก็เอามือมาจับดาบไม้ของผม

 

ไม่รอให้ผมได้แย่งกลับ เขาก็ยืดตัวตรง และพุ่งเข้าใส่มันทันที

 

“ ฉึก ” ทันใดนั้นดาบไม้ก็แทงทะลุร่างกายของผีผู้ชาย

 

และแล้วเสียงกรีดร้อง “ อ๊าก…” ของผีผู้ชายก็ดังขึ้น พลังหยินในร่างเริ่มไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ สีหน้าของผมก็เปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงว่าผีผู้ชายจะเด็ดขาดขนาดนี้ แม้แต่จะตายก็ยังสูงส่ง

 

ทันใดนั้นผีผู้ชายกลับยิ้มออกมา เขาถอยไปข้างหลัง ดึงดาบไม้ออก และกดหน้าอกของตัวเองเอาไว้ “ ฉันตาย น้อง น้องถึงจะรอด………….”

 

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ผมกลับอึ้งหนักกว่าเดิม เขาหมายความว่าอะไร

 

“ พี่ ! ” ในเวลาเดียวกัน ผีผู้หญิงก็กรีดร้องออกมา เธอรีบเข้าไปหาผีผู้ชายทันที

 

ในเวลานี้ หยางเฉ่วไม่ได้ห้ามไว้ เธอปล่อยให้ผีผู้หญิงพุ่งออกไป

 

ผีผู้หญิงกอดผีผู้ชายเอาไว้ เรียกเขาไม่หยุด “ พี่ พี่….”

 

ผีผู้ชายจับมือผีผู้หญิง กดความเจ็บปวดของร่างกายเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆส่ายหัวให้ผีผู้หญิง “ ฟังพี่นะ มี มีชีวิตต่อไป พวกเขา พวกเขาเป็น เป็นคนดี ”

 

ขณะที่พูด ร่างกายของผีผู้ชายก็กระตุก และร่างของเขาก็เริ่มเป็นแสงกระพริบแล้ว

 

เห็นได้ชัดว่า วิญญาณของผีผู้ชายกําลังแตกสลาย

 

ผมจ้องผีผู้ชาย ในใจไม่รู้สึกดีใจหรือกังวล เพราะเขาเป็นคนเลือกเอง ผมไม่สามารถทําอะไรได้

 

ตอนแรกผมคิดว่า มันจะจบลงเท่านี้

 

แต่ก่อนที่วิญญาณของผีผู้ชายจะแตกสลาย ฉากแปลกๆก็เกิดขึ้น

 

ร่างของเขาสั่นกระตุก ทันใดนั้นผมก็พบว่าที่หน้าผากของเขา มีรอยแยกออกเล็กน้อย

 

และสุดท้ายรอยแยกนั้นก็เปิดออก เผยให้เห็นดวงตาสีขาวโพน

 

ตาดวงนั้นเพิ่งปรากฏขึ้น สีหน้าของผมและหยางเฉ่ว ที่ยืนอยู่ข้างๆก็เปลี่ยนไปทันที ในใจมีเสียงดัง “ อึก ”

 

หยางเฉ่วพูดออกมาด้วยความตกใจ “ นี่ นี่มันตาผี ”

 

ผมขมวดคิ้ว และสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

มองวิญญาณผีผู้ชายที่กําลังแตกสลาย และรีบพูดว่า “ หยางหยาง ทําไมนายมีตาผี”

 

ผีผู้ชายที่วิญญาณกําลังแตกสลาย ได้ยินคําพูดของผม เขาจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ พวก พวกเขาให้ให้ฉัน มีชีวิต และให้ และให้ฉันตาย ฉัน ฉันตาย น้องถึงรอด… ”

 

เมื่อถึงประโยคสุดท้าย ผีผู้ชายก็หันมาพูดกับผีผู้หญิง

 

เมื่อคําพูดนั้นหลุดออกมา ไม่รอให้ผมได้ถามต่อ วินาทีนั้นพลังหยินในร่างกายของผีผู้ชายก็หายไปจนหมดแล้ว ร่างกายของเขามาถึงขีดสุดแล้ว

 

“ปัง” ทันใดนั้นร่างของผีผู้ชายก็กลายเป็นแสงน้อยๆ และจางหายไปต่อหน้า

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset