ศพ – ตอนที่ 239 มังกรคู่เก้าอักษร

ตอนที่ 239 มังกรคู่เก้าอักษร

 

เมื่อได้เดินดูรอบๆภูเขาลูกนี้แล้ว ภูมิประเทศของที่นี่ถือเป็นต้นแบบอย่างหนึ่ง

 

ภายใต้การวิเคราะห์ของอาจารย์และท่านนักพรตต์ ผมจึงเข้าใจฮวงจุ้ยของที่นี่มากขึ้น

 

ในเวลาเดียวกันก็เข้าใจแล้วว่าทําไมต้องเรียกว่า “ ภูเขา ชวงเลิ่นไป๋โช่ว” แต่ก็น่าเสียดาย เพราะฮวงจุ้ยของที่นี่ถูกทําลายไปแล้ว

 

คนที่ถูกฝังอยู่ในนี้ ก็สูญเสียโชคของเขา กลับกันพวกเขายังเป็นอันตรายกับคนเป็น

 

ดังนั้นผมจึงพูดกับอาจารย์และท่านนักพรตต์ว่า “ อาจารย์ ท่านลุงตู้ ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นยังไงก็ต้องย้ายหลุมศพนี่ใช่ไหมครับ ? ”

 

ท่านนักพรตติพยักหน้าเล็กน้อย “ ใช่ต้องย้าย ถ้าไม่ย้ายหลุมศพนี้จะเป็นสถานที่ชั่วร้าย เมื่อวันเวลาผ่านไป มันอาจจะทําให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ! หรืออาจกลายเป็นสถานที่เลี้ยงศพก็ได้”

 

เสียงของท่านนักพรตตู้เพิ่งเงียบลง อาจารย์ก็พูดต่อทันที “ แต่หลุมศพนี่ ย้ายยากหน่อย ! เมื่อกี้ตอนมาถึงฉันสังเกตเห็นหลุมศพนั่นแล้ว มันดูน่าเป็นห่วงมาก ตอนย้ายหลุมศพถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดเพียงเล็กน้อย

 

ปัญหาจะเข้าตัวพวกเรา !”

 

“ อาจารย์ หลุมศพนั้นมีอะไรแตกต่างกันแน่ แค่ย้ายหลุมศพก็มีปัญหาเข้าตัวได้เหรอ ? ” ผมไม่เข้าใจ

 

เฟิงเฉ่วหานเองก็หันไปมองอาจารย์ อาจารย์เองก็ไม่รอช้ารีบอธิบายทันที “ ฮวงจุ้ยที่นี่เรียกว่าภูเขาไปโช่ว หลุมศพนี้เรียกว่าอนุสาวรีย์มังกรคู่เก้าอักษร มังกรคู่ที่ว่านี้คือ เข้าออกเหมือนกัน หนึ่งนิ้วหนึ่งอักษร

 

รวมกันเป็นอักษรเก้าตัว ดังนั้นตอนย้ายหลุมศพ ไม่ว่าจะเอาโลงออกหรือโลงเข้า ต้องทําตามเวลาที่เหมือนกัน หลุมศพรวมกันมีความยาวระหว่าง 14-15 นิ้ว ถ้าผิดพลาดแม้ แต่นิดเดียวมันอาจเกิดปัญหาขึ้น ! กระตุ้นคนตาย เจอกับหายนะ นี่อาจเป็นสาเหตุหลักที่นักพรตคนก่อนหน้าไม่กล้าย้ายหลุมศพ”

 

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ผมก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้

 

เรื่องฮวงจุ้ยค่อนข้างลึกซึ้ง ผมเองก็มีความรู้แค่ผิวเผิน 

 

เรื่องที่อาจารย์พูดมา ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน

 

แต่ผมก็เข้าใจดีว่า เรื่องนี้จะต้องมีข้อห้ามและความรู้อีกมายมาย

 

แต่ข้อห้ามพวกนี้ล้วนแตะต้องไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียว มันก็อาจทําให้คนตายไม่พอใจ

 

ถ้าคนตายไม่พอใจแล้ว งั้นผลที่ตามมาก็ไม่ต้องพูดถึงเลยละ

 

ผีตามลังควาน พลังหยางอ่อนแอจนป่วย และเรื่องที่เลวร้ายที่สุดคือผีมาเอาชีวิต หรือแม้แต่ศพกลายเป็นผีดิบก็เป็นไปได้

 

ผมเงียบไปพักหนึ่ง มองหลุมศพคู่ที่อยู่ห่างออกไป

 

ตอนนี้เพิ่งเฉ่วหานกลับพูดเสริมว่า “ ท่านลุงติง อาจารย์ ถ้าเราต้องย้ายหลุมศพไม่ได้จริงๆ งั้นพวกเราจะมีคนไม่พอนะครับ คุณเหวินบอกแล้วว่าคนตายกําลังทรมาน และตกอยู่ในอันตราย”

 

“ พวกเรามีกันอยู่สี่คน ต้องมีคนทําพิธี ในเวลาเดียวกันยังต้องแบกโลงทั้งสองขึ้น แถมยังต้องทําพร้อมๆกันอีกงั้นเวลาฝังใหม่ ก็ต้องหาสถานที่ที่เป็นมังกรคู่อีกรึเปล่าครับ ?

 

เฟิงเฉ่วหานถามเรื่องที่ตัวเองสงสัย หลังจากฟังจบอาจารย์ก็พยักหน้าเล็กน้อย “ มาถึงขนาดนี้แล้ว พวกเราทําอะไรไม่ได้มาก ถ้าคนไม่พอจริงๆ ก็ให้คุณเหวินและคนขับรถอีกสามคนมาช่วย ! ส่วนเรื่องตําแหน่งหลุมศพ เป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ เราต้องฝังในที่ที่เป็นมังกรคู่เหมือนกัน”

 

“ เสี่ยวเฟิง เรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวล มังกรคู่เป็นเพียงสถานที่ที่จะฝังทั้งสองคนได้อย่างเหมาะสม มีทั้งดีและร้าย ที่จริงหาที่ฝังคนธรรมดาก็ได้แล้ว ไม่จําเป็นต้องหาที่ล้ำค่าอะไร ดังนั้นหาไม่ยากหรอก”

 

เมื่อได้ยินคําพูดพวกนี้ เหล่าเพิ่งถึงได้พยักหน้าเล็กน้อย และเดินไปยืนทางด้านหนึ่ง

 

ขณะที่พวกเรากําลังคุยกัย คุณฉีก็เผาเงินกระดาษเสร็จแล้ว ตอนนี้เขาเดินเข้ามาแล้ว “ ท่านนักพรตติ้ง

 

ท่านนักพรตต์ ไม่ทราบว่าเป็นยังไงบ้างครับ สามารถย้ายหลุมศพของพ่อกับปู่ผมได้ไหมครับ ?”

 

อาจารย์ลูบหนวดของเขา “ คุณฉี ตําแหน่งหลุมศพของพ่อคุณสามารถย้ายได้ แต่มีข้อห้ามเยอะ และคุณต้องเตรียมของบางอย่าง ! ”

 

เมื่อคุณได้ยินคําพูดนี้ เขาก็ดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

 

หลายวันมานี้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดแต่เรื่องย้ายหลุมศพ ให้พ่อและปูได้ตายตาหลับ ถึงจะไม่มีโชคลาภพวกนั้นอีก แต่ขอแค่ทําให้พวกเขาสุขสบาย ไม่ต้องทุกข์ทรมานเขาก็พอใจแล้ว

 

ดังนั้น คุณฉีจึงไม่คิดมาก เขาพูดออกมาทันที “ท่านนัก พรตติ้งคุณพูดมาได้เลยผมยอมทุกอย่างใช่แล้ว

 

ถ้าทําสําเร็จไม่ว่าเงินเท่าไหร่ผมก็ให้ได้ !”

 

คุณฉีทําท่าเป็นมหาเศรษฐีที่หาเงินได้แค่กระดิกนิ้ว คิดว่าทุกอย่างใช้เงินแก้ปัญหาได้

 

อาจารย์กลับโบกมือ “ คุณฉี ของที่ผมต้องการให้คุณเตรียมไม่ใช่เงิน แต่เป็นสัตว์สามอย่างที่จะเอามาทําเป็นเครื่องเซ่นไหว้ หลังจากนั้นก็ต้องเตรียมพวกผ้าขาว ทางที่ดีที่สุดหาหมาดํามาได้ก็ดี !”

 

เมื่อคุณได้ยิน ก็พยักหน้ารัวๆ แต่เขาก็ยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ ท่านนักพรตติง สัตว์สามอย่างคืออะไร?”

 

สําหรับการถามอย่างกระทันหันของคุณฉี มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะมีคนในปัจจุบันไม่รู้เรื่องสัตว์สามอย่างเยอะแยะ

 

ผมจึงพูดแทน “ หมู วัว และแกะ ใช้แค่หัวของพวกมันก็พอ แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ใช้สัตว์สามอย่างที่เล็กกว่านั้นก็ได้คือไก่ เป็ด และปลา ”

 

เมื่อคุณได้ยินว่าเป็นของพวกนี้ เขาก็ไม่คิดอะไรพูดออกมาทันที “ ได้ได้ได้ ของพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก

 

หมู่บ้านข้างล่างมีหมดทุกอย่าง เดี๋ยวผมจะไปหามาให้ เพียงแต่ เพียงแต่ไม่ทราบว่าหาหลุมศพใหม่ของพ่อและปู่ของผมได้รึยังครับ ? ”

 

“ เรื่องหมุนศพ เดี๋ยวฉันจะไปหา คุณไปหาของพวกนี้มาให้เรียบร้อยก่อน แต่ฟ้าใกล้มืดแล้ว วันนี้คงขุดหลุมไม่ได้แล้วเร็วที่สุดก็ต้องเป็นพรุ่งนี้ !” อาจารย์พูดต่อ

 

หลังจากคุณฉีฟังจบ เขาก็ตอบตกลงอย่างต่อเนื่อง เพราะ เรื่องพวกนี้พวกเราเป็นคนตัดสิน

 

หลังจากนั้นคุณฉีก็พาครอบครัวลงไปในหมู่บ้าน ส่วนพวกเราก็สํารวจฮวงจุ้ยรอบๆภูเขา ดูว่าที่ไหนสามารถทําหลุมศพ

 

ด้านนี้ พวกเราทําอย่างระมัดระวัง และไม่ให้เหลือข้อผิดพลาดเด็ดขาด

 

หลังจากเดินรอบๆภูเขาหนึ่งรอบในที่สุดพวกเราก็เจอสถานที่ตั้งหลุมศพที่พอใช้ได้หนึ่งแห่ง

 

มันห่างจากหลุมศพเดิม ไม่ไกลมากนัก

 

และเป็นธรรมดาที่ตรงนี้ จะไม่มีฮวงจุ้ยแบบภูเขาไป๋โช่ว เป็นเพียงหลุมฝังศพธรรมดา สามารถใช้ฝังแบบมังกรคู่ได้เท่านั้น

 

ถ้าการย้ายหลุมราบรื่น เรื่องนี้ก็จะถือว่าจบลง

 

แต่มีอาจารย์และท่านนักพรตอยู่ ผมคิดว่ามังกรคู่เก้าอักษรอะไรนั้น คงไม่เกินปัญญาของพวกเขา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

 

ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว พวกเรานั่งดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ ถือว่าได้วิวที่สวยงามอีกแบบ

 

ผมจุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน จากนั้นก็รออาจารย์และคนอื่นๆลงเขา เพื่อกลับหมู่บ้านพร้อมกัน

 

คุณฉีรอพวกเราอยู่ที่หน้าหมู่บ้านแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นพวกเรากลับมา เขาก็เข้ามาต้อนรับอย่างรวดเร็ว

 

บอกอาจารย์ว่าของที่ให้เขาเตรียม เขาเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ถามว่าพวกเรายังต้องการอะไรอีกไหม

 

ท่านนักพรตต์บอกเขาว่า พวกเรากําลังขาดคนถึงเวลา นั้น จะขอให้คนขับรถของเขามาช่วยหน่อย

 

คุณฉีตบหน้าอกยืนยัน บอกว่าไม่มีปัญหา ถ้ายังไม่พอเขาเต็มใจช่วยด้วยตัวเอง

 

ขณะพูดคุย พวกเราก็มาถึงจุดหมาย

 

นี่คือบ้านเดิมของคุณฉี ต่อมาเขาร่ํารวย จึงต่อเติมใหม่อีกนิดหน่อย

 

แต่เพราะไม่มีคนอยู่นาน มันจึงดูโทรมมาก

 

เมื่อเข้ามาในบ้าน ก็พบว่าบนโต๊ะมีอาหารวางอยู่พร้อม แล้วในบ้านยังมีชายชราแปลกหน้าอีกสองสามคน 

 

ในห้องครัวมีป้าหลายคนกําลังยุ่งกับงานครัว ผมคิดว่าคนพวกนี้คงเป็นญาติของคุณเหวิน หรือไม่ก็เพื่อนบ้านที่เข้ามาช่วยเหลือ

 

คุณฉีเห็นอาหารพร้อมแล้ว จึงบอกให้พวกเรากินข้าว และยังริมเหล้าให้กับพวกเรา เขาดูแลพวกเราอย่างดี

 

ตอนแรกทุกอย่างยังปกติดีอยู่ แต่หลังจากกินดื่มไปพักหนึ่ง เรื่องยุ่งก็เกิดขึ้น…

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset