ศพ – ตอนที่ 225 บีบบังคับ

 

ตอนที่ 225 บีบบังคับ

 

ผมไม่หันไปมองมู่หลงเหยียนก็ดีอยู่แล้ว เมื่อหันไป วินาทีนั้นผมถึงกับช็อกทันที

 

เธอใช้หลังของอาจารย์ แสดงท่าทางได้ใจ และเผยรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ออกมา ทันใดนั้นผมก็เข้าใจทันที

 

นี่จะต้องเป็นเรื่องที่ยัยมู่หลงเหยียนสร้างขึ้น ตอนผมกําลังเดินกลับมา มู่หลงเหยียนคงใช้ประโยชน์ที่ตัวเองเป็นผีหรือไม่ก็ใช้ป้ายวิญญาณที่อยู่ในบ้าน กลับมาถึงบ้านก่อนผม แล้วก็พูดอะไรไม่รู้กรอกหูอาจารย์ ไม่อย่างนั้นอาจารย์ก็คงไม่เป็นเหมือนตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาในบ้าน เขาตะคอกใส่ผมทันที

 

ผมจ้องมู่หลงเหยียน ขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “ เธอ เธอ พูดอะไรให้อาจารย์ฟัง”

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผลลัพธ์เสียงของผมเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นอาจารย์ก็ทําหน้าเข้มอีกครั้ง “ ไอ้เด็กเวรนี้ ยังกล้าโอหังอีก อยู่ต่อหน้าฉัน แกยังกล้าขู่เมียอีกเหรอฮะ มาคุกเข่าเดี๋ยวนี้ ! ”

 

อาจารย์ดุมาก เหมือนดวงตาทั้งสองข้างของเขาจะกินผมเข้าไปทั้งตัว

 

อาจารย์เป็นญาติคนเดียวของผม เขาเป็นคนที่เลี้ยงผมมาจนโต เป็นทั้งพ่อและแม่ ดังนั้นจึงเป็นคนที่ผมเคารพที่สุด

 

ไม่ว่าจะคุกเข่าต่อฟ้าดิน คุกเข่าต่อพ่อ แม่ หรืออาจารย์ ผมก็ไม่รู้สึกทําตัวไม่ถูก

 

ถึงอาจารย์จะไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ตอนนี้เขากําลังเห็นผมทําตัวอวดดี ผมเองก็ไม่ได้คิดจะต่อต้านเขา

 

ผมทําได้เพียงกรอกตา เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวสุดท้ายก็ค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้าอาจารย์

 

ผมเพิ่งคุกเข่า ก็ได้ยินมู่หลงเหยียนพูดกับอาจารย์ด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ อาจารย์ อย่าโทษสามีฉันเลย ทั้งหมดเป็นเพราะฉันไม่ดีเอง เรื่องชูหม่าฉันไม่ได้บอกคุณก่อน สามีถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถึงสามีจะทําร้ายฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้โกรธเขาเลยสักนิด !”

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ผมก็อึ้งไปในทันที และเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

 

ว่าอะไรนะ ผมทําร้ายเธอ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ผมสู้มู่หลงเหยียนได้ที่ไหนละ เป็นผมมากกว่าที่ต้องโดนเธอทําร้ายนะ

 

มู่หลงเหยียนก็ดีจริงๆ ทําตัวเป็นคนชั่วสร้างเรื่องใส่ร้ายคนอื่น เล่าเรื่องขาวเป็นดําให้อาจารย์ฟัง

 

“ อาจารย์ ฟังผมพูดก่อน ผม…”

 

ผลลัพธ์ผมยังไม่ทันพูดจบ อาจารย์หยิบกระบอกยาสูบขึ้นมาเคาะหัวผมทันที “ ปัก ” ผมรู้สึกเจ็บจนต้องกุมหัว “ ไอ้เด็กเลว เดี๋ยวนี้กล้ามากนะ รีบขอโทษเมียของแกเดี๋ยวนี้ ! ”

 

ผมลูบหัวตัวเอง พร้อมกับเถียงกลับทันที “ อาจารย์ ผมไม่ได้ทํา ! ยัย… ”

 

“ หุบปาก เมียแกเสียใจร้องไห้จนเป็นแบบนี้แล้ว แกยังจะเล่นลิ้นอีกเหรอฮะ” หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็เคาะหัวผมอีกครั้ง “ ปัก”

 

“ อาจารย์ มันเจ็บนะ !” ผมพูดทันที

 

“ เจ็บแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก เร็วซิ !” ขณะที่พูด อาจารย์ก็จะเคาะอีกครั้ง

 

เมื่อผมเห็นท่าทางของอาจารย์ ผมก็ไม่อยากหัวดื้ออีกต่อ ไป

 

นี่จริงจังกันซินะ ผมโกรธจริงๆแล้ว และเขาก็ถูกมู่หลงเหยียนทําของใส่โดยสมบูรณ์ ถึงตอนนี้ผมจะพูดอะไรออกไป ด้วยความคิดของอาจารย์ในตอนนี้ มันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

ตอนนี้ ผมทําได้แค่อดทนไว้ก่อน เมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบลูกผู้ชายจะต้องยอมถอยได้ ทําเรื่องพวกนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ ผมก็รีบยกมือขึ้นห้าม “ หยุดหยุดหยุด อาจารย์ ผมยอมแล้ว ผมยอมแล้วโอเคไหม”

 

“ฮึ ! เร็วเข้า ” อาจารย์หอบหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง ท่าทางเหมือนกับกําลังโกรธจัด

 

หลังจากนั้น ผมก็ค่อยๆหันไปมองมู่หลงเหยียน

 

มู่หลงเหยียนทําหน้าได้ใจ ตอนนี้ผมละอยากใช้ปากกัดยัยผีเมียให้ตายจริงๆ เธอ “ ชั่ว ” เกินไปแล้วถึงกับกล้าใส่ร้ายผม

 

แต่ผมทําอะไรไม่ได้ ได้แต่พูดด้วยความแค้นใจ “ น้อง น้องศพ ขอ ขอโทษนะ..”

เมื่อมหลงเหยียนได้ยินสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป “ งั้น เรื่องชูหม่าที่ฉันพูด นายก็เห็นด้วยแล้วใช่ไหม”

 

โอ้โหยัยนี้! ทําเพื่อเรื่องนี้จริงๆด้วย

 

ให้ผมกลายเป็นศิษย์ของจิ้งจอกเหรอ ผมไม่ยอมแน่นอน ผมเค้นเสียงพูด ฮึ ทันที “ ไม่ ไม่มีทาง !”

 

เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยินผมปฏิเสธ เธอก็หันมามองหน้าอาจารย์อีกครั้ง จากนั้นก็ร้องไห้และพูดว่า “ อาจารย์ ดูเขาซิ !”

 

เมื่ออาจารย์ได้ยินคําพูดนี้ สีหน้าก็กลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง “ ทําไมไม่ได้ฮะ เรื่องดีๆแบบนี้ ! เมียแกทําเพื่อแกทั้งนั้น ตอนนี้องค์กรตาผีกําลังอาละวาด พลังของอาจารย์ก็ ไม่พอ หลังจากนี้ร้อยปีอาจารย์อาจอยู่ปกป้องพวกแกไม่ได้แล้ว เรื่องนี้เป็นอันตกลง แกหาเวลาไปเขาจิ้งจอกฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยละ… ”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น ผมก็นิ่งอึ้งไปในทันที 

 

“ อาจารย์ ผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์นะ ตอนนี้อาจารย์กลับให้ผมไปเป็นศิษย์จิ้งจอก นี่อาจารย์บ้าไปแล้วรึเปล่า” ผมพูดด้วยความตกใจ

 

“ บ้ากับผีนะซิ จิ้งจอกอะไร นั่นมันเป่าเจียเซียน ถ้าแกกลายเป็นศิษย์ ครอบครัวของเราก็จะได้รับการดูแลจากเป่าเจียเซียน และพวกเขาก็ลงเขามาเพื่อปกป้องผู้คน ทําความดี ถือว่าเป็นคนในเส้นทางเดียวกัน เขาเลือกแกจากคนนับล้านให้แกเป็นลูกศิษย์ มันเป็นโชคของแกแล้วเจ้าเด็กโง่ เมียแกพูดถูกทุกอย่าง เรื่องนี้เอาเป็นว่าตกลงแล้ว ! ” อาจารย์พูดอย่างมีเหตุผลและจริงจังมาก

 

เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ

 

จบกัน อาจารย์โดยอาคมโดยสมบูรณ์แล้ว ดูเหมือนผมต้องกลายเป็นศิษย์จิ้งจอกเฒ่าจริงๆแล้ว !

 

เป่าเจียเซียนและลูกศิษย์อะไรกัน ผมเพิ่งเคยได้ยินนี่แหละ และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเป่าเจียเซียนและลูกศิษย์อะไรนั้นด้วย

 

แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับผม ผมยังอยากปฏิเสธอยู่

 

เพราะแค่คิดว่าวันข้างหน้าผมจะต้องไปกราบจิ้งจอกบนภูเขา ผมก็อยากจะบอกว่าไม่แล้ว

 

ดังนั้น ผมยังพยายามพูดอีกครั้ง “ อาจารย์ คือผม ไม่ไปเป็นศิษย์จึงจอกได้ไหม”

 

“ ไม่ได้ ! เรื่องศิษย์จิ้งจอกเป็นเรื่องสําคัญมาก และเป็นเรื่องที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนมากขนาดไหนที่อยากเป็นศิษย์จิ้งจอก แต่ก็ไม่มีโอกาส แกต้องไปเป็นศิษย์เซียนจิ้งจอก เขาเป็นถึงประมุขสํานักหูแห่งเขาฉินเชียวนะ ทําไมแกต้องทําตัวเหมือนจะไปลงกระทะด้วย เรื่องนี้เอาแบบนี้แหละ ส่วนเรื่องเวลา แกก็ฟังที่เมียพูดละกัน ตอนนี้อีกแล้ว อาจารย์ไปนอนก่อนนะ !” อาจารย์พูดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับหาวออกมา

 

มู่หลงเหยียนที่อยู่ข้างๆเห็นอาจารย์หาว เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพสุดๆ “ ฝันดีค่ะอาจารย์ !”

 

เมื่ออาจารย์ได้ยิน เขาก็พยักหน้าให้เล็กน้อย

 

แต่หลังจากนั้นก็หันกลับมาจ้องผมทันที “ ไอ้เด็กเวร ดูซิ เมียแกดีขนาดไหน แกหาเมียมาแต่งได้ดีขนาดนี้ไหม แกโชคดีขนาดไหนรู้ตัวไหมฮะ ”

 

ผมมองมู่หลงเหยียนที่ทําหน้าภูมิใจอยู่ข้างๆ วินาทีนั้นผมอารมณ์เสียทันที

 

อาจารย์ไม่สนใจผมอยู่แล้ว เขาหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องทันที

 

และแล้ว ในบ้านก็เหลือเพียงผมกับมู่หลงเหยียน

 

เมื่อเห็นอาจารย์ไปแล้ว ผมก็ค่อยๆลุกขึ้น ทําหน้าตาบูดบึง

 

มู่หลงเหยียนกลับนั่งไขว่ห้าง เผยขาเรียวยาวอันงดงามของเธอ “ เจ้ากาก ต่อไปฉันจะรอดูว่านายจะขัดขืนยังไง”

 

ผมกรอกตา ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว “ มู่หลงเหยียน เธอมันโหดเหี้ยม ! ”

 

หลังจากพูดจบ ผมก็ไม่อยากคุยกับมู่หลงเหยียนอีก ผมหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องทันที

 

เมื่อมู่หลงเหยียนเห็นผมทําแบบนั้น และยังเดินออกไปอย่างไม่ใยดี ท่าทางที่ได้ใจของเธอก็เปลี่ยนไปทันที

 

แต่ไม่รอให้ผมเข้าไปในห้อง เธอก็พูดด้วยความโมโหใส่ผมจากทางด้านหลัง “ ไอ้ปัญญาอ่อน ฉันทําทุกอย่างก็เพื่อนายทั้งนั้น ! นายไปตายซะไป !”

 

หลังจากที่คําพูดประโยคสุดท้ายหลุดจากปากมู่หลงเหยียน เมื่อผมได้ยินคําพูดนี้ ในใจของก็มีเสียงดัง “ อึก ” ผมหยุดเดินอย่างช่วยไม่ได้

 

ไม่ใช่แค่นั้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ความโกรธที่เคยมี ความไม่พอใจที่เคยมีกับมู่หลงเหยียนทั้งหมด

 

ตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงเธอโมโห และอารมณ์โมโหร้ายของเธอ ผมก็หยุดเดินตามสัญชาตญาณ และหันกลับไปมองทันที

 

แต่หลังจากที่ผมหันไป ในบ้านก็ไม่มีใครอยู่แล้ว

 

มันว่างเปล่า มู่หลงเหยียนที่เคยนั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟา เมื่อกี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset