ศพ – ตอนที่ 261 เจ้าชายหลงฟา

ตอนที่ 261 เจ้าชายหลงฟา

 

เพราะว่าเสียงนี้ฟังดูคุ้นหูและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมือนกับเสียงของเสี่ยวม่าน ผมก็หยุดเดินและมองแล้วมองอีก

 

หยางเฉ่วที่อยู่ด้านข้างเห็นผมหยุดเดิน ก็เอามือมาสะกิด “ ติงฝาน ที่นี่มันมีอะไรน่าดูกัน ? มีเรื่องด่วนแล้ว พวกเราไม่ต้องรีบไปหรือไง ! ”

 

ผมได้ยินคําพูดของหยางเฉ่วแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจฟัง

 

เพราะผมมองผ่านช่องว่างที่มองเห็นได้บางส่วนอย่างคลุมเครือ ก็เห็นตําแหน่งของหญิงสาวที่ถูกล้อมเอาไว้

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนมาก แต่ด้านข้างของใบหน้าก็ดูเหมือนเสี่ยวม่านจริงๆ

 

เสี่ยวม่านเป็นเพื่อนในวัยเด็กและเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผม ในใจของผมในตอนนี้หนักแน่นมากๆ

 

ดังนั้นผมต้องการจะดูให้ชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นใช่เสี่ยวม่านหรือเปล่า

 

ผมขมวดคิ้วและพูดกับหยางเฉ่วและเหล่าเฟิงทันที “พวกนายไปก่อนเลย ฉันขอไปดูหน่อย ! ”

 

เมื่อพูดจบ ผมก็เดินไปทางอื่นคนเดียว

 

ในขณะนี้ มีเพียงเสียงของผู้ชายที่เย่อหยิ่งดังขึ้น “ แฟนเหรอ ? ล้อฉันเล่นน่า ฉันหลงอ่าวเทียนพอใจผู้หญิงคนไหน ใครกันที่มันกล้าคว้าไป ? สาวสวย ที่นี่คนเยอะ มันดูไม่ดีสําหรับเธอ นี่เป็นนามบัตรของฉัน กรรมการบริษัทหลงฟากรุ๊ป เธอจะได้รู้จักและเข้าใจฉันอย่างลึกซึ้ง ในป๋ายตู้ก็มีข้อมูลจริงๆของฉันอยู่

อ๋อยังมีอีก Lamborghiniทองคําของฉันจอดอยู่ที่ใต้ตึก ฉันยินดีพาสาวสวยขึ้นรถตลอดเวลา !

 

ฉันให้หนึ่งคืนหนึ่งแสนแปดหมื่น เธอคิดว่าไง ? ”

 

ในขณะที่พูด ชายคนนั้นก็ยืนนามบัตรในมือด้วยท่าทางที่หยิ่งยโสและโอ้อวด

 

แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นที่นั่งอยู่ก็มีอารมณ์โมโหเช่นกัน ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นยืนและถือถ้วยบนโต๊ะ

 

สาดไปที่หน้าของผู้ชายคนนั้นดัง “ ซ่า ”

 

ชายคนนั้นหลบไม่ทัน ผลสุดท้ายคือใบหน้าของเขาถูกสาดไปด้วยน้ำทั้งหน้า

 

ผู้คนที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึง แม้แต่คนที่ถูกสาดน้ำก็ตะลึงงั้นเหมือนกัน

 

ในเมืองชิงฉือ ใครจะไม่รู้จักหลงฟากรุ๊ป ?

 

นั่นคือนายทุนยักษ์ใหญ่ในเมืองของพวกเรา เชี่ยวชาญในด้านการลงทุนเงินและให้กู้ยืมเงิน อยากได้เงินก็ต้องได้ มีเส้นมีสายสนับสนุนและมีพวกอันธพาลเป็นลูกสมุน

 

และหลงอ่าวเทียนก็โด่งดังในเรื่องของความรวย เอ้อระเหยลอยชายไม่ยอมทํางานทุกวัน กินดื่มเที่ยวเล่นการพนันก่อกรรมทําชั่วทุกอย่าง

 

แล้วใครจะกล้าทําให้เจ้าชายแห่งหลงฟากรุ๊ปไม่พอใจกัน ? เขาไม่ไปรบกวนคนอื่นก็ถือว่าดีแล้ว

 

แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่เพียง แต่ทําให้เขาไม่พอใจ แต่ยังไม่รู้จักรักตัวกลัวตาย กล้าสาดน้ำใส่หน้าของเขาทั้งๆที่มีคนดูอยู่มากมายขนาดนี้ แหกหน้าเขาจนคนรอบๆต้องตกตะลึง

 

แต่ว่าผมก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ แต่ชั่วพริบตาเดียวที่ผู้หญิงคนนั้นหันมา ผมก็เห็นหน้าเธออย่างชัดเจน

 

โอ้ว จริงๆด้วย ! ผมจําคนไม่ผิดจริงๆด้วย ไม่ใช่ใครอื่นแต่คือเสี่ยวม่าน

 

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าโลกใบนี้มันจะเล็กขนาดนี้ พอมาทานข้าวในเมืองก็เจอกับเสี่ยวม่านเข้าให้ แต่ว่าก่อนที่ผมจะไปปรากฏตัว เสี่ยวม่านก็พูดด้วยความโกรธว่า “ มีเงินมันวิเศษหนักเหรอ ? มีLamborghini มันเยี่ยมนักเหรอ ? ใครจะไปสนใจกัน…”

 

หลังจากพูดจบ เสี่ยวม่านก็คว้ากระเป๋าแล้วพูดกับผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามว่า “ เสี่ยวหลาน พวกเราไปกันเถอะ !!

 

พูดจบ เสี่ยวม่านก็จากไปทันที

 

แต่ว่าเจ้าชายแห่งหลงฟากรุ๊ปที่เช็ดน้ำบนใบหน้าของเขาและในขณะเดียวกันก็พูดด้วยความโกรธ “ หยุด !”

 

ทันทีที่คําพูดของเขาจบลง ผู้ติดตามทั้งสองก็เข้าไปขวางทางของเสี่ยวม่านและผู้หญิงอีกคนเอาไว้

 

“ พวกเราจะไปกันแล้ว กรุณาหลีกทาง ! ” เสี่ยวม่านพูดขึ้นอีกครั้ง

 

แต่เจ้าชายแห่งหลงฟากรุ๊ปกลับไม่สบายใจมากๆ “ ยัยกะหรี่ อย่ามาทําเป็นหน้าไม่อาย !”

 

“ นายควรไปล้างปากนายให้สะอาดดีกว่า ! ฉันจะไปแล้ว ” เสี่ยวม่านยังคงไม่กลัวและตอบกลับ

 

เจ้าชายแห่งหลงฟากรุ้ปกําลังอารมณ์เสีย เขาที่ถูกโอ๋มาตั้งแต่เด็กๆ ในวันธรรมดาใครกันที่ไม่ยอมสนองความต้องการของเขา ?

 

ในเวลานี้เขาที่ถูกหญิงสาวสาดน้ำใส่หน้าในห้องโถงใหญ่ต่อหน้าคนมากมาย ทําให้เขารู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก

 

บวกกับนิสัยของลูกคนรวยที่ชอบโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ยกฝ่ามือขึ้นหมายจะตบไปที่ใบหน้าของเสี่ยวม่าน

 

ยังไงเสี่ยวม่านก็เป็นผู้หญิง เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามจะเข้ามาตบ ก็ตกใจจนผงะและรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว

 

แต่เธอหลบไม่ทันแล้ว ในตอนที่อีกไม่ช้ามือนั้นจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของเสี่ยวม่าน ผมก็เบียดเข้าไปด้านหน้าสุดเอื้อมมือออกไปคว้ามือของเจ้าชายแห่งหลงฟา

 

มือของผมเหมือนคีมที่แข็งแรงจนทําให้เขาหยุดมือกลางอากาศ จนไปต่อไม่ได้

 

ทันใดนั้นเสี่ยวม่านก็เห็นฉากนี้ เธอก็ตกตะลึงนิดหน่อย

 

หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อก็ปรากฏออกมา เธอคิดไม่ถึงเลยว่าในเวลานี้จะมีคนยื่นมือออกมาช่วยเธอ

 

และคนที่ยื่นมือออกมาช่วยเธอ ยังเป็นผมอีกต่างหาก

 

ผมมองไปที่แววตาที่ประหลาดใจและสับสน ผมยิ้มออกมาเบาๆในขณะเดียวกันก็เอ่ยปากด้วยเสียงเรียบๆ “ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ? ”

 

เสี่ยวม่านไม่พูดอะไรและเธอส่ายหัวไปมาเบาๆ

 

จริงๆแล้วเธอตกใจและหวาดกลัวมาก แต่ในเวลานี้เธอกลับเม้มปากยิ้มด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น

 

เจ้าชายแห่งหลงฟาพยายามดิ้นรนสองสามครั้งก็พบว่ามือของผมมีพละกําลังมากซะจนเขาดิ้นไม่หลุด

 

“ ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครวะ รีบปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ ! ไม่อย่างนั้นฉันเอาแกตายแน่ ”

 

ทันทีที่ผมได้ยิน ผมก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที

 

ผมจะไปสนใจไอ้เจ้าชายแห่งหลงฟาอะไรพันธุ์นี้ทําไม ? แม้แต่ผีผมก็ปราบมาแล้ว ยังจะกลัวทายาทเศรษฐีที่เอาความไม่ได้อีกเหรอ ?

 

ผมใช้แรงของมือกระชากไปข้างหน้าด้วยความรุนแรง

 

ทันใดนั้นก็มีอาการปวดรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลัน เจ้าชายแห่งหลงฟาก็ร้องออกมาเหมือนหมูถูกเชือด

 

“ อ้า ! เจ็บ เจ็บเจ็บ…”

 

“ ปล่อยมือ รีบปล่อยมือของพี่หลงซะ !”

 

“ ไอ้หนุ่ม นายรู้หรือเปล่าว่านายกําลังลงมือกับใคร ? นี่เป็นถึงลูกชายของเถ้าแก่แห่งหลงฟากรุ๊ป

 

นายรีบปล่อยมือซะ ไม่อย่างนั้นนายตายแน่ ! ”

 

“…..”

 

เพราะผู้ชายคนนี้อยู่ในมือของผม ลูกสมุนที่ติดตามเจ้าชายแห่งหลงฟาจึงบอกให้ผมปล่อยมือซะ

 

และไม่กล้าทําอะไรทุ่มบ่าม

 

ไม่เพียงแต่ผมจะไม่ปล่อยมือ ยังเหยียบไปที่ขาของไอ้หมอนี่และไม่สนใจคําพูดของคนอื่น

 

“ขอโทษซะ ! ”

 

ในตอนแรกไอ้หมอนี่ยังหยิ่งทะนง กัดฟันพูด “ ไม่ ไม่ขอโทษ แบบ แบบนั้นฆ่าฉันให้ตายเลยดีกว่า !”

 

“ แน่ใจเหรอ ? ” ผมพูดด้วยเสียงเรียบๆ และเพิ่มแรงบีบในมือ

 

เสียง “ คลิ๊ก ” ดังขึ้น ข้อมือของเขาเคลื่อนแล้ว

 

“ โอ้ย !” หมอนั่นตะโกนขึ้นมาอีกครั้งเหมือนหมูถูกเชือด ในตอนนี้ทุกคนในเหตุการณ์ต่างพากันตกใจและพากันวิพากษ์วิจารณ์

 

เสี่ยวม่านก็ดึงมือของผมและพูดว่า “ ติงฝาน พอแล้ว ช่างมันเถอะ !”

 

“ พอเหรอ ? คนแบบนี้สมควรแล้ว บ้านเมืองมีจริยธรรมและศีลธรรม จะมาข่มขู่ผู้หญิงแบบนี้

 

วันนี้ฉันจะลงโทษเขาเอง ! ”

 

หลังจากพูดจบ ผมก็พูดกับไอ้หมอนี่อย่างเยือกเย็นหนึ่งประโยค “ ถ้าไม่ขอโทษ ฉันจะหักมือของนายซะ !”

 

ไอ้หมอนี่เจ็บจนใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาที่โดนข่มขู่และเจ็บปวด ความหยิ่งทะนงก่อนหน้านี้ก็พังทลายหายไป สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ “ ฉันขอ ฉันขอโทษ !”

 

ตัวของไอ้หมอนั้นสั่นด้วยความเจ็บปวดและค่อยๆมองไปที่เสี่ยวม่านและในที่สุดเขาก็พูดอย่างไม่เต็มใจกับเสี่ยวม่านว่า “ ใช่ ฉันขอโทษ !”

 

“ พูดให้มันดังๆ ฉันไม่ได้ยิน ! ” พูดไปด้วยผมก็เพิ่มแรงบีบในมืออีก

 

เจ้าชายแห่งหลงฟาตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ยังอดทนตะโกนออกมา “ ฉันขอโทษฉันผิดไปแล้ว !”

 

เมื่อได้ยิน ผมก็สะบัดแขนอย่างรุนแรงและปล่อยมือของเจ้าชายแห่งหลงฟาทันที

 

“ พี่หลง พี่หลงเป็นอะไรไหม ? ”

 

“ พี่หลง ต้องการฆ่าเขาไหม ? ”

 

“ พี่หลง ผมจะแก้แค้นให้พี่เอง!”

 

ลูกสมุนที่ติดตามคุณชายแห่งหลงฟาแย่งกันเอ่ยปากและประคองเขาขึ้นมาและอยากจะมีเรื่องกับผม

 

ผลสุดท้ายก็คือเฟิงเฉิวหานกลับเดินมาที่ด้านข้างของผมด้วยสายตาที่เยือกเย็น พูดด้วยน้ำเสียงหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ “ นายหาจังหวะยืดเส้นยืดสายได้ไม่เลวเลย…”

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset