ศพ – ตอนที่ 324 ต้องตายแน่

ตอนที่ 324 ต้องตายแน่

 

การเคลื่อนไหวของยัยผีตัวนี้เร็วมาก จนผมเตือนเหล่าเฟิงไม่ทันด้วยซ้ํา

 

แม้แต่หยางเนิ่วที่อยู่ด้านหลังเหล่าเฟิง ก็ยังไม่เห็นการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของยัยผีตัวนี้

 

มันเหมือนกับการปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเหล่าเพิ่งในชั่วพริบตาผิดธรรมชาติจนน่าขนลุกกันเลยละ

 

ขณะมองกรงเล็บที่แหลมคมพวกนั้น ฟาดลงมา ผมก็แน่นหน้าอก เหมือน

ร่างกายจะชาไปครึ่งตัว

 

“ แควก ” เสื้อด้านหน้าของเหล่าเพิ่งโดนกรงเล็บฉีก ทําให้ตัวเขาถอยไปตามแรงกระแทกในปากกรีดร้องออกมาตามสัญชาตญาณ “ อ้า !”

 

หลังจากนั้นตัวเขา ก็ล้มลงไปกับพื้นทันที

 

แม้จะอยู่ไกลกันสักหน่อย แต่ผมกลับเห็นรางๆ ว่าเสื้อกันหนาวที่หนามากตรงหน้าอกของเหล่าเพิ่งโดนฉีกออกทั้งหมด และยังมีรอยเลือดปรากฏขึ้นอีกด้วย

 

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ตัวผมก็สั่นทันที

 

แต่ผมไม่ได้วิ่งเข้าไปช่วย แต่มองไฝดําที่ข้อมือ แล้วคํานวณเวลาต่อไป

 

ผ่านไปอีกสิบวินาทีแล้ว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผมพูดออกมาอีกครั้ง “ มู่หลงเหยียน !”

 

ขณะเดียวกัน หยางเฉ่วเห็นเหล่าเพิ่งล้มลงไปกับพื้น พร้อมด้วยคราบเลือดตรงหน้าอกเธอก็ทําหน้าหวาดกลัว รีบตะโกนออกมาทันที “ เฟิงเฉิวหาน !”

 

แต่ในขณะที่เธอพูดออกมา ยัยผีตัวนั้นกลับจ้องมาที่หยางเฉ่ว ในปากพ่นเสียงที่แหบแห้งสุดๆออกมา

 

“ นางจิ้งจอก ถึงคิวของแกแล้ว !”

 

หลังจากพูดจบ ยัยผีตนนั้นก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว กรงเล็บในมือกวัดแกว่งออกไปอีกครั้ง

 

ม่านตาของหยางเจ่วหดเล็กลง เธอตกใจจนหน้าถอดสีทันที

 

แต่เธอก็ยังยื่นกระดึงออกมา ต้านผีผู้หญิงตามสัญชาตญาณของตัวเอง

 

ตอนแรกเริ่มยัยผีตัวนี้เคยโดนฤทธิ์ของกระดิ่งเล่นงานมาแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นหยางเฉวยื่นกระดิ่งออกมา

 

ก็เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่พุ่งชน แต่กลับถึงกรงเล็บกลับมา และสะบัดแขนเสื้อ

 

ในวินาทีนั้น พลังหยินที่เข้มข้นพุ่งเข้ามาสู่หน้าหยางเฉ่วทันที

 

พลังหยินเข้มข้นยิ่งกว่าอะไร แถมมันยังเป็นพลังหยินที่สูงกว่าพลังของเธอถึงสองเท่าแล้วหยางเจ๋วจะต้านอยู่ได้ยังไง

 

“ปัง” สภาพของหยางเฉ่วเป็นเหมือนผมเมื่อก่อนหน้านี้ เธอเหมือนโดนรถ

บรรทุกชนร่างกระเด็นออกไป และสุดท้ายก็กระแทกลงกับพื้น แล้วกลิ้งออกไปอีก

หลายตลบ

 

กระดิ่งทองแดงของผม ก็ตกลงกับพื้นในช่วงเวลานั้น

 

ขณะมองฉากนี้ ผมก็แค้นจนกัดฟันแน่น ไม่ว่าตอนมีชีวิตแกจะมีความแค้นขนาดไหน หรือเคยเจอความ

 

อยุติธรรมมามากเท่าไหร่

 

แต่ แกก็ฆ่าคนบริสุทธิ์ และตอนนี้ยังมาทําร้ายเพื่อนฉันอีก ฉันจะไม่ยอมปล่อยแกไปง่ายๆแน่

 

ฉันจะต้องทําให้วิญญาณของแกแตกสลาย ในใจของผมเต็มไปด้วยความโกรธจากนั้นผมก็แอบคํานวณเวลาคร่าวๆ

 

ส่วนผีผู้หญิงตนนั้น กลับยืนอยู่ที่เดิมแล้วทําท่าอย่างกับคนได้ใจ

 

ขณะมองเหล่าเฟิงและหยางเฉ่ว เธอก็ส่งเสียงหัวเราะ “ฮ่าฮ่าฮ่า…” อย่างบ้า

คลั่งเสียงสะท้อนไปทุกสารทิศ แถมเธอยังปล่อยพลังหยินสีดํามืดไปทั่วทั้งตัว

 

ในที่สุด ผมก็เห็นสัญลักษณ์หยินหยางที่ข้อมือเสร็จสมบูรณ์ ปากั้วปรากฏออกมาชัดเจนแล้ว

 

ผมรู้ได้ทันที ถึงเวลาแล้ว

 

วินาทีนั้นผมไม่ลังเลแต่อย่างใด รีบตะโกนชื่อครั้งที่สามออกมาทันที “ มู่หลงเหยียน ! “

 

พอค่าว่ามู่หลงเหยียนออกมา การอัญเชิญครั้งนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว

 

ทันใดนั้นเอง รอบๆก็มีลมกระโชกแรงเกิดขึ้น ส่วนไผ่บนข้อมือของผม ก็มีหมอกสีขาวไหลออกมา

 

ผมเข้าใจดี มู่หลงเหยียนมาแล้ว

 

ขอแค่ผีเมียของผมปรากฏตัว ผีชุดแดงอะไร ก็ไม่ใช่คู่มือของเธอ พวกเราเองก็จะมีคนช่วยแล้ว

 

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆผีชุดแดงก็หันมามองทางผม เสียงหัวเราะที่สะใจของเธอหยุดลงทันที

 

“ ไอ้ชายชั่ว แกทําอะไรอีกฮะ ? ” เสียงของผีผู้หญิงมืดมนสุดๆ มันปนไปด้วยความโมโห

 

ขณะพูด ผีผู้หญิงตนนั้นก็เคลื่อนตัว พุ่งมาทางผมอย่างรวดเร็ว

 

ส่วนผมถึงแม้ตรงหน้าจะมีหมอกสีขาวปรากฏขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้ง

ก่อนๆมันไม่ได้รวมตัวเป็น

 

มู่หลงเหยียนในเวลาอันสั้น

 

เมื่อเห็นผีผู้หญิงพุ่งเข้ามา ผมก็อยากถอยหลังตามสัญชาตญาณ เว้นระยะห่างจากเธอ

 

ผลลัพธ์ผมเพิ่งก้าวเท้า กลับพบความผิดปกติ ในเวลานี้ร่างกายของผมไม่

สามารถขยับได้เหมือนมันกําลังโดนอีกฝ่ายจับเอาไว้

 

นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่ทําให้ผมแปลกใจที่สุด สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ วินาทีที่ผมรู้ตัวว่าไม่สามารถขยับตัวได้ หมอกสีขาวที่ลอยออกมาพวกนั้น

กลับไม่รวมตัวและจู่ๆก็หายไปจากสายตาดื้อๆ

 

หายไปแล้ว มู่หลงเหยียนไม่ออกมา ทําไมถึงหายไปละ

 

ผมก่าลังตกใจ แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว ยัยผีตัวนั้นก่าลังเข้ามาแล้ว เธอปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผมแล้ว

 

สภาพหน้าชุ่มเลือดของยัยผีตนนี้ ทําให้ผมขนลุกทันที

 

ดวงตาสีขาวโพนเบิกกว้าง เธอพูดกับผมอย่างดุร้าย “ ไอ้ผู้ชายสารเลว ได้เวลาตายของแกแล้ว !”

 

พอพูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ยืนเล็บพวกนั้นให้ตั้งตรง

 

เล็บพวกนั้นคมผิดปกติ มันไม่เหมือนเล็บเลยสักนิดเหมือนกับมีดสั้นซะมากกว่า

 

ในเวลานั้นมันยืดจนตรงแล้ว และทําท่าจะเข้ามาฉีกกระฉากหน้าอกของผม เห็นได้ชัดว่าเธอกําลังจะเอาชีวิต ด้วยการควักหัวใจของผมออกมา

 

“ ติง ซึ่งผ่าน !”

 

“ เหล่าตั้ง……

 

เมื่อหยางเนิ่วและเหล่าเพิ่งเห็นฉากนี้ ก็ตะโกนด้วยสีหน้าร้อนรน

 

ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจลุกขึ้นมาได้ง่ายๆ ตอนนี้ได้แต่กระพริบตาปริบๆมองเหตุการณ์ตรงหน้าเท่านั้น

 

แต่เหล่าเฟิงกลับเอามือกุมบาดแผล และพยายามพลิกตัวตามหาอะไรบางอย่างเหมือนกับกําลังตามหาขวดยาของเขา เขายังคิดจะสู้กับผีผู้หญิง ใช้ยาเรียกพี่เฟิงออกมาช่วยผมให้พ้นจากอันตราย

 

ส่วนตัวผม กําลังมองกรงเล็บพวกนั้นที่กําลังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ วินาทีนั้นตัวผมเย็บเฉียบไปหมด

 

ไม่รู้ว่าทําไม คราวนี้มู่หลงเหยียนถึงไม่ออกมาตามที่คิดเอาไว้ หมอกขาวที่ควรรวมตัวเป็นมู่หลงเหยียน

 

ก็ดันหายไปดื้อๆ

 

พูดอีกแบบนี้ก็คือ มู่หลงเหยียนจะออกมาปรากฏตัวไม่ได้อีกแล้ว

 

หากมู่หลงเหยียนออกมาปรากฏตัวไม่ได้ งั้นความหวังในการมีชีวิตอันน้อยนิดของพวกเราก็ต้องแตกสลายไปด้วยนะ

 

คราวนี้ ผมรู้ได้ทันทีว่าตัวเองต้องจบเห่แน่

 

คืนนี้ ต้องเหลือแต่ร่างแล้ว

 

แต่คิดไม่ถึงว่า ผมจะต้องมาตายเร็วถึงขนาดนี้ แถมยังตายด้วยมือผีผู้หญิงคนนี้อีกด้วย……

 

แต่ถ้าผมตายแล้ว ก็อาจทําให้มู่หลงเหยียนต้องลําบากไปด้วย ขอโทษด้วยจริงๆ ผมกําลังรู้สึกผิดสุดๆ

 

หรือแม้แต่ในวินาทีนั้น ผมถึงกับหลับตา คิดจะจากไปอย่างสงบ

 

แต่สิ่งที่คนกําาหนดไม่ดีเท่าสวรรค์กําหนด ในขณะที่พวกเราสามคนกําลังตกอยู่ในขั้นวิกฤต ผมแทบจะไม่มีโอกาสรอดแล้วนั้น ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น

 

ระหว่างนั้น จๆก็มีเรื่องโคตรแปลกเกิดขึ้น เหมือนกับในวินาทีนั้นมีคลื่นพลังหยินระดับสนามพัดเข้ามาจากทางด้านหลังของผม

 

ขณะที่พลังหยินระดับสิ้นามปรากฏขึ้น กรงเล็บของผีชุดแดงตนนั้น ก็กําลังจะแตะโดนหน้าอกของผมแล้ว

 

แต่ไม่รอให้กรงเล็บพวกนั้นเจาะทะลุเข้าไปในผิวของผม พลังหยินที่บ้าคลั่งก็ก่อตัวอยู่ตรงหน้าของผม

 

“ ปัง ” ผีผู้หญิงตนนั้นยังไม่ทันได้ทําอะไร ร่างของเธอก็กระเด็นออกไปหลายเมตรแล้ว

 

เสี้ยววินาทีต่อมา เสียงของผู้ชายสองคนก็ดังมาทางด้านหลังของผม “ มังกรเหล็กผู้นําแห่งสุสานจินชานอยู่ที่นี่ เดรัจฉานที่ไหนมันกล้ามาก่าแหงที่นี่ฮะ !”

 

“ ผู้เฒ่าเขาผีแห่งเขาต์ซานมาตามคําสั่ง เดรัจฉานที่ไหนกล้ามาทําร้ายคุณชายของเราฮะ !

 

ทั้งสองเสียงนี้เพิ่งเงียบลง ผมก็รู้สึกเหมือนมีแรงกดดันที่มหาศาลตกลงมาจากฟ้ามันจู่โจมใส่ผีผู้หญิงทันที

 

ต่อจากนั้น ผมก็เห็นเงาสองเงาตรงเข้าไปหาผีผู้หญิงชุดแดงทันที

 

เมื่อได้ยินเสียงนี้ และเห็นเงาทั้งสอง

 

ผมก็แสดงท่าที่ตกใจ ในสมองมีเสียงฟ้าผ่าดัง “ตูม” ผมทําหน้าไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองออกมา

 

ส่วนหยางเจ่วและเหล่าเฟิงที่อยู่ห่างออกไป ต่างมีหน้าเหวออ้าปากค้าง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

มังกรเหล็กผู้นําสุสานจินชาน ผู้เฒ่าเขาผีเขาตูซาน นี่ นี่มันคืออะไร

 

พวกเขาไม่ใช่ผู้นําทั้งสี่ที่มาร่วมอวยพรวันเกิดอายุครบ 300 ปีของมู่หลงเหยียนในตอนนั้นหรอกเหรอ

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset