ศพ – ตอนที่ 285 คุณผู้หญิงคุณผู้ชายหลงฟา

ตอนที่ 285 คุณผู้หญิงคุณผู้ชายหลงฟา

ขณะมองเจ้าชายหลงฟาในรูป ผมก็ฟุ้งซ่านไปชั่วขณะ

สองสามีภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นผมนิ่งไป จึงอดหันมามองตากันไม่ได้ ในขณะเดียวกันผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นก็พูดว่า “ ท่านนักพรต ท่านนักพรต…………”

หลังจากโดนอีกฝ่ายตะโกนใส่สองครั้ง ผมถึงกลับมามีสติอีกครั้ง

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากนั้นก็พูดกับเขาสองคน “ นี่เขาเป็นอะไรไป? ”

“ พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ถึงครึ่งเดือนลูกชายของเราก็ผอมจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว แถมยังพูดเหลวไหลทุกวัน ตอนแรก พวกเรายังไม่ได้สนใจ แต่หลังจากนั้นลูกของเราก็เริ่มผอมขึ้นเรื่อยๆ พวกเราถึงได้รู้สึกว่ามันผิดปกติ ”

 

หลังจากนั้น สองสามีภรรยาคู่นี้ก็นําสิ่งที่เขารู้ บอกกับผมที่ละเรื่องๆ

 

เรื่องราวมีอยู่ว่า เจ้าชายหลงฟาคนนี้ ไม่รู้ว่าไปโดนเล่นงานมาจากไหน จนกลายเป็นไม่ค่อยมีสติ

เหมือนคนเหม่อลอยไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาไม่นานก็นอนหลับทันที แทบจะไม่คุยกับใครเลย

และยังขี้หลงขี้ลืมสุดๆ

สิ่งที่รุนแรงที่สุด ยังเป็นความเร็วในการผอม

ตอนแรกพวกเขายังคิดว่าลูกตัวเองป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่าง เลยพาเขาไปหาหมอหลายโรงพยาบาล

 

จางเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร

เมื่อโรงพยาบาลหาสาเหตุไม่ได้ พวกเขาก็คิดว่าอาจโดนของสกปรกบางอย่าง พวกเขาเลยเชิญยอดฝีมือหลายคนมาดู

แต่ในสังคมนี้ คนที่มีวิชาจริงๆมีน้อยยิ่งกว่าน้อย จะมียอดฝีมือเยอะขนาดนั้นได้ยังไง ?

เขาก็ไม่ต่างอะไรจากคุณเหวินมากนัก เชิญพวกนักต้มตุ้นมาหลายคน

 

ไม่เพียงมองไม่เห็นความมีชื่อเสียงอะไร แถมยังต้องเสียเงินไปไม่น้อย

สองสามีภรรยาเห็นเชิญนักพรตมาก็ไม่ได้ช่วยอะไร เลยคิดจะลองแพทย์แผนจีนดูบ้าง จากนั้นเขาก็เสียเงินไปก้อนใหญ่ เชิญหมอจีนเฒ่ามาดูอาการ

เมื่อก่อนหมอจีนเฒ่าเป็นหมอใหญ่ของโรงพยาบาลบางแห่ง มีวิชาแพทย์ชั้นสูง

ผลลัพธ์หลังจากเขาเข้ามาดูอาการแล้ว และยังดูผลวินิจฉัยจากโรงพยาบาลเมื่อก่อนหน้านี้ เขาก็ส่ายหัวทันที

บอกว่าเจ้าชายหลงฟาไม่ได้ปวยธรรมดาๆ วิชาแพทย์ของเขาไม่ดีพอ ต้องหายอดฝีมือกว่านี้มาดู

 

หลังจากพูดจบหมอจีนเฒ่าคนนั้นก็จากไปทันที สองสามีภรรยา ก็ไม่รู้จะทํายังไงแล้ว พวกเขาเองก็มีลูกชายแค่คนเดียว ไม่อาจยืนมองตาปริบๆรอให้เขาตายไปทั้งแบบนี้ได้ใช่ไหมละ

 

พวกเขาเลยเริ่มออกค้นหายอดฝีมือไปทั่วทิศ ใช้เครือข่ายที่มีเกือบทั้งหมด

สุดท้าย ก็ได้ยินชื่อเสียงของอาจารย์ผม

ดังนั้นเลยตามเบาะแส ทิ้งการรักษาทางการแพทย์อันริบหรี่ แล้วตรงมาหาพวกเราที่นี่ทันที

 

หลังฟังเรื่องราวพวกนี้จบ ผมก็พยักหน้าเบาๆ แม้จะมั่นใจว่าเจ้าชายหลงฟาโดนของจริงๆหรือเปล่า

 

แต่ฟังจากแค่เรื่องราวของอีกฝ่าย สถานการณ์แบบนี้น่าจะเป็นไปได้พอสมควร

แม้ผมจะเคยขัดแย้งกับเจ้าชายหลงฟานี่มาก่อน แต่ความขัดแย้งพวกนั้นไม่เกี่ยวข้องกับงานของผม

 

ในฐานะคนปราบสิ่งชั่วร้ายมืออาชีพ การแยกเรื่องส่วนตัวให้ได้ ผมยังทําได้อยู่

ช่วงนี้ผมกําลังร้อนเงินด้วยซิ ของเซ่นไหวในรถเข็นยังรอผมอยู่

แม้สองสามีภรรยาจะไม่ได้แนะนําตัว แต่ลูกชายหลงอ่าวเทียนขับลัมโบร์กินีล่อนไปทั่วแบบนั้น

ในบ้านคงจะมี “ เหมือง” อยู่แน่ๆ

 

ขอแค่ทําภารกิจครั้งนี้สําเร็จ ค่าตอบแทนที่ตามมาจะต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน

 

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ผมก็ไม่ลังเลแต่อย่างใด พยักหน้าให้ทุกคนทันที “ เรื่องของพวกท่านเป็นเรื่องด่วนจริงๆ

ผมจะติดต่ออาจารย์ให้เดี๋ยวนี้แหละครับ พวกคุณนั่งรอตรงนี้สักครู่ !”

 

ขณะพูด ผมก็โทรศัพท์หาอาจารย์

 

ในเวลานี้อาจารย์และเหล่าฉินกําลังเล่นหมากรุกกันอยู่ เมื่อได้ยินว่าผมมีเรื่องด่วน เกี่ยวข้องกับชีวิตคนเขาก็ไม่ลังเล บอกว่าจะรีบกลับมาทันที

หลังจากนั้น ผมก็รินน้ําชาให้ทั้งสองคน บอกให้พวกเขารออย่างสงบใจได้แล้ว

 

แต่ทั้งสองคนกลับดูร้อนรน มองไปที่ประตูครั้งแล้วครั้วเล่า

 

แต่ผ่านไปไม่นาน อาจารย์ก็กลับมาแล้ว

แต่คนที่กลับมาไม่ใช่แค่อาจารย์ผมคนเดียว ยังมีเหล่าฉินและท่านนักพรตตู๋ด้วย

 

อาจารย์เพิ่งเข้ามาในร้าน ก็กวาดสายตามองแวบหนึ่ง แล้วทําสีหน้าเคร่งขรึม

 

ผมรีบเข้าไปต้อนรับ “ อาจารย์ทั้งสองท่านนี้เป็นคนที่ผมเล่าให้ฟังในโทรศัพท์! ”

สองสามีภรรยาลุกขึ้น เห็นผมพูดกับอาจารย์แบบนั้น จึงเปลี่ยนเป็นคนสุภาพขึ้นมาทันที ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นโอดครวญขึ้นมาทันที “ ท่านนักพรตติงในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านจะต้องช่วยลูกชายของฉันนะคะ !”

 

อาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย เผยท่าทางผู้ชํานาญทางโลกออกมา “ ทั้งสองท่านเชิญนั่งก่อน มีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน!”

ขณะพูด อาจารย์เหล่าฉิน และท่านนักพรตตู๋ก็นั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม

 

ในเวลาเดียวกันเขาก็แนะนําท่านนักพรตตู๋และเหล่าฉินให้สองสามีภรรยารู้จักสั้นๆ แม้สองสามภรรยาคู่นี้จะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านนักพรตตู๋และเหล่าฉินมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก และเห็นพวกเขาเป็น “ ยอดฝีมือ” เหมือนกัน

ชายวัยกลางคนทําจิตใจให้สงบก่อน หลังจากนั้นถึงพูดขึ้นว่า “ ท่านนักพรตติง ท่านนักพรตตู๋

ท่านนักพรตฉิน ผมแซ่หลง นี่คือภรรยาของผม วันนี้พวกเรามาเพราะเรื่องของลูกชาย..”

 

หลังจากนั้น สองสามีภรรยาก็เล่าเรื่องที่เล่าให้ผมฟังเมื่อก่อนหน้านี้ ให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด ครั้งนี้มันดูครบสมบูรณ์ยิ่งกว่าเก่า

หลังอาจารย์และท่านนักพรตตู๋ฟังจบ และดูรูปหลงอ่าวเทียนแล้ว ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

ทั้งสามคนกระซิบคุยกันสั้นๆ ต่อจากนั้นก็ได้ยินท่านนักพรตตู๋ที่นั่งอยู่ข้างๆพูดว่า “ เอ่อคุณหลง คุณนายหลง ไม่ทราบว่าช่วงนี้พวกคุณ โดยเฉพาะตอนกลางคืน ได้ยินเสียงอะไรบ้างไหม? หรือรู้สึกถึงอะไรที่ผิดปกติบ้างหรือเปล่า? ”

เมื่อคุณนางหลงที่อยู่ข้างๆได้ยินคําพูดนี้ ก็รีบพยักหน้าทันที “ มี มีมี ช่วงนี้พอตกดึกลูกชายของฉันจะคึกคักขึ้นมาเป็นพิเศษ มีครั้งนึ่งยืนอยู่ตรงริมหน้าต่าง เห็นลูกชายกําลังใช้ตุ๊กตาทํา…ทําอย่างงั้น…”

 

คุณนายหลงไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าคุณนางหลงกําลังหมายถึงอะไร

เมื่อท่านนักพรตตู๋และอาจารย์ได้ยินสิ่งนี้ ก็ปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นถึงได้ยินอาจารย์พูดว่า

 

“ คุณหลง คุณนางหลง ถึงพวกเราจะไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าลูกชายของพวกคุณโดนของสกปรกเข้าสิงหรือเปล่า แต่อย่างที่พวกคุณว่ามา เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับของไม่ดีเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นพวกเราคิดว่าจะไปดูด้วยตัวเอง! มีแค่ได้เห็นกับตาเท่านั้น ถึงจะมั่นใจได้จริงๆ ถ้าใช่จริงๆ เราจะคืนความสงบสุขให้ลูกชายพวกคุณแน่นอน หากไม่ใช่งั้นก็ต้องรบกวนให้ท่านสองคนไปหาหมอแทน ”

 

เมื่อสองสามีภรรยาได้ยินแบบนั้น ก็รีบพยักหน้าทันที “ ได้ได้ได้ ขอแค่นักพรตทุกท่านออกโรง พวกเราไม่ว่าอะไรทั้งนั้น ไม่ทราบว่าท่านนักพรตทั้งหลายจะไปดูเมื่อไหร่หรือคะ ”

 

“ เรื่องเร่งด่วนรอช้าไม่ได้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี” อาจารย์ตอบกลับตรงๆ

เป็นธรรมดาที่สองสามีภรรยาจะดีใจ พวกเขาตอบตกลงตรงนั้นทันที

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พวกเราก็เตรียมอาวุธเสร็จแล้ว หลังปิดร้านก็พากันไปรวมตัวที่ป้ายรถเมล์

 

เหล่าเฟิงและท่านนักพรตตู๋ก็รีบเดินทางมาสมทบ

เพราะครั้งนี้พวกเราเดินทางไปเยอะ รถของคุณหลงเลยนั่งไม่พอ

 

เพื่อลดภาระและความสะดวกสบาย เหล่าฉินเลยให้อาจารย์ฉีขับรถออกมา แล้วขับตามรถของคุณหลง

ครั้งก่อนอาจารย์ฉีโดนจิ้งจอกเฒ่าทําร้าย ตอนนี้เขาก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

 

ในเวลานี้เมื่อได้ยินว่าพวกเราจะออกไปทํางานข้างนอก ก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เลยชวนพวกเราคุยตลอดทาง

 

ในเวลาเดียวกัน ผมและเหล่าเฟิงก็เล่าเรื่องตอนเจอเจ้าชายหลงฟาที่โรงแรมหนานเทียนต้า และเรื่องที่เข้าไปอัดเขาให้อาจารย์และคนอื่นๆฟัง

 

พวกเขาไม่เพียงไม่ตําหนิพวกเรา กลับกันยังเดาว่าเจ้าชายหลงฟาคนนี้ไปทําเรื่องผิดศีลธรรมเอาไว้หรือเปล่า ? ถึงได้โดนกรรมคืนสนอง เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัว

หลังจากนั้นประมาณสองชั่วโมง พวกเราก็ขับตามรถของคุณหลงมาจนถึงเขตชานเมืองที่คนรวยอยู่

สุดท้ายก็หยุดจอดอยู่ที่บริเวณวิลล่าติดริมทะเลสาบเล็กๆ

ที่นี่ก็คือบ้านคุณหลง ตอนนี้ลูกชายของเขาก็อยู่ข้างในนั้น

อาจารย์ฉีเห็นพวกเรามาถึงที่หมายแล้ว จึงบอกลาพวกเรา แล้วจากนั้นก็กําลังจะขับรถออกไป

 

ผลลัพธ์กลับโดนคุณหลงเรียกตัวเอาไว้ บอกว่าลําบากแล้วที่ต้องขับมาส่งพวกเรา จากนั้นก็ยื่นั่งเปาซองโตจํานวนหนึ่งพันหยวนให้อาจารย์

อาจารย์ฉีก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แต่เขาก็รับไว้

ต่อจากนั้น พวกเราก็ได้คุณหลงช่วยนําทางตรงเข้าไปในคฤหาสน์

แต่พอก้าวเข้ามาในบ้าน พวกเราก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็น ในอากาศมีกลิ่นหอมพิเศษบางอย่าง

ไม่ใช่แค่นั้น พวกเรายังพบว่า หน้าบันไดบนชั้นสอง มี “ ผู้ชายน่าเกลียด ” ตัวผอมแห้งติดกระดูก

กําลังยืนเบ้าตาเว้าลึกอยู่

เขายืนนิ่ง ก้มหน้า กําลังจ้องพวกเราพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset