ศพ – ตอนที่ 241 ผู้อาวุโส

ตอนที่ 241 ผู้อาวุโส

 

คุณฉียังมีสติอยู่บ้าง เขาเห็นอย่างชัดว่าเมื่อกี้อาจารย์ทําอะไรลงไป

 

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงปฏิบัติกับอาจารย์ต่างออกไป ถามอาจารย์ด้วยความสงสัย

แต่อีกทางด้านหนึ่ง ภรรยาคุณผีที่กอดฉีเสี่ยวเทียนอยู่กลับรู้สึกแย่สุดๆเธอตะโกนใส่คุณฉีด้วยน้ําเสียงสะอึกสะอื้น “ คุณคุณบ้าไปแล้วเหรอ ?หาคนบ้าที่ไหนมาไอ้นัก พรตชั่วนี่ตบหน้าลูกชายเราจนบวมเลยนะ”

 

เมื่อคุณได้ยินคําพูดนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมลง “ หุบปากเธอจะไปรู้เรื่องอะไรฮะ!อุ้มลูกเข้าไปในห้อง !”

 

มันชัดเจนสุดๆ ในครอบครัวคุณฉีมีอํานาจมากที่สุด

 

หลังจากเขาตะโกนออกมา ภรรยาคุณฉีก็รู้สึกไม่พอใจเธอกอดฉีเสียวเทียนเอาไว้และร้องไห้หนักกว่าเดิมแต่ก็ยังอยู่ที่เดิมไม่เข้าไปในห้อง

 

อาจารย์มองภรรยาคุณฉีและฉีเสี่ยวเทียนแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็ถอนหายใจใส่คุณฉี “ คุณฉี เสี่ยวเทียนโดนผีเข้า !”

 

เมื่อคําพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในบ้านก็เปลี่ยนไปทันทีทุกคนต่างทําหน้าตกใจ

 

คุณฉีเป็นพวกขี้กลัวอยู่แล้ว เขาจึงพูดด้วยความหวาดกลัว “ ท่าน ท่านนักพรตติงลูก ลูกผม โดยผีเข้าได้ยังไง ?”

 

เสียงของคุณฉีเพิ่งเงียบลง ทันใดนั้นท่านนักพรตต์ก็เดินเข้ามา “ คุณฉีพวกเราเข้าไปคุยกันในห้องเถอะ !”

 

คุณฉีเห็นสถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ และไม่ได้คิดถึงเรื่องสายตาของทุกคนเขาจึงรีบพยักหน้า บอกให้พวกเราเข้าไป ก่อนหลังจากนั้นก็บอกให้ภรรยาอุ้มลูกเข้าไป

 

คนที่เหลือในบ้าน มองดูทุกอย่างด้วยความประหลาดใจ

 

หลังจากที่พวกเราออกมาจากตรงนั้น เพื่อนบ้านต่างกศ

 

น เพื่อนบ้านต่างก็กันไปไกลทันที

 

ผีเข้า ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ บรรดาเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆ จะมีอารมณ์กินข้าวต่อได้ยังไงทุกคนต่างอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้ นกันแน่

 

เมื่อเข้ามาในห้อง คุณฉีก็ทนไม่ไหวแล้ว “ ท่านนักพรตติ้ง ท่านนักพรตต์ ลูกผมลูกผมโดนผีเข้าได้ยังไงครับ และโดนผี อะไรเข้าสิ่งครับ ”

 

ท่านนักพรตต์ตอบกลับทันที “ บางทีตอนไปที่หลุมศ พอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นส่วนเรื่องผีอะไรนั้น

 

ก็น่าจะเป็นพ่อของคุณนั่นแหละ !”

 

“ พ่อ พ่อของผม ? เป็น เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นหลานแท้ๆ ของเขานะครับพ่อจะทําร้ายหลานตัวเองได้ยังไง !” คุณฉี ไม่เชื่อ

ท่านนักพรตต์ยกกระเป๋าในมือขึ้น หลังจากนั้นก็พูดว่า “ เขาอยู่ในนี้และฉันก็เห็นหน้าแล้ว เหมือนกับรูปบนหลุมศพพ่อคุณเป๊ะ”

 

เมื่อคุณฉีและภรรยาได้ยินคําพูดนี้ หน้าก็ถอดสีทันที 

 

ท่านนักพรตตู้ยังพูดกับกระเป๋าต่อ “ ข้างนอกคนเยอะ คุ ยกันไม่สะดวกตอนนี้มีแต่พวกเราแล้ว ถ้าผู้อาวุโสมีอะไร อยากพูด ก็พูดมาได้เลย !”

 

หลังจากพูดจบ ท่านนักพรตต์ก็พยักหน้าให้อาจารย์ เขา เปิดกระเป๋าออกทําท่าเทบางอย่างออกมา กระเป๋า ใบนั้นสั่นไปมา เหมือนกับมีอะไรอยู่ในนั้น

 

ระหว่างนั้น สายลมอันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้น

 

ผมและเพิ่งเฉวหานมองหน้ากัน พวกเรารีบหยิบขวดน้ําอย่างรวดเร็ว

 

ราคา 550 น. 1. 1. 4.13 ตาววออกมาปายโทเบลอกตายยางรวดเร

 

หลังจากเปิดตาแล้ว พวกเราถึงได้รู้ว่าในห้องมีคนเพิ่มขึ้น มาอีกคนหนึ่ง

 

เขาเป็นชายวัยกลางคน มีใบหน้าคล้ายกับคุณฉี แต่หน้า ของผู้ชายคนนี้มีสีซีดขาว เท้าลอยได้ ใส่ชุดคนตาย และยี นจ้องพวกเราอย่างเคร่งขรึม

 

ไม่ต้องคิดก็รู้ทันที ผู้ชายคนนี้จะต้องเป็นพ่อของคุณ อย่างแน่นอนฉีโย่วฉาย

 

หลังจากฉีโย่วฉายปรากฏตัว เขาก็เห็นอาจารย์ที่ยืนอยู่ ข้างๆพูดกับเขาว่า “ผู้อาวุโส เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ โปรดยกโทษให้ด้วย !”

 

หลังจากพูดจบ อาจารย์ยังโค้งคํานับฉีโย่วฉาย

 

ตอนนี้หลังจากมองผ่านดวงตาสวรรค์ผมถึงได้รู้ว่า ฉีโย่ว ฉายไม่ใช่ผีชั่วร้ายเป็นเพียงผีธรรมดาตนหนึ่ง

 

และไม่ได้เห็นพวกเราเป็นศัตรู

 

ตอนนี้เมื่อเห็นอาจารย์โค้งคํานับให้ เขาก็ยกมือคํานับ “ ท่านนักพรตเกรงใจไปแล้ว ผมโกรธไม่ลงหรอก

 

เจ้าเด็กนี่อยากหาโชคลาภให้ตัวเอง เลยให้ความใส่ใจกับ ฉันและปูของเขาเป็นพิเศษ”

 

อาจารย์ยิ้มอย่างขมขึ้น หลังจากนั้นก็พูดกับคุณฉีว่า “ คุณฉี พ่อของคุณอยู่ที่นี่มีอะไรก็พูดได้เลยนะ เขาได้ยินทุกอ ย่าง ! ”

 

เมื่อคุณได้ยินคําพูดนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงทันที “ บิ๊ก ” “ พ่อ ! พ่อมาจริงๆเหรอ ? พ่อ หลายปีมานี้หลายปีมานี้ผมคิดถึงพ่อมากๆเลย !”

 

คุณฉีพูดด้วยความหวาดกลัว แต่ฉีโย่วฉายกลับพูดอย่างเย็นชา “ฮี ! ปีใหม่หรือวันหยุดฉันไม่เคยได้เห็นหัวแกเลย แม้แต่น้อยตอนนี้มาบอกคิดถึงฉันไอ้ลูกไม่รักดี !” 

 

คุณไม่ได้เปิดตา พวกเราเองก็ไม่สามารถทําลายกฏช่ วยเปิดตาให้เขาได้เขาจึงไม่ได้ยินคําพูดของฉีโย่วฉาย

 

ดังนั้นอาจารย์จึงโบกมือให้ผม ส่งสัญญาณให้ผมพูดแทนฉีโย่วฉาย

 

ผมเองก็ไม่รอช้า กระแอมล้างลําคอทันที “ คุณฉี ผมจะ พูดให้ฟัง ! ผู้อาวุโสฉีค่อนข้างโกรธ เขาบอกว่าไม่ว่าจะวันห ยุดหรือวันปีใหม่คุณก็ไม่มาเยี่ยมเขาเลยตอนนี้กลับมาบอก ว่าคิดถึงเขา และเขายังว่าคุณว่าลูกอกตัญญู !”

 

เมื่อคุณได้ยินคําพูดของผม เขาก็ตกใจจนหน้าเขียว แม้ แต่ภรรยาคุณผีที่อยู่ข้างๆก็ยังอึ้งแล้วอึ้งอีก

 

ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงผู้อาวุโสฉีก็คือพ่อแท้ๆของคุณฉี แม้ คุณฉีจะค่อนข้างกลัวแต่เขาก็ยังทําใจกล้าพูดต่อ

 

“ พ่อ หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าผมกําลังยุ่งกับงานเหรอ ? ตอนพ่ออยู่พ่อไม่ได้เป็นคนสอนผมเองเหรอ ?

 

ทําอะไรแล้วก็ต้องทําให้ดี พ่อดูชิตอนนี้ลูกของพ่อทําธุรกิจใหญ่โตเป็นซีอีโอของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่

 

เนตลาดหลักทรัพย์นับพันล้านเลยนะพ่อ…”

 

เมื่อผู้อาวุโสได้ยินคําพูดนี้ เขาก็โมโหขึ้นมาทันที “ พวก แกลองถามตัวเองดูเงินพวกนี้แกได้มายังไง ? ตอนนี้ฮวงจุ้ย ของฉันกับปู่แกพังหมดแล้วแกยังอยากเรียกร้องจากเรา หา พวกนักพรตงี่เง่ามายุ่งกับหลุมศพ ไอ้ลูกชั่ว ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่คงตีลูกไม่รักดีอย่างแกตายไปแล้ว !”

 

ผมยืนฟังอยู่ข้างๆ ผมอดไม่ได้ที่จะลําบากใจ แต่ก็ยังใช้คําพูดของเจ้าตัวหรือแม้แต่น้ําเสียงของเขาพูดให้ คุณฉีฟังทั้งหมด

 

หลังจากคุณได้ยิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลัวจนตัวสั่นพร้อมกับพูดขอโทษอย่างต่อเนื่อง

บอกว่าต่อไปจะไม่ทําอีกแล้ว ทุกครั้งที่มีวันหยุดหรือปีใหม่เขาจะมาเยี่ยมพวกเขา ในอนาคตจะทําเรื่องดีๆเยอะขึ้น และส่งเสริมให้คนอื่นทําดีด้วย

 

หลังจากพูดมานาน สุดท้ายผู้อาวุโสฉีถึงถอนหายใจออกมาเขาไม่ได้โกรธเหมือนเดิมแล้ว

 

แต่หลังจากนั้น คุณฉีกลับถามต่อ “ พ่อ เสี่ยวเทียน เป็นหลานของพ่อนะ !เขายังเด็ก ถ้าพ่อไม่พอใจอะไร 

 

พ่อก็ทําที่ผมซิ พ่ออย่าไปยุ่งกับเสี่ยวเทียนเลยนะ !” 

 

ตอนแรกผู้อาวุโสีเริ่มใจเย็นลงแล้ว แต่เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เขาก็โมโหขึ้นมาทันที

 

เขาชี้และด่าคุณอย่างรุนแรง “ ไอ้ลูกชั่ว โดนเมียแกสวม เขาแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเดิมที่ไอ้เด็กนี่ก็ไม่ใช่คนตระกูลฉีอยู่ แล้ว วันนี้ตอนเผากระดาษมันยังสลักรูปดอกไม้บนหลุมศพ ปูแก เก็บเงินของพวกเราเอาไว้

 

นี่ใส่หลุมศพฉัน แกว่าฉันควรโมโหไหมละ ? ฉันถึงได้เข้า สิ่งไอ้เด็กชั่วนี่ไงให้มันได้รู้สํานึกซะบ้าง

 

แล้วก็นะ ที่อยู่ในท้องของเมียแก ก็ไม่ใช่ลูกตระกูลฉี ! ทําไมแกถึงโง่ขนาดนี้นะ เอาแต่เลี้ยงลูกให้ชาวบ้านอยู่ได้ แถมยังทําอย่างกับสมบัติล้ําค่าบ้าบอจริงๆ !”

 

เมื่อได้ยินคําพูดของผู้อาวุโสณี อาจารย์ ท่านนักพรตต์ผมและเหล่าเพิ่งก็ทําหน้าตกใจ แสดงท่าทางตกตะลึงออกมา

 

นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน แค่ย้ายหลุมศพไม่ใช่เหรอ ? ทําไมตอนย้ายหลุมศพถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นละ

 

วินาทีนั้นผมอึ้งในทันที ไม่รู้ว่าควรพูดออกมารึเปล่า

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset