ศพ – ตอนที่ 327 อดีตของผีผู้หญิง

ตอนที่ 327 อดีตของผีผู้หญิง

แก่นพลังของผีผู้หญิงโดนดึงออกมาแล้ว พลังชั่วร้ายก็ค่อยๆสลายไป จาก ขั้นผีร้ายชุดแดงก็กลายเป็นผีชุดขาวธรรมดาแล้ว

แต่เธอในเวลานี้ได้สูญเสียพลังชั่วร้ายไปจนหมด และสติกลับคืนมาแล้

ผีผู้หญิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอเล่าเรื่องตอนมีชีวิตของเธอและสาเหตุว่า ทําไมเธอถึงโดนขังเอาไว้ในโลงเหล็ก ให้พวกเราฟังทั้งหมด

และสาเหตุของเรื่องก็เป็นแบบนี้ ผีผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าเจียหย่าจือ เธอ เสียชีวิตในช่วงปลายราชวงศ์ชิง

เดิมที่เธอเป็นบุตรสาวของตระกูลที่ร่ํารวยในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นชาติต ระกูลหรือหน้าตาก็ไม่เป็นรองใครทั้งนั้น

บวกกับเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว พ่อแม่ เลยรักและเอ็นดูเธอแบ บสุดๆ เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเลยก็ว่าได้

เวลามีคนมาขอแต่งงาน แม้จะไม่ถึงขั้นประตูบ้านพัง แต่ก็มีมาไม่ขาด

สาย

พ่อแม่ของเธอ ก็ดูหนุ่มรูปงามมากความสามารถไว้ให้เธอสองสามคน แต่ ละคนต่างเหมาะสมกับเธอทั้งนั้น อารมณ์ประมาณว่าดีทั้งหน้าตาและสมอง

แต่เจียหย่าจือกลับไปหลงรักบัณฑิตซิ่วไฉจนๆและหน้าตาบ้านๆคนหนึ่ง ส่วนบัณฑิตซิ่วไฉคนนี้ก็จนจนไม่รู้จะจนยังไง แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีให้กินด้วยซ้ํา

เพียงเพราะเทศกาลโคมไฟ เจียหย่าจือมักไปชมโคมไฟบนสะพานเสมอ แต่แล้ววันนั้นเธอก็โดนคนเบียดตกสะพาน บังเอิญบัณฑิตซิ่วไฉคนนี้ก็ได้พายเรือให้คนอื่นผ่านมาทางนี้พอดี เขาก็เลยได้ช่วยเจียหย่าจือเอาไว้

เจียหย่าจือจึงรู้สึกซาบซึ้งใจมาก พอกลับไปถึงจวนแล้ว เธอก็ให้สาวใช้ เอาเงินไปให้บัณฑิตซิ่วไฉคนนั้น

เพื่อตอบแทนน้ําใจ

แต่ตอนสาวใช้กลับมา เธอยังเอาจดหมายและกลอนรักของบัณฑิตซิว ไฉคนนั้นกลับมาด้วย

เจียหย่าจือเกิดในตระกูลเศรษฐี มีของมีค่าอะไรที่เธอไม่เคยเห็นบ้าง สิ่งที่ เธอขาดก็คือคนปลอบใจที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ

บวกกับบัณฑิตซิ่วไฉคนนั้นได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เจียหย่าจือจึงเขียนจด หมายหาบัณฑิตซิวไฉบ่อยๆ

ผลลัพธ์พอเขียนหากันไปหากันมา ความรักก็อุบัติขึ้น

ต่อมาตอนเจียหย่าจือเล่าเรื่องคนที่เธอชอบให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่ของเธอก็ ไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด

บัณฑิตซิ่วไฉคนนี้ไม่เพียงยากจน แม้แต่ความสามารถที่มีก็ยังโดดเด่นเลย สักนิด

แต่พวกเขาก็ทนความดื้อรั้นของเจียหย่าจือไม่ไหว บวกกับพ่อแม่ของเธอ เป็นคนรวยและยังรักลูกสาวดุจแก้วตาดวงใจ

สุดท้ายก็ตอบตกลงยอมให้บัณฑิตซิ่วไฉคนนี้แต่งงานกับลูกสาวตัวเอง

ตอนแรก บัณฑิตซิ่วไฉคนนี้ยังทําดีและเชื่อฟังเธอทุกอย่าง แสดงท่าทาง ว่ารักกันหวานชื่น

แต่หลังจากนั้น บัณฑิตซิ่วไฉคนนี้ก็เริ่มไม่กลับบ้าน ออกไปเที่ยว สํามะเลเทเมาความรู้สึกที่มีให้เจียหย่าจือ

ก็ค่อยๆเปลี่ยนไป

ตอนแรกเจียหย่าจือเสียใจมาก แต่ในสมัยนั้นเธอก็ทําอะไรไม่ได้เหมือน กันผู้ชายมีเมียสามอนุสี่ถือเป็นเรื่องปกติ แล้วจะไปพูดถึงเรื่องเที่ยวสํามะเล เทเมาได้ยังไง

เมื่อพ่อแม่ของเธอมาเห็น ก็อารมณ์เสียทันที จึงตัดเงินของบัณฑิตซิ่วไฉ

พอไม่มีเงินแล้ว แกก็ควรอยู่บ้านดีๆซะเถอะ

แต่ผลลัพธ์ละ ? บัณฑิตซิ่วไฉคนนั้นกลับกลายเป็นฆาตกรแทนเขาแอบวางยาพิษฆ่าพ่อแม่ของเธอ

และยึดทรัพย์สินตระกูลของเธอไปเป็นของตัวเอง

เมื่อไม่มีการผูกมัดจากพ่อแม่ของเธอแล้ว และยังมีทรัพย์สินจํานวนมหา ศาลให้ใช้บัณฑิตซิ่วไฉคนนี้ก็ไม่สนกฎหมายและศีลธรรมใดๆทั้งสิ้น

ไม่เพียงไม่เห็นเจียหย่าจืออยู่ในสายตา เขายังรับอนุมาที่เดียวสิบสามค นติด

หรือแม้แต่หลังจากนั้น ยัยอนุพวกนี้ยังไม่เห็นเจียหย่าจืออยู่ในสายตาหา เวลามาบันดาลความโกรธใส่เธอเป็นครั้งคราว

เจียหย่าจือไม่เพียงไม่ได้รับความรักจากสามี เธอยังต้องกลายเป็นที่ระ บายความโกรธ และต้องทํางานบ้านหนักๆอีก

สิ่งที่สําคัญยิ่งกว่านั้นคือ ต่อมาเธอได้รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเอง โดนสามีวางยาพิษจนตาย และยังได้ครองทรัพย์สินของตระกูลเธอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เจียหย่าจือเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอจะทําอะไรได้ สุดท้ายก็ได้แต่ร้องให้ทั้งวันทั้งคืนเท่านั้น

บัณฑิตซิ่วไฉคนนั้นไม่เพียงทําเมินเท่านั้น เขายังบอกว่าจะหย่ากับเจียห ย่าจือด้วย

ในสมัยโบราณ ความบริสุทธิ์เป็นสิ่งสูงค่าของผู้หญิง ถึงต้องตายพวกเธ อก็ไม่ยอมเห็นหนังสือหย่านั่นเด็ดขาด

เจียหย่าจือมาถึงขีดสุดแล้ว เธอต้องมองผู้ชายที่ตัวเองรักอย่างสุดใจฆ่า พ่อแม่ตัวเอง แย่งชิงทรัพย์สินของบ้านตัวเองไปและตอนนี้ยังจะหย่ากับเธอ เจียหย่าจือจึงคิดจะตายไปพร้อมกับเขา

แต่เจียหย่าจือจะเป็นคู่ต่อสู้ของบัณฑิตซิ่วไฉคนนั้นได้ยังไงเธอทําเพียง ทําให้บัณฑิตซิ่วไฉบาดเจ็บเท่านั้นไม่ได้ทําร้ายถึงชีวิตเขา

ส่วนบัณฑิตซิ่วไฉกลับลนลานจนทําเรื่องเลวร้ายลงไปเขาผลักเธอลงไป ในน้ําแล้วปล่อยให้เธอจมน้ําตาย

พวกเขาได้มาพบกันก็เพราะน้ํา และต้องจากกันเพราะน้ํา

อนุไม่กี่คนผ่านมาเห็นเรื่องนี้เข้า แต่พวกเธอไม่เพียงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอก ทางการ แต่ยังช่วยเสนอความคิดเห็นด้วย

บอกว่าเจียหย่าจือมีแรงอาฆาตรุนแรง ตอนนี้เธอจมน้ําตายแล้วดังนั้น เราต้องหานักพรตฝีมือดีมาสวดส่งวิญญาณเธอ

คนในสมัยนั้นเชื่อเรื่องพวกนี้มาก จึงเป็นธรรมดาที่บัณฑิตซิ่วไฉจะออกไปเชิญนักพรตกลับมา

แต่ใครจะรู้ละว่านักพรตคนนั้นเป็นหมอผีใจบาป พอได้ยินเรื่องราวจากปากบัณฑิตซิวไฉแล้ว

ไม่เพียงไม่ทําพิธีอย่างถูกต้อง แต่ยังเสนอความคิดให้บัณฑิตซิวไฉสองอ ย่าง

อย่างแรกคือ ทําตามพิธีปกติ สวดส่งวิญญาณเจียหย่าจือแต่เจียหย่าจือ ตายด้วยความแค้นเขาเลยไม่กล้ารับประกันว่าจะทําสําเร็จไหม

อย่างที่สองคือ ทําโลงเหล็กขึ้นมาโลงหนึ่ง ผนึกวิญญาณเจียหย่าจือเอาไว้ ข้างใน แต่เจียหย่าจือ จะต้องทรมานเพราะโลงเหล็กทุกคืนแต่เขารับ ประกันได้เลยว่าวิญญาณของเจียหย่าจือจะไม่สามารถออกมาทําร้ายบัณฑิ ตซิ่วไฉได้อย่างแน่นอน

บัณฑิตซิ่วไฉคนนั้นครุ่นคิด เขาตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดเขาบอกให้ นักพรตคนนั้นทําโลงเหล็กขึ้นมาผนึกวิญญาณของเจียหย่าจือเอาไว้

ผลสุดท้าย หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งไม่เพียงโดนสามีตัวเองผลักตกน้ําตาย ท้ายที่สุดยังโดนขังเอาไว้ในโลงให้ทรมานชั่วกัปชั่วกัลป์เธอต้องทรมานแบบ นี้มาร่วมร้อยกว่าปี แรงแค้นฝังลึกลงไปเรื่อยๆสุดท้ายก็กลายเป็นวิญญาณชั่วร้าย

ตอนโดนขุดออกมา เธอเป็นวิญญาณร้ายชุดเหลืองขั้นสุดท้ายแล้ว

ต่อมาโดนผมใช้กระดิ่งกระตุ้น ทําให้เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเลยพลอยทําให้เธอกลายเป็นผีชุดแดงโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อฟังเรื่องพวกนี้จบ ทุกคนก็แน่นิ่งในทันที

หรือแม้แต่เผยหน้าตาหนักใจออกมา คิดไม่ถึงว่าผีชั่วตนนี้จะมีอดีตที่ ขมขื่นแบบนี้

ส่วนผีผู้หญิงคนนี้ หลังจากเล่าเรื่องพวกนี้จบแล้วร่างกายของเธอก็เลือน ลางไปไม่น้อย

ตอนนี้เธอทําเหมือนกับคนเป็น สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วหลังจากนั้นก็พูดกับพวกเราว่า   ถึงวิญญาณฉันจะใกล้แตกสลายแล้วแต่ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณพวกคุณมากนะคะเป็นเพราะพวกคุณฉันถึงหลุดพ้นจากความทรมานได้ แต่ฉันก็ต้องขอโทษพวกคุณด้วยที่เกือบทําให้พวกคุณต้องตายฉันไม่ได้ตั้งใจทํานะคะเพียงแค่ตอนนั้นฉันควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว ! 

เสียงของผีผู้หญิงอ่อนโยนมาก มันรื่นหูสุดๆไม่เหมือนเสียงที่ดุร้ายก่อนหน้านี้ที่ฟังแล้วบาดหูสุดๆ

หลังจากฟังเรื่องราวตอนมีชีวิตของเธอจบพวกเราสามคนก็เห็นใจเธอ อย่างแรง

ตอนนี้เธอกลับมามีสติแล้ว ไม่ได้เป็นผีร้ายอีกต่อไป

เมื่อได้ยินผีผู้หญิงพูดขอโทษออกมาพวกเราสามคนก็รีบส่ายหัวให้ทันที

ในเวลาเดียวกันน้ําเสียงของหยางเฉวก็ปนด้วยความเสียใจเล็กน้อย  พี่ หย่าจือ พี่พูดเกินไปแล้ว เป็นพวกเราเองต่างหากที่ช่วยพี่ไม่ได้ !และยังเอาแก่นพลังของพี่มาอีก 

พอผีผู้หญิงได้ยินแบบนี้ ก็มองแก่นพลังในมือเหล่าเฟิงแต่แววตาของเธ อกลับมีร่องรอยของความรังเกียจ

ต่อจากนั้น เธอกลับคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย   ฉันไม่โกรธพวกคุณเดี๋ยวเรื่องของฉันก็ลอยไปตามลมแล้ว

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

อีกอย่างก็เพราะเจ้าสิ่งนั้น ฉันถึงต้องจมอยู่กับความทรมานที่มีไม่สิ้นสุด มันเกิดมาจากความแค้นของฉันร่วมนับร้อยปีและก็เป็นเพราะมันที่ทําให้ ฉันต้องฆ่าคนบริสุทธิ์พวกนั้น ไม่มีมันแล้วฉันถึงรู้สึกหลุดพ้นอย่างแท้จริง 

พอพูดถึงตรงนี้ ผีผู้หญิงก็ถอนหายใจออกมายาวๆแล้วพูดต่อ   ตอนนี้ฉันจะได้หลุดพ้นแล้ว ไม่ต้องทรมานขนาดนั้นแล้วและยังไม่มีแรงแค้นพวก นั้นแล้วตอนนี้ตอนนี้ฉันรู้สึกสบายไปทั้งตัว… 

หลังจากพูดจบ ร่างกายของผีผู้หญิงก็เลือนลางไปไม่น้อยแต่ใบหน้าของ เธอกลับเปื้อนยิ้ม

ส่วนผมและเหล่าเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี

เดิมทีผีผู้หญิงเป็นคนน่าสงสาร เธอดันถูกคนชั่วตัวจริงบีบให้กลายเป็นวิญญาณร้าย ทําให้เธอฆ่าคนบริสุทธิ์ไปจํานวนหนึ่งกลายเป็นผีร้ายฆ่าคน

แต่พวกเรากลับไม่อาจช่วยเธอได้ พวกเราไม่มีพลังและความสามารถใน การรักษาชีวิตเธอเอาไว้และช่วยกําจัดพลังชั่วร้ายในร่างของเธอได้

ทําได้เพียงลงมือฆ่าเธอเท่านั้น เพื่อไม่ให้เธอไปทําร้ายคนอื่นอีกปกป้องค วามสงบสุขของมนุษย์โลก

และทําให้เธอหลุดพ้นจากความทุกข์

และนี่ ก็เป็นหน้าที่ของคนปราบสิ่งชั่วร้ายอย่างเรา

พอเทิงหนิวและหวางเป้าเฉิงได้ยินถึงตรงนี้ ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้

หลังจากนั้นถึงได้ยินหวางเป้าเฉิงพูดกับผีผู้หญิงว่า   ใครทําใครรับไม่ว่า จะเกิดชาติไหนคนที่ทําร้ายเธอ

ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นอย่างแน่นอน ส่วนการตายของเธอก็ถือว่าเป็นการชดใช้ ให้กับคนที่เธอฆ่าตายไปก็แล้วกัน ! 

ร่างกายของผีผู้หญิงเลือนลางมากแล้วเธอไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ค่อยๆ เงยหน้าเหม่อมองดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ําคืนเท่านั้น

ต่อจากนั้น เราก็เห็นร่างของผีผู้หญิงค่อยๆหายไปสุดท้ายก็กลายเป็นแสงเล็กๆ และจางหายไปจากสายตาของพวกเรา

 

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset