ศพ – ตอนที่ 214 หมอกดํา

ตอนที่ 214 หมอกดํา

 

นอกจากจิ้งจอกสาวจะเคลื่อนไหวเร็ว และว่องไวกว่าแล้วพลังของเธอก็ไม่ได้สูงไปกว่าผม

 

ดูจากสภาพแล้วเหมือนจิ้งจอกสาวจะเพิ่งกลายร่างได้ไม่นาน ตอนนี้เธอถูกผมกดเอาไว้ในเวลาเดียวกันผมเอื้อมมือลงไปแปะยันต์

 

จิ้งจอกตัวนั้นตกใจ กรีดร้องออกมาทันที เธอคิดจะหลบยันต์ของผม

 

แต่เธอจะหลบมันได้ยังไง ผลลัพธ์ “ แปะ ” ยันต์ในมือของผม ก็แปะลงตรงกลางหน้าผากของอีกฝ่ายพอดี 

 

ขณะเดียวกัน ผมก็ยกมือขึ้น สองมือเสกคาถาอย่างรวดเร็ว และในที่สุดผมก็ประสานมือเป็นรูปดาบ

 

ส่วนจิ้งจอกตัวนั้น กลับเอื้อมมือออกมา เธอคิดจะดึงยันต์บนหัวออก

 

แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง พลังของเธอยังอ่อนกว่าผม เธอจึงไม่มีความสามารถนี้

 

ถ้าผมไม่ลงมือ อีกเดี๋ยวผมอาจถูกจิ้งจอกตัวนี้ฉีกเป็นชิ้นๆ

 

ดังนั้น ผมจึงพูดออกมาทันที “ ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง…”

 

ผมเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ยังไม่ทันพูดคําว่า “ ทําลาย” ออกมาเมื่อคาถาทํางาน ถึงจิ้งจอกตัวนี้ไม่ตายเธอก็ต้องพิการ

 

แต่สิ่งที่ผมไม่เคยคิดเลยคือ ในวินาทีนั้นเอง จู่ๆหางจิ้งจอกขนาดใหญ่ก็ลอยเข้ามา มันชนเข้ากับตัวผมทันที

 

“ ปัก ” เรี่ยวแรงมหาศาล ทําให้ตัวผมกระเด็นออกไปทันที

 

พลังที่มหาศาลนั้น เทียบกับน้ำหนัก 50 กว่ากิโลกรัมของผม ทําให้วินาทีนั้นผมกระเด็นออกไปไกล 3 เมตรกว่า และสุดท้ายก็กระแทกเข้ากับต้นไม้อย่างแรง

และ “ ปัก ” ผมยังหล่นลงดินอีกครั้ง

 

“ โอ๊ย ! เจ็บ !” ผมกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ ผมรู้สึกว่าร่างกายกําลังแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

“ เสี่ยวฝาน ! ”

 

“ เหล่าติง ! ?

 

อาจารย์และเพิ่งเฉ้วหานตะโกนออกมาทันที พวกเขาต่างตกใจ

 

ผมจับที่หน้าอกเอาไว้ พยายามลุกขึ้นจากพื้น

 

จนถึงตอนนี้ ผมเพิ่งรู้ว่า เมื่อกี้สิ่งที่ลอยมา ก็คือหางของจิ้งจอกเฒ่า

 

ตอนนี้ร่างมนุษย์ของจิ้งจอกเฒ่ามีหางออกมา หางอันนั้นทั้งยาวและใหญ่ มันส่ายไปมาไม่หยุด เหมือนกับแส้ยาวๆเส้นหนึ่ง ที่ร้ายกาจอย่างมาก

 

ส่วนยันต์ที่แปะไว้บนหน้าผากของจิ้งจอกสาว ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว บางที่จิ้งจอกเฒ่าอาจคิดวิธีทําให้ยันต์หายไป

 

เพราะการอยู่ที่นี่ ทําให้จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ทั้งทรงพลังและทําอะไรได้ตามใจคิด

 

“ กล้าทําร้ายฉัน ฉันจะกัดแก ! ” ขณะที่พูด จิ้งจอกสาวตนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง

 

อาจารย์และคนอื่น ก็ปลีกตัวมาไม่ได้ ทําได้เพียงเตือนอยู่ไกลๆ “ ยังนิ่งหาอะไรอยู่ฮะ รีบหลบซิ !”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์ตะโกนเสียงดัง ผมก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว

 

ตอนนี้ผมกดความเจ็บที่หน้าอกไว้ รีบถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

 

ผมมองเหล่าเฟิง อาจารย์ และคนอื่นๆ ที่กําลังติดพันกับการต่อสู้ ช่วงเวลานั้นผมเองก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ

 

แต่ผมรู้ดี ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องมีคนบาดเจ็บแน่ ถึงพวกเราชนะแล้ว แต่ก็ต้องมีคนโดนแจ็คพอต…

 

ผมลังเลต่อไปไม่ได้แล้ว ผมจะต้องรีบเปิดกล่องที่มู่หลงเหยียนให้มา

 

ถึงผมจะไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรอยู่ แต่มันมั่นใจ ว่าเจ้าสิ่งนั้นจะทําให้พวกเราพ้นจากอันตราย หรือทําให้อีกฝ่ายลําบากอย่างแน่นอน

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ผมจะกล้าลังเลได้ยังไง

 

ขณะที่ถอยไปข้างหลัง ผมก็เอื้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบกล่องไม้โบราณออกมา

 

หลังจากผมหยิบกล่องออกมา ผมก็ไม่คิดเลยสักนิด ปลดล็อค และเปิดกล่องอย่างไม่ลังเล

 

วินาทีที่กล่องเปิดออก หมอกสีดําก็ปรากฏขึ้น มันระเบิดออกมาจากในกล่อง

 

“ ปัง ” เมื่อหมอกดํานั้นระเบิดออก มันก็กระจายตัวไปรอบๆ ทําให้ผมที่ถือกล่องอยู่ตกใจในทันที

 

จู่ๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพรัน ทําให้ผมตกใจ

 

บวกกับการที่สติของผมกําลังหวาดระแวงอยู่แล้วผลลัพธ์กล่องเพิ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ทันใดนั้นผมก็โยนมันไปที่พื้นตามสัญชาตญาณ

 

ส่วนตัวผม ก็เริ่มถอยหลังอย่างรวดเร็ว ทิ้งระยะห่างจากหมอกอันดํามืดนั้น

 

กล่องไม้กล่องนั้น ตอนนี้ดูเหมือนกับปล่องไฟ ที่มีควันสีดําลอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

แต่ควันสีดํานั้นไม่จางหายไป ทั้งหมดต่างรวมตัวเป็นกระลูก

 

เมื่ออาจารย์และคนอื่นๆเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยท่าทางแปลกใจ

 

อาจารย์ยังพอว่า เพราะรู้ว่ากล่องใบนั้นเป็นสิ่งที่ผีเมียให้กับผมมา เขาจึงเตรียมใจเอาไว้แล้วบ้าง

 

แต่ท่านนักพรตต์ เหล่าฉินและเพิ่งเฉ่วหาน ตอนนี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

แต่เมื่อหันไปมองจิ้งจอกสามตัวอีกครั้ง พวกเขากลับอึ้งยิ่งกว่าพวกอาจารย์

 

จิ้งจอกสาวที่เคยตามฆ่าผม เมื่อเห็นหมอกดําปรากฏขึ้น เธอกลับหยุดวิ่งทันที วินาทีนั้นเธอมองหมอกสีดําที่กําลังรวมตัวกันด้วยความหวาดกลัว แม้แต่หายใจแรงๆก็ยังไม่กล้า

 

ส่วนจิ้งจอกอีกสองตัว สีหน้าพวกเขาไม่ต่างกันมาก นอกจากจะต่อสู้แล้ว พวกเขาก็ยังแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาระแวงหมอกดําอย่างต่อเนื่อง

 

ผมมองหมอกดําจากระยะ 3 เมตร ช่วงเวลานั้นผมก็ไม่มั่นใจว่าหมอกสีดําคืออะไร

 

หลังจากหมอกสีดําออกมาได้สองวินาที ฉากแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น

 

ในหมอกสีดํานั้น เหมือนมีบางอย่างกําลังขยับ มันดิ้นไปมาสองสามครั้ง

 

ผมขมวดคิ้ว เพราะอยากเห็นให้ชัดกว่านี้

 

ผลลัพธ์ทันใดนั้นหมอกสีดําก็สั่นไหว ลมกระโชกแรงพัดตามมาติดๆ ต้นไม้ใบหญ้าต่างปลิวว่อน

 

ราวกับสายลมอันลึกลับนี้ ได้ระเบิดออกมา แล้วห่อหุ้มไปทั้งผืนป่า ทําให้คนรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่าง

 

แต่มันยังไม่จบเท่านี้ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือ หลังจากที่แรงกดดันนั้นปรากฏขึ้น จู่ๆในหมอกสีดําก็มีดวงตาสีเขียวเข้มปรากฏขึ้น

 

เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้น ผมที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจทันที

 

อาจารย์ เหล่าเฟิงและคนอื่น ต่างก็ตกใจอย่างต่อเนื่อง ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

 

แต่เมื่อมองย้อนกลับมาทางจิ้งจอกสามตัว ตอนนี้สีหน้าของพวกมันแปลี่ยนไปอย่างมาก พวกมันจ้องดวงตาคู่นั้นอย่างลืมตัว

 

จิ้งจอกน้อยที่กลายร่างเป็นหญิงสาวนั้น “ บึก ” ได้ลุกเข่าลงกับพื้นทันที เธอตัวสั้น พร้อมตะโกนออกมาเสียงสั่น “ ขอคารวะพระแม่”

 

ส่วนจิ้งจอกอีกสองตัว เพราะตอนนี้สติหลุด จึงเผยให้เห็นช่องโหว่ วินาทีนั้นพวกเขาจึงถูกเหล่าเพิ่งและท่านนักพรตตู๋ชนจนล้มลงไปกับพื้น

 

แต่จิ้งจอกสองตัวนั้นกลับไม่รีบลุกขึ้นต่อต้านหรือวิ่งหนีกลับกันพวกมันยังรีบหมอบลง จากนั้นก็เหมือนกับจิ้งจอกน้อย จ้องดวงตาในหมอกสีดํา คลานไปคุกเข่า และต่างตะโกนออกมาว่า “ ขอคารวะพระแม่… ”

 

อาจารย์และคนอื่นๆที่คิดจะโจมตีต่อ จู่ๆเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนั้น พวกเขาก็แสดงสีหน้าสงสัย ไม่ลงมือทําอะไรเช่นกัน

 

ผมงงทันที เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ชัด แต่ตอนนี้กลับได้ยินอย่างชัดเจน

 

อีกฝ่ายตะโกนว่า “ ขอคารวะพระแม่ ” นี่มันผีอะไร 

 

แต่ไม่รอให้พวกเราเข้าใจสถานการณ์ ทันใดนั้นในหมอกสีดํา ก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น “ พวกเจ้าลงเขามาทําอะไร ?

 

เสียงของผู้หญิงทั้งคมและหวาน แต่ตอนนั้นมันกลับแผงไปด้วยความโกรธเล็กน้อย

 

หลังจากจิ้งจอกเฒ่าได้ยินคําพูดนี้ เขาก็ตัวสั่น ตอบกลับด้วยเสียงติดๆขัดๆ “ ข้าน้อยออกมาหามนุษย์ ปกป้องครอบครัวขอรับ ! ”

 

“ ฮึ ! รู้ก็ดี ! แต่ทําไมต้องต่อสู้กับคนพวกนี้ ” เสียงในหมอกดําดังขึ้นอีกครั้ง

 

จิ้งจอกเฒ่าหัวโจกไม่กล้ารอช้า เขาเงยหน้าขึ้น ตอบกลับด้วยความหวาดกลัว “ เนื้อในร่างของลูกชายข้าน้อยถูกเผากระดูกถูกทําลาย เป็นเพราะคนพวกนี้ ดังนั้น ดังนั้นข้าน้อยจึงต้องการความยุติธรรม !”

 

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็เข้าใจทันที

 

ภายในหมอกสีดํา ก็คือจิ้งจอกเฒ่าที่เป็นบอสของบอสอีก

 

หรืออาจเป็นปีศาจโบราณในหุบเขา ไม่อย่างนั้นจิ้งจอกสามตนนี้ ก็คงไม่เรียกว่า “ พระแม่”

 

และฟังจากน้ำเสียง เธอน่าจะเป็นปีศาจที่ดีตัวหนึ่ง

 

จิ้งจอกสามตัวตรงหน้า น่าจะได้รับคําสั่งให้ลงเขา เพื่อตามหาเซียนที่ออกมาจากเขา

 

อยากจุดธูปขอพร ปกป้องบ้านเซียน

 

แต่ไม่รู้ว่าทําไม ลูกชายของจิ้งจอกเฒ่ากลับตายได้ เขาทําภารกิจไม่สําเร็จ กลับกันยังมาหาเรื่องพวกเรา

 

ตอนนี้เห็นจิ้งจอกเฒ่ากําลังพูดจาเหลวไหล คิดจะพูดกลับกลอก จึงเป็นธรรมดาที่ผมจะไม่พอใจ

 

ผมไม่ลังเล พูดกับบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าทันที “ ท่าน ท่านเซียน อย่าไปฟังคําพูดเหลวไหลของเขา ตอนที่พวกเราไปเก็บศพ ลูกของเขาอยู่ในร่างมนุษย์ไม่ใช่ศพจิ้งจอก หลังจากเผาแล้ว พวกเราถึงได้รู้ว่านั้นไม่ใช่ศพมนุษย์ แต่ก็เก็บรักษาเถ้ากระดูกเอาไว้อย่างดี แต่เจ้านี้กลับบุกไปบ้านมนุษย์ตามใจชอบ กัดลุงหลิวของผมบาดเจ็บ อีกนิดเดียวก็จะฆ่าเขาแล้ว ตอนนี้ยังเรียกร้องขออายุไข 20 ปี และสังให้พวกเราไว้อาลัยให้ลูกชายเขาสามปี ไม่อย่างนั้นก็จะให้พวกเราชดใช้ด้วยเลือด ! ”

 

ผมพูดตามความจริง คิดว่าอีกฝ่ายกําลังบีบบังคับมนุษย์ 

 

แต่จิ้งจอกเฒ่ากลับทําสีหน้าหวาดกลัว เขารีบเถียงทันที “ พระแม่ พระแม่ ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ฟังข้าน้อยอธิบาย…”

 

แต่ดวงตาสีเขียวเข้มนั้น กลับหันมาอย่างรวดเร็ว เธอมองจิ้งจอกสามตน ในเวลาเดียวกันก็พูดอย่างเย็นชา “ หุบปาก ลืมกฏแล้วเหรอ กลับไปที่เขาจิ้งจอกภายในสามวันและรอฟังคําสั่ง”

 

เมื่อคําพูดนี้หลุดออกมา ดวงตาสีเขียวเข้มก็ปิดลงทันที

 

หมอกสีดําที่ลอยอยู่ในอากาศ กลับหายเข้าไปในชั่วพริบตา พวกมันกลับเข้าไปกล่องไม้ดังเดิม

 

หลังจากหมอกสีดํากลับเข้าไป กล่องไม้ที่เคยเปิดอยู่ ก็ปิดลงทันที “ ปัง” เสียงกล่องกระทบกัน หลังจากนั้นก็ไม่มีฉากแปลกประหลาดเกิดขึ้นอีก

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset