ศพ – ตอนที่ 244 ขุดหลุม

 

ตอนที่ 244 ขุดหลุม

อาจารย์ใช้ยันต์เปิดพิธีแบบง่ายๆ มันเป็นสิ่งของทั่วไปที่ส่งให้กับคนตาย

 

แต่แค่จุดเริ่มต้นที่สุดแสนธรรมดา ก็ทําให้ทุกคนตกตะลึงแล้ว

 

คุณฉีพยักหน้ารัวๆ บอกว่าอาจารย์ร้ายกาจมาก

 

ผมที่อยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไร เพียงมองดูอาจารย์ทําพิธีเท่านั้น

 

ขณะนั้น ท่านนักพรตตู้ที่อยู่ด้านล่างภูเขาก็เริ่มทําพิธี เช่นกัน

 

เพราะที่นั้นเป็นหลุมศพใหม่ ตําแหน่งหลุมศพของผู้อาวุโสก็ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นจะต้องทําพิธีบวงสรวงวิญญาณก่อน ถึงจะเริ่มย้ายหลุมศพได้

 

บอกทวยเทพบนสวรรค์ ภูติผีที่อยู่รอบๆ ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีคนใหม่เข้ามาอยู่ ขอให้ทุกท่านโปรดหลีกทางให้เขาด้วย

 

เวลาค่อยๆผ่านไป เมื่อผมมองดูเวลาอีกครั้ง

 

ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงห้าสิบห้านาที ผมจึงเข้าไปเตือนอาจารย์

 

บอกเขาว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว อาจารย์จึงพยักหน้าให้ผม และพูดอีกสองสามประโยค ในที่สุดอาจารย์ก็พูดกับหลุมศพทั้งสอง “ ถึงเวลาแล้ว เริ่มย้ายหลุมศพ !”

 

หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็โรยเงินกระดาษขึ้นฟ้าหนึ่งกํามือ

 

ขณะที่เงินกระดาษกําลังล่วงสู่พื้น อาจารย์ก็หยิบยันต์ออกมาสองแผ่น แปะลงไปที่ป้ายหลุมศพทั้งสอง

 

หลังจากทําเสร็จ อาจารย์ก็หยิบธูปออกมา 3 ดอก พูดกับ หลุมศพทั้งสองว่า “ ท่านฉีทั้งสองถึงเวลาแล้ว

 

ต้องขอรบกวนจริงๆ โปรดอภัยให้ด้วย !”

 

ทันใดนั้น อาจารย์ก็ปักธูปลงดิน

 

“ โอเค ตอนนี้เริ่มขุดได้ !”

 

ทุกคนจูบกําปั้นของตัวเองนานแล้ว ตอนนี้จึงไม่ลังเลสักนิด ทุกคนรีบหยิบพลั่วขึ้นแล้วเดินเข้ามาล้อมทันที

 

พวกเราเริ่มขุดหลุมศพพ่อของคุณฉีก่อน ฉีโย่วฉาย

 

ถึงแม้ด้านนอกหลุมศพจะมีกระเบื้องปูทับอยู่ แต่เราแค่ใช้พลั่วทุบ มันก็แตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว

 

ดังนั้นสําหรับพวกเรา มันไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

 

หลังจากทําลายกระเบื้องด้านนอกแล้ว ผมก็เล็งไปที่หลุมศพแล้วใช้พลั่วขุดทันที

 

คุณฉีและคนขับรถอีกสองคน ก็เป็นคนแข็งแรง พวกเขาจึงขุดดินลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า

 

ตอนเริ่มทุกอย่างราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ แต่ขณะที่ผมกําลังขุดดินออกจากฝาโลง ผมก็พบความผิดปกติบางอย่าง

 

ผมพบว่าดินตรงนี้ ชื้นมาก มันเปียกมากจนกลายเป็นโคลน

 

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฤดูฝน แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นกับหลุมศพนี้

 

ที่นี่เคยถูกปรับปรุง มีกระเบื้องฉาบปูนก่อทับด้านในและด้านนอกอย่างละ 3 ชั้น

 

แต่ฝนไม่ตกมาหนึ่งเดือนแล้ว และสถานที่แห่งนี้ก็มีแสงแดดส่องถึงตลอด ไม่ใช่พื้นที่ที่ดินจะชื้น จนเหมือนกําลังยืนอยู่ในที่น้ําท่วมขัง และในหลุมศพจะมีน้ําขังอยู่ด้านในเยอะขนาดนี้ได้ยังไง

 

เหมือนคํากล่าวที่ว่า เมื่อหลุมศพเหมือนน้ําขัง ผีจะลุกขึ้นมาพรากชีวิต

 

ใครจะชอบแช่อยู่ในน้ําละ นี่ต้องเป็นความแค้นที่คนตายสะสมเอาไว้ เมื่อผ่านไปนานเข้า เขาก็จะเปลี่ยนเป็นผีร้าย

 

ผมบ่นในใจ แต่ช่วงเวลานั้นผมก็ตะโกนบอกอาจารย์ “ อาจารย์ ลงมาดูหน่อย !”

 

อาจารย์กําลังเผาเงินกระดาษบนหลุมศพ เมื่อได้ยินเสียง ผมเรียกเขาก็ถามกลับด้วยความสงสัย “ มีอะไร ? ”

 

“ อาจารย์ ในหลุมศพเหมือนจะมีน้ําขัง !”

 

“ อะไรนะ ? มีน้ําขัง ” อาจารย์เลิกคิ้ว และเดินเข้ามา

 

ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังอยู่ในป่ารอบๆตัวจึงมืดมาก

 

ทุกคนที่นี่จึงมีแสงเทียนและไฟฉายคอยช่วย อาจารย์ยกไฟฉาย ส่องลงไปในหลุม

 

เมื่อส่องลงมา เขาก็พบว่าดินในหลุมกลายเป็นโคลนที่เปียกชุ่มจริงๆ ในขั้นตอนนี้ กลับมีสถานการณ์น้ําขังเกิดขึ้น

 

อาจารย์ขมวดคิ้ว แล้วบ่นกับตัวเอง ฮวงจุ้ยของที่นี่จะมีน้ําขังเกิดขึ้นได้ยังไง ?

 

หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็หันไปมองรอบๆ และพูดออกมาทันที “ อย่าเพิ่งไปสนใจมัน

 

จะหยุดกลางคันไม่ได้ ถึงแม้ที่นี่จะกลายเป็นทะเลสาบ วันนี้ก็ต้องเอาโลงขึ้นมาให้ได้”

 

“ ได้ ! อาจารย์ ! ” หลังจากได้รับคําสั่งจากอาจารย์ ผมก็ไม่สนใจ บอกให้คุณฉีและคนอื่นๆเริ่มขุดต่อ

 

หลุมศพใหญ่ขนาดนี้ และมีทั้งโคลนและความชื่น ดังนั้นพวกเราจึงขุดไม่ถึงโลงศพทันที

 

นี่คือโลงศพที่มีการแกะสลักลวดลายดอกไม้ นก และมังกร ส่วนอื่นๆก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่

 

เมื่อขุดถึงโลง พวกเราก็ยังไม่หยุด ต่างช่วยกันขุดเอาโคลนที่อยู่รอบๆออกก่อน

 

แต่หลังจากขุดเอาโคลนออกหมด ผมกลับพบว่า มีน้ําไหลออกมาจากโลง

 

มันหยดยิ่งๆลงสู่พื้น ตามหลักแล้วในโลงแล้วจะมีน้ําออกมาได้ยังไง

 

ถ้ามีน้ําอยู่จริงๆ นั่นคือการดูหมิ่นคนตาย

 

การแช่อยู่ในน้ําตลอด คนตายจะรู้สึกดีได้ยังไง ?

 

หรือว่าที่คุณฝันถึง และยังฝันเห็นพ่อและปู่บอกว่าทรมานตลอดจะเป็นเรื่องจริง

 

ผมดูตกใจเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ผมกําลังจะหันไปถาม

อาจารย์

 

แต่ใครจะรู้ตอนนี้อาจารย์กลับกําลังยืนอยู่ข้างหลังผมพอดี เมื่อเห็นผมหันมาถาม เขาก็ยกมือขึ้นห้ามทันที

 

ในเวลาเดียวกันก็พูดกับผมเบาๆ “ อย่าเพิ่งพูดอะไร เราไม่ได้มองที่นี่อย่างละเอียด มันจะต้องมีอะไรแปลกๆอยู่แน่ พวกเราไปขุดอีกหลุมก่อน !”

 

เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น และเห็นท่าทางหนักใจของเขา

 

ผมก็เข้าใจทันทีว่า เราอาจเจอเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว

 

แต่เพื่อทําให้ทุกคนสบายใจ บวกกับตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจึงไม่พูดอะไร หลังจากนั้นผมก็พาคุณฉีและคนอื่นๆไปขุดอีกหลุมหนึ่ง

 

หลุมศพนี้เหมือนกับหลุมของโย่วฉาย เมื่อขุดลงไปด้านล่าง พวกเราก็เจอกับโคลนที่เหนียวผิดปกติ

 

หลังจากเอาโคลนออกหมดแล้ว ถ้ามองให้ละเอียด จะเห็นได้ว่าที่ฝาโลงก็มีน้ําหยดออกมาข้างนอกตลอด “ ติ้งติ้งติ้ง ”

 

ในตอนนั้นเอง ท่านนักพรตตู๋ เหล่าเฟิงและคนขับรถอีกคนก็เข้ามาสมทบ

 

ท่านนักพรตตู๋เพิ่งปรากฏตัว อาจารย์ก็พูดกับเขาทันที “ เหล่าตู๋ นายรีบมาดูนี่ซิ !”

 

ท่านนักพรตตู๋เห็นอาจารย์เครียดจึงรู้สึกสงสัย แต่เขาก็ยังรีบเข้ามาดู

 

หลังจากอาจารย์กระซิบบอกท่านนักพรตต์เสร็จ สีหน้าของท่านนักพรตตู๋ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป เขารีบเข้ามาดูในหลุมทันที

 

เหล่าเฟิงเองก็เห็นถึงความผิดปกติ เขาจึงเข้ามาถามผมว่า “ เหล่าติง เกิดอะไรขึ้น ?”

 

“ยังไม่แน่ใจ แต่ในหลุมศพสองหลุมนี้มีน้ําอยู่เยอะมาก และฉันยังเห็นว่าน้ําพวกนี้ ออกมาจากโลงด้วย !” ผมพูดตามที่เห็น

 

เมื่อเฟิงเฉ่วหานได้ยินดังนั้น เขาก็ตกใจทันที “ จะมีน้ําออกมาจากในโลงได้ยังไง ?”

 

มันชัดเจนมาก เฟิงเฉ่วหานเองก็คิดไม่ถึง ผมพยักหน้าอย่างหนักแน่น ให้เห็นว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

คุณฉีที่อยู่ห่างออกไปเห็นพวกเราทําท่าทางลับๆล่อๆ จึงเดินเข้ามา แล้วถามเบาๆ “ ท่านนักพรตเสี่ยวติง

 

มีอะไรรึเปล่า หลุมศพของพ่อและปู่ผมยังย้ายได้อยู่รึเปล่า?

 

ผมยิ้มให้คุณฉี “ มีปัญหาเล็กน้อย แต่มีพวกอาจารย์อยู่ คุณสบายใจได้เลย เราขุดจนเห็นโลงทั้งโลงแล้ว

 

ยังไงวันนี้ก็ต้องย้ายครับ !”

 

คุณไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อได้ยินว่าสามารถย้ายได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

“ ย้ายได้ก็ดี ย้ายได้ก็ดี !”

 

หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่สนใจ เดินไปสูบบุหรี่กับคนขับรถทั้งสามคน เพื่อรอให้พวกอาจารย์เรียกอีกครั้ง

 

ในเวลานี้ จู่ๆอาจารย์กลับพูดกับผมและเฟิงเฉ่วหานว่า “ เสี่ยวฝาน เสี่ยวเฟิง พวกแกมานี่ซิ !”

 

ผมและเหล่าเฟิงมองหน้ากัน แต่ก็ไม่ลังเล เดินเข้าไปหาเขาทันที

 

หลังจากเดินเข้าใกล้ ก็เห็นท่านนักพรตตู๋แสดงสีหน้าเคร่งขรึม และกดเสียงลงต่ํา “ ปัญหาเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ทุกคนไม่ได้เตรียมตัว ฉันจะอธิบายให้เธอสองคนฟังก่อน โลงสองโลงนี้มีปัญหา ในโลงน่าจะมีความผิดปกติ คืนนี้ต้องระวังหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น…”

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset