ศพ – ตอนที่ 21 เมียออกโรง

เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นเจ้าหมอนี้พุ่งเข้ามา สีหน้าก็มืดมนลงในทันที เขารีบพาผมถอยไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

ผมเองก็แสดงความหวั่นวิตกออกมา พูดกับเฟิงเฉ่วหานว่า “เฟิงเฉ่วหาน นี่มันร่างของอาจารย์ฉันนะ ตอนนายลงมืออย่าทำรุนแรงมากละ!”

ท่าทางของเฟิงเฉ่วหานยังไม่เปลี่ยนแปลง เขายังแสดงท่าทางที่เย็นชา “เอาชีวิตให้รอดก่อนแล้วค่อยมาพูดเถอะ”

หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาทันที

เฟิงเฉ่วหานเองก็ตามนักพรตตู๋ท่องเที่ยวไปทั่ว เห็นการต่อสู้อันยิ่งใหญ่มาก็ไม่น้อย

 

ดังนั้นวินาทีที่ผีชั่วเข้ามาประชิดตัว เขาไม่เพียงไม่กลัวเท่านั้น ยังไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อย

เขาใช้ดาบไม้ฟันออกไป  แต่เมื่อสัมผัสเข้ากับร่างของอาจารย์  ราวกับได้สัมผัสกับผิวเหล็กกล้า เฟิงเฉ่วหานไม่สามารถทำร้ายมันได้เลย

เมื่อผมเห็นว่าเฟิงเฉ่วหานไม่ใช่คู่ต่อสู้  เขาก็ค่อยๆพ่ายแพ้ไปทีละนิด  ผมจึงทนนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้

เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมสองคนจะต้องตายในกำมือของมันแน่

ผมทำใจกล้า จับดาบไม้ขึ้นและแทงออกไปข้างหน้า

“ไอ้ผีชั่ว ไสหัวออกไปจากร่างอาจารย์ของฉันซะ!”

 

ขณะที่พูด ผมก็แทงดาบไม้ไปที่ด้านบนไหล่ของอาจารย์ แต่มันไม่ได้ผลเลยสักนิด

ในทางกลับกันยังทำให้ผีชั่วโกรธมาก เขาหมุนตัว และเตะมาที่ท้องของผม “ไส้หัวไปทางโน้น!”

ขณะนั้นผมมีความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นที่บริเวณท้อง  จากนั้นมันก็ตามมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง

วินาทีนั้นตัวของผมก็กลิ้งไปบนพื้นทันที ผมกุมหน้าท้องเอาไว้ไม่สามารถลุกขึ้นมาจากพื้นได้เลย

เมื่อเฟิงเฉ่วหานเห็นสภาพของผม เขาก็ยกคิ้วขึ้น และตะโกนออกมา “ติงฝาน!”

ขณะที่พูด เขาก็หยิบตราประทับอันเดิมที่เคยใช้ออกมา เขาคิดจะกดมันลงที่ร่างของผีชั่ว

แต่ผีชั่วตนนั้นควบคุมร่างกายของอาจารย์เอาไว้ มันเคลื่อนไหวได้อย่างใจนึก แถมยังรวดเร็วมากอีกด้วย

 

วินาทีนั้นไม่เพียงสามารถหลบการโจมตีจากตราประทับได้ ปากของมันยังหัวเราะฮ่าๆออกมา “ตอนฉันเล่นตราประทับสวรรค์ ปู่ของแกยังอยู่ในโคลนอยู่เลย!”

หลังจากพูดจบ ร่างของผีชั่วตนนั้น ก็ปรากฎตรงหน้าของเฟิงเฉ่วหาน

สีหน้าของเฟิงเฉ่วหานเปลี่ยนไปทันที เขาคิดจะหลบ

แต่มันก็สายไปแล้ว ผีชั่วนั้นง้างมือขึ้น “ปัง” และตบลงที่ขมับของเฟิงเฉ่วหาน

เฟิงเฉ่วหานถูกโจมตีอย่างรุนแรง เขาล้มลงไปกับพื้นทันที และส่วนที่ถูกโจมตีนั้นคือบริเวณศรีษ  ดังนั้นเขาจึงสลบในทันที

 

เมื่อเห็นเฟิงเฉ่วหานสลบไป ผมจึงกดความเจ็บปวดที่หน้าท้องเอาไว้ และรีบเข้ามาอยู่ด้านหน้าของเฟิงเฉ่วหาน จากนั้นก็เขย่าตัวของเขา

“เฟิงเฉ่วหาน เฟิงเฉ่วหาน! ตื่นซิ ตื่นซิ……”

ขณะที่ผมกำลังวิตกกังวล ผีชั่วตนนั้นก็หัวเราะ “ฮึฮึฮึ!” พร้อมพูดออกมาด้วยเสียงที่ตื่นเต้น “ธาตุน้ำไร้ราก คืนนี้แกต้องเป็นของฉัน!”

เมื่อพูดจบ ผีชั่วตนนั้นก็เอื้อมมือ มาขย่ำคอของผมทันที

เมื่อเห็นภาพนี้ ใบหน้าของผมก็ เผยสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา ร่างกายก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

 

แต่ความเร็วของผีชั่วนั้นเร็วมาก เพียงชั่วพริบตามันก็เข้ามาถึงตัวผม

ในขณะที่ผมกำลังคิดว่า คอของตัวเองต้องโดนผีชั่วนี้ขย่ำแน่ จากนั้นก็จะถูกฆ่าตาย

ทันใดนั้นร่างสีขาวก็ปรากฎตัวขึ้น จากนั้นก็เห็นมือของร่างสีขาวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เข้าจับคอของอาจารย์เอาไว้

เมื่อมองดีๆ ร่างสีขาวนี้เป็นผู้หญิง

ผมยาวราวกับสายน้ำ ใส่ชุดเดรส ลายดอกไม้สีขาว เผยให้เห็นรูปร่างที่ดูสูงสง่า

 

นอกเหนือจากนั้น เสียงที่เปล่งออกมายังหวานหยดย้อย แต่ภายในเสียงของผู้หญิงยังปนไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้น “คนของฉันแกยังกล้าแตะต้อง สงสัยไม่อยากมีชีวิตแล้วซินะ!”

ขณะนั้นผมกำลังแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียด จ้องมองไปยังผู้หญิงที่พึ่งปรากฎตัวต่อหน้า

แต่เมื่อได้ยินเสียงนี้ ความสับสนที่เคยมี ก็เปลี่ยนเป็นความตกตะลึง

นี่ เสียงนี่ มันไม่ใช่เสียงผีเมียของผมเหรอ

หรือว่าผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนนี้จะเป็นผีเมียที่ผมไม่เคยได้พบหน้ามาก่อน

น่าจะใช่ หลายครั้งที่ได้ยินเสียงนี้ มันก็เหมือนกับตอนนี้เป๊ะ อีกอย่างตัวเธอก็ไม่มีเงา ต้องเป็นผีอย่างแน่นอน

 

ผมอ้าปากเล็กน้อย มองไปที่ด้านข้างและด้านหลังของเธอ เพียงชั่วอึดใจความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไปทันที

เพราะด้านหลังของเธอนั้นสวยมาก แม้จะเห็นส่วนของใบหน้าเพียงเล็กน้อย แต่มันก็แสดงให้เห็นรายละเอียดที่งดงาม เธอจะต้องสวยจนทำให้คนหยุดหายใจแน่

ขณะที่ผมยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ อาจารย์ที่ถูกเธอบีบคอไว้ จู่ๆใบหน้าของเขาก็เริ่มมีแสงกระพริบไปมา

ราวกับภาพเงา ที่สั่นไหว

ฉากแบบนั้น ดูเหมือนใบหน้าของใครอีกคนหนึ่งที่ กำลังซ้อนทับกับใบหน้าของอาจารย์

เขาเผยสีหน้าที่อึดอัดและเจ็บปวดออกมา ทันใดนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงแหบแห้ง “เธอ เธอเป็นใคร ฉัน ฉันไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอะไรให้แม่หนูไม่พอใจใช่ไหม!”

 

ภายในเงาซ้อนทับที่จอมปลอมนั้น กลับมีใบหน้าที่ตกใจและหวาดกลัวปรากฎออกมา

แต่ผีเมียที่อยู่ตรงหน้าของผม กลับพูดฮึอย่างเย็นชา เธอยกแขนขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็โยนเขาออกไป

ร่างอาจารย์ของผม ถูกโยนลงบนพื้นที่อยู่ข้างๆ

และในวินาทีนั้น ควันสีดำก็ออกมาจากร่างของอาจารย์ทันที จากนั้นข้างๆก็ปรากฎร่างของคนแก่ที่แข็งแรง

เขากำลังใส่ชุดของคนตาย ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยที่เหี่ยวย่น ผมสีขาว ดูบางเบามาก

เขาจ้องผีเมียที่อยู่ตรงหน้าของผม ด้วยหน้าตาที่น่าเกลียดน่ากลัวมาก ร่างกายยังขยับถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว

 

“ แม่ แม่หนู ฉัน ฉันมีตาหามีแววไม่ กลับเดินผ่านดินแดนอันล้ำค่า ทำ ทำให้ไม่พอใจ ขอให้ ขอให้แม่หนูโปรดเข้าใจ ปล่อยฉันไปเถอะ!” ตาแก่นั้นหวาดกลัวอย่างมาก เขากลัวแบบสุดขีดไปเลยละ

เมื่อเทียบกับใบหน้าที่แสนเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ มันเหมือนกับเป็นคนละคนกันเลย

แต่ผีเมียกลับไม่เกรงใจ เธอตอบกลับด้วยเสียงที่เย็นชา “ฮึ! มาแตะคนของฉัน แล้วยังคิดจะให้ฉันปล่อยแกไปอย่างงั้นเหรอ เอาชีวิตมาแลกไปก็แล้วกัน!”

หลังจากพูดจบ ร่างของผีเมียก็หายแวบไปทันที ทันใดนั้นเธอก็ปรากฎตัวต่อหน้าผีชั่ว

ไม่รอให้ผีชั่วตนนั้นได้ทำอะไร ผีเมียก็ง้างมือขึ้น และตบไปที่ร่างของผีชั่วนั่นทันที

 

ผีชั่วตนนั้นกรีดร้องออกมา ร่างของเขากระเด็นออกไปทันที

ตอนแรกผีเมียคิดจะตามไป แต่ขณะที่เธอกำลังจะไปฆ่าผีชั่วให้ตายคามือ

ร่างของผีชั่วตนนั้นกลับมีเสียงระเบิดดัง “ปัง” กลายเป็นกลุ่มควันสีดำ และจางหายไปต่อหน้าต่อตา

เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็ตกตะลึงไปในทันที ร่างของเขาสลาย สลายหายไปแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น วินาทีที่ผีชั่วหายไป ป่าที่อยู่รอบๆ กลับมีเสียงของผีชั่วตนนั้นดังขึ้น “แม้ภูเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงแต่สายน้ำนั้นเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ครั้งนี้เธอปกป้องเขาไว้ได้ แต่ปกป้องเขาไม่ได้ตลอดหรอก แค้นในวันนี้ ฉันจะมาทวงมันคืนในเร็วๆนี้แน่”

 

ดูเหมือนเสียงนั้นจะดังมาจากทุกสารทิศ ไม่รู้ว่าดังมาจากทางไหนกันแน่

ส่วนผีเมียนั้นไม่ได้พูดอะไร เธอแค่ยืนหันหลังให้ผมเหมือนเดิม

หลังจากเสียงนี้จางหายไป รอบๆก็กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

แต่ผม กลับรู้สึกว่าเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน เอาเรื่องผีชั่วนั้นโยนออกไปไกลสุดขอบฟ้า

เพราะในที่สุดผมก็จะได้เห็นหน้าผีเมียของผมซะที ดวงตาของผมถูกเธอดึงดูดไปเรียบร้อยแล้ว  เธอสวยจนไม่สามารถละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว

ผมจ้องไปที่ด้านหลังของเธอ จากนั้นก็พูดออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อย “เธอ เธอก็คือ ก็คือเมียของฉันใช่ไหม”

 

แต่เสียงของผมพึ่งตกลงเท่านั้น ร่างผู้หญิงสีขาวก็หันมาทันที

เมื่อเธอหันมา ผมพูดได้เพียงแม่เจ้าโว้ย!

ตัวของผมอึ้งในทันที เพราะ เพราะเธอโคตรสวยเลย

เมื่อกี้มองเห็นแค่ด้านหลังและส่วนของใบหน้าเล็กน้อย เลยไม่ได้ใส่ใจ และคิดไม่ถึงว่า ใบหน้าของผีเมียของผมจะงดงามได้ถึงขนาดนี้

ผิวเรียบเนียน คิ้วโก่งดั่งคันศร ดวงตาเปล่งประกาย ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็ก

 

หน้าตาแบบนั้นราวกับนางฟ้าลงมาโปรด หาได้ยากบนโลกมนุษย์

แม้แต่ดาราหญิงที่ว่าสวยในทีวี ก็ยังสู้กับผีเมียที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ได้

ผมมองจนลืมตัว เมื่อก่อนคิดว่าเมียของตัวเองจะเป็นยัยผู้หญิงน่าเกลียดที่คิดจะระเบิดมังกรน้อย แต่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเธอจะงดงาม จนสามารถล่มเมืองได้

แต่เมื่อผีเมียเห็นผมมองด้วยความลุ่มหลง เธอก็เหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อย เธอเลิกคิ้วที่งดงามขึ้นและพูดว่า “ไอ้ผู้ชายกาก ใครเป็นเมียของแกฮะ”

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset