ศพ – ตอนที่ 286 เหม่อลอย

ตอนที่ 286 เหม่อลอย

ในบ้านมืดมาก ผ้าม่านถูกบิดเอาไว้อย่างมิดชิด ในบ้านไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาเลยสักนิด

 

ทําให้ในวิลล่าแห่งนี้ ดูน่ากลัวกว่าที่ควร

สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ พวกเรามองเห็นบางอย่างลางๆ บนหน้าบันไดชั้นสอง มี “ ผู้ชายน่าเกลียด ” กําลังยืนอยู่

ผู้ชายน่าเกลียดคนนั้นเบ้าตาเว้าลึก เนื้อติดกระดูก ในเวลานี้กําลังจ้องพวกเราแล้วหัวเราะ “ ฮึฮึฮี ”อย่างเจ้าเล่ห์

 

พวกเราไม่กี่คนต่างเงียบไปครู่หนึ่ง พยายามสังเกตเขาอย่างละเอียด

ถึงเขาจะผอม แต่ดูจากรูปร่างผมยังจําเขาได้ เขาก็คือเจ้าชายแห่งหลงฟากรุ๊ป คุณชายเจ้าสาราญที่โด่งดังในเมืองเรา หลงอ้าวเทียน

ตอนนี้คุณหลงกับคุณนายหลงเห็นท่าทางของลูกชายตัวเองก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

คุณหลงพูดด้วยความโมโห “ เจ้าบัดซบนี่ ทําไมไม่ใส่เสื้อผ้าก็วิ่งออกมาฮะ! ”

 

“ ลูกแม่ ! เด็กดี ฟังแม่นะ ไปใส่เสื้อผ้าก่อน มีแขกมาบ้าน.” ตอนคุณนายหลงพูด น้ําตาก็คลอเบ้าแล้ว หรือแม้แต่พูดด้วยน้ําเสียงสะอึกสะอื้น

แต่หลงอ้าวเทียนที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดชั้นสองกลับไม่ฟัง เขาฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ แดง ขาว ม่วง เขียว

 

มีผู้หญิงเยอะแยะเลย เป็นของฉันทั้งหมด เป็นของฉันหมดเลย! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า………….”

 

หลังจากพูดจบ หลงอ้าวเทียนก็กอดเสาอย่างน่ารังเกียจ และออกแรงเลียเสาในทันที

 

ฉากแบบนี้ทําให้ผมและเหล่าเฟิงตะลึงกันเลยทีเดียว นี่มันอะไรกัน ? เกิดบ้าไปแล้วหรือไง ?

“ ลูก! โรคกําเริบอีกแล้วใช่ไหมลูก มีผู้หญิงที่ไหนละลูก! ” คุณนายหลงตกใจมาก รีบวิ่งไปบนชั้นสอง

เพื่อหยุดการกระทําของเจ้าชายหลงฟา

 

ส่วนคุณหลงกลับหันมาพูดกับพวกเราว่า “ นักพรตทุกท่าน ให้พวกท่านหัวเราะแล้ว ช่วงนี้ลูกชายเราเป็นแบบนี้แหละครับ บ้าขึ้นทุกวัน ตอนเจ็ดแปดโมงเช้านี้ถึงจะมีสติขึ้นมาหน่อยครับ!”

หลังอาจารย์ฟังจบ ก็พยักหน้าเล็กน้อยส่งสัญญาณว่าต้องการเข้าไปดูใกล้ๆ

 

จากนั้นพวกเราเลยตามคุณหลง ขึ้นไปบนชั้นสอง

เมื่อมาถึงชั้นสอง หลงอ้าวเทียนยังคงหัวเราะเราะอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดแบบเมื่อกี้ “ แดง ขาว ม่วง เขียว

มีผู้หญิงเยอะแยะเลย เป็นของฉันทั้งหมด…”

 

คุณหลงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาเดินเข้าไปคิดจะตบทันที

“ เพี้ยะ ” ทําให้เจ้าชายหลงฟาที่มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้วสลบในทันที

 

หลังจากนั้นก็โดนพ่อเขาอุ้มเข้าไปในห้อง หลังจากพ่อแม่ใส่เสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว พวกเราถึงได้เข้าไป

ระหว่างนั้นอาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉันปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง บอกว่าท่าทางของหลงอ้าวเทียน

 

ต้องโดนสิ่งชั่วร้ายเข้าสิงอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าโดนตัวอะไรเข้าไป เจ้าเด็กนี้ไปยุ่งกับอะไรเอาไว้ก็ยังไม่รู้แน่ ได้แค่รอสังเกตสถานการณ์ไปอีกสักพัก ถึงจะมั่นใจได้อีกนิด

 

แต่พอเข้าไป ไม่ว่าคุณนายหลงและคุณหลงจะปลุกหลงอ้าวเทียนยังไงเขาก็ไม่ตื่น

คุณนายหลงยังด่าคุณหลง บอกว่าคุณหลงตบแรงเกินไป ทําให้หัวของลูกเธอได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า

แต่ท่านนักพรตต์กลับพูดว่า ประตูวิญญาณของหลงอ้าวเทียน โดนพลังมืดกดเอาไว้ ทําให้ไฟหยางอ่อนแอ

ถึงได้ตื่นยาก

ท่านนักพรตต์จึงเอายันต์ออกมาหนึ่งแผ่น จุ่มลงไปในน้ํา แล้วบอกให้คุณนายหลงป้อนให้หลงอ้าวเทียนดื่มเข้าไป

เมื่อน้ํามนต์ถ้วยนี้เข้าไปในท้อง หลงอ้าวเทียนที่เคยสลบเป็นตายก็ฟื้นขึ้นมาทันที

ระหว่างนั้น อาจารย์และคนอื่นไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงสังเกตห้องของหลงอ้าวเทียน และไม่ได้ทําอะไรมากกว่านั้นอีก

 

เมื่อหลงอ้าวเทียนได้สติกลับคืนมา หลงอ้าวเทียนก็เหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคน “ เอ๊ะ ! พ่อแม่ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แล้วพวกเขาเป็นใคร ”

เสียงเพิ่งเงียบ คุณนายหลงก็พูดด้วยน้ําตาอาบหน้า “ เสี่ยวเทียน ! นี่คือนักพรตที่พ่อแม่หามาให้ลูก !”

 

เสียงของคุณนายหลงเพิ่งเงียบลง ผมก็เดินเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขณะเดียวกันก็พูดขึ้นมาว่า

 

“ เจ้าชาย ไม่ได้เจอกันนานนะ! ”

เมื่อคําพูดนี้ดังขึ้น ก็ดึงดูดความสนใจหลงอ้าวเทียนทันที

หลงอ้าวเทียนหันมามองทางผม ทันใดนั้นเองเขาก็ตกใจในทันที “ แก แกเป็น เป็นเจ้าเด็กที่อัดฉันเมื่อวันนั้น! ”

“ ดูเหมือนนายจะยังจําได้นะ! ” ผมหัวเราะเบาๆ

 

คุณหลงและคุณนายหลงกลับทําหน้าสงสัย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

หลงอ้าวเทียนกลับรนรานขึ้นมา “ พ่อ พ่อ ข้อมือของผม ข้อมือของผมเจ้าเด็กนี่เป็นคนหัก พ่อรีบ รีบจับมันเร็ว ”

 

“ แกพูดเหลวไหลอะไร ? นี่คือลูกศิษย์ของท่านนักพรตติง เขาเองก็มาช่วยแกเหมือนกัน ! ” คุณหลงคิดว่าหลงอ้าวเทียนยังเป็นบ้าอยู่

แต่ผมกลับหัวเราะ “ คุณหลง เขาไม่ได้พูดเหลวไหล เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาลวนลามเพื่อนผมที่โรงแรมหนานเทียน ก็เลยโดนผมอัดจริงๆ! ”

 

เมื่อคุณหลงได้ยินคําพูดนี้ก็หน้าชาในทันที เมื่อคิดถึงด้านคุณธรรมของลูกชายตัวเอง วันๆเอาแต่เที่ยวสํามะเลเทเมาไปทั่ว รังแกข่มเหงผู้อื่นเอาไว้ไม่น้อย

 

และยังได้ยินผมพูดถึงขนาดนี้ เขาก็หันไปจ้องหลงอ้าวเทียนทัน

 

ตอนนี้หลงอ้าวเทียนเป็นใบ้ในทันที เป็นธรรมดาที่คุณหลงจะเข้าใจ ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงทั้งหมด

เขาทําหน้านิ่ง แล้วด่าขึ้นมาทันที “ เดรัจฉาน !”

หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือจะตบหลงอ้าวเทียนอีก

แต่กลับโดนคุณนายหลงห้ามไว้ “ เลิกตบลูกได้แล้ว เขาเป็นแบบนี้แล้ว คุณจะยังตบเขาให้ตายไปเลยหรือไง! ”

หลังจากพูดจบ คุณนายหลงก็หันกลับมาพูดกับผมว่า “ ท่านนักพรตเสี่ยวติง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ

ฉันขอโทษคุณและเพื่อนของคุณแทนลูกชายก็แล้วกัน ขอแค่คุณช่วยรักษาลูกชายให้เราได้ เราจะไปขอโทษเพื่อนคุณและคุณต่อหน้าอย่างแน่นอน ถ้าอยากให้ชดใช้อะไร เราต้องชดใช้ให้เป็นสองเท่าแน่ๆ.”

 

คุณนายหลงพูดเก่งมาก ผมเองก็ไม่มีอารมณ์มาตามคิดแค้นเรื่องพวกนี้

จึงโบกมือให้เท่านั้น “ เรามาพูดเรื่องหลักกันเถอะ! หลงอ้าวเทียนซินะ ! ช่วงนี้นายไปเจออะไรมาบ้าง

 

นายพูดเองเถอะ ! โดยเฉพาะเรื่องแปลกๆ หรือจะบอกว่านายไม่ได้ไปทําเรื่องไม่ดีเอาไว้”

เมื่อหลงอ้าวเทียนได้ยินคําพูดนี้ ก็ทําหน้าครุ่นคิดทันที ในขณะเดียวกันก็ดูท่าจะพูดไม่ค่อยออก “ นี่ นี่ ”

“ พ่อหนุ่มน้อย เธอต้องคิดให้ดีนะ ถ้าเธอพูดออกมาไม่ชัดเจน ชีวิตของเธอจะไม่เหลือรอดได้นะ ” เหล่าฉินพูดตรงๆ

 

คุณนายหลงและคุณหลงก็คอยกระตุ้นอยู่ข้างๆ ให้หลงอ้าวเทียนพูดออกมาตามตรง ไม่อย่างนั้นเขาจะตายได้

หลงอ้าวเทียนก็เป็นแค่คุณชายเจ้าสําราญ เขาเองก็กลัวตายเหมือนกัน

 

เห็นได้ชัดว่าเขากลัวมาก เขาเผยสีหน้าขมขื่นออกมา “ พ่อแม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพูด แต่ผม แต่ผมจําไม่ได้ว่าช่วงนี้ทําอะไรไปบ้าง ผมจําได้แค่ว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนโดนเขาอัดแล้ว ผมก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาล จากนั้น จากนั้นเหมือนชีคุนจะพูดอะไรกับ ผมสักอย่าง ต้นกล้วยอะไรสักอย่าง.”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลงอ้าวเทียนก็ทรมานในการคิดมาก เขาคิดไม่ค่อยออกแล้ว

สำหรับเรื่องครึ่งเดือนหลัง เขาแทบจําอะไรไม่ได้เลย บอกว่ารู้สึกเหมือนตัวเองเหม่อลอย ไม่ค่อยรู้สึกตัว หลังจากนั้นก็ชอบฝัน เห็นต้นกล้วยป่า ส่วนเรื่องอื่น หลงอ้าวเทียนไม่ได้พูดถึงเลยสักนิด

ผมฟังคร่าวๆ แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ

เมื่อก่อนผมเข้าใจว่า เจ้าหมอนี่น่าจะโดนผีบางตัวเข้าสิง

ตั้งแต่พวกเราเข้ามาในบ้านจนถึงตอนนี้ นอกจากในบ้านจะมืดแล้ว ผมก็สัมผัสถึงพลังชั่วร้ายไม่ได้เลยจริงๆ จึงทําให้ผมไม่มีความเห็นใดๆกับเรื่องนี้

 

แต่ อาจารย์ ท่านนักพรตต์ และเหล่าฉินที่อยู่ข้างๆกลับหน้าเปลี่ยนสี ดูน่าบึงขึ้นมานิดหน่อย

โดยเฉพาะหลังหลงอ้าวเทียน พูดว่าตัวเองฝันเห็นต้นกล้วยปา ทั้งสามคนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

เหล่าฉันดึงเท้าซ้ายของหลงอ้าวเทียนขึ้นมา แล้วดูที่นิ้วหัวแม่เท้า ของหลงอ้าวเทียน

เห็นเพียงแค่บนหัวแม่เท้าซ้ายของหลงอ้าวเทียน มีเครื่องหมายรูปวงแหวนสีม่วงอยู่

เมื่อท่านนักพรตตู้เห็นสิ่งนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนทันที เขาพูดออกมาเบาๆ “ ดึงดูดวิญญาณนางตานี ”

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset