ศพ – ตอนที่ 420 โดนจับได้

ตอนที่ 420 โดนจับได้

เดิมที่เจ้าผอมแค่พูดเพราะความโมโห ผลลัพธ์เจ้าสาวกคนข้างๆคนนั้นกลับเชื่อจริงๆ

พอได้ยินเจ้าผอมพูดแบบนั้น มันก็เดินตรงเข้ามาทางที่พวกเราซ่อนตัวอยู่ทันที

พอเห็นแบบนั้น สีหน้าผมก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้ เผยสีหน้าตึงเครียดออกมา

แม่งเอ้ย ถ้าเจ้าหมอนี่จะเข้ามาดูจริงๆ พวกเราต้องโดนเจอตัวแน่ๆ

ขณะมองอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผมก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว

และกําดาบไม้เอาไว้แน่น

ถ้าอีกฝ่ายเข้ามาหาจริงๆ เราต้องเผยตัว ซึ่งลงมือกับอีกฝ่ายก่อน

มีเพียงทางนี้เท่านั้น พวกเราถึงจะรักษาชีวิต และใช้ประโยชน์จากการชิงลงมือก่อนได้

เพิ่งคิดได้แบบนี้ เจ้าหมอนั้นก็อยู่ห่างจากพวกเราประมาณสามเมตรแล้ว

มันแทงดาบลงไปที่กองหญ้าข้างๆ ท่าทางจะเข้ามาสํารวจอย่างละเอียดจริงๆ

ส่วนพวกสาวกที่อยู่ข้างหลังเขากลับหัวเราะ “ฮ่าๆๆ” ออกมา

“เจ้าโง่นี่….”

“ เจ้าโง่ นายโง่จริงหรือโง่ปลอมฮะ ? หญ้ากองเล็กๆแบบนี้ จะซ่อนคนได้หรือไง ? แม้แต่แมวตัวเดียว

ยังซ่อนไม่ได้เลย

“ใช่ เจ้าโง่ แกตาบอดหรือไง ?”

พอสาวกที่โดนเรียกว่าเจ้าโง่ได้ยินแบบนั้นเข้า ก็หันไปมอง แล้วหัวเราะแห้งๆ “แฮะๆๆ” “ก็ ก็ ฉันได้ยินหัวหน้าคงพูดแบบนั้นน ดังนั้น ดังนั้นก็เลยเข้ามาดู ว่ามีคนซ่อนอยู่จริงไหม !”

พอเจ้าผอมได้ยินคําพูดนี้ ก็อดกลอกตาไม่ได้ เขาทําหน้าหมดคําพูดออกมาทันที

“โอเคๆ เจ้าโง่นายเล็กหาได้แล้ว เราไปดูทางโน้นกันเถอะ……” เจ้าผอมพูดต่อ

ผู้ชายที่โดนเรียกว่าเจ้าโง่ กลับยังเดินมาทางที่พวกเราอยู่

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังหัวเราะ “เฮอะๆ” “ได้หัวหน้าคง เดี๋ยวผมขอดูตรงนี้ก่อนนะ !”

ในวินาทีนั้น หัวใจของพวกเราตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที

แม่งเอ้ยแกโง่จริงหรือไง ไม่มีสมองจริงๆซึนะ เขาบอกให้แกเล็กหาแล้ว แกยังจะเดินเข้ามาหาอีกทําไมฮะ

ผมเครียดสุดๆ ถ้าเจ้าหมอนี้เข้ามาหาจริงๆ พวกเราต้องโดนจับได้แน่ๆ

จากนั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าฉัยเฉิงจิงเองก็เครียดสุดๆ จ้องเจ้าหน้าโง่ที่กําลังเดินเข้ามาใกล้เรือยๆด้วยสายตาหวาดระแวง

ส่วนเจ้าสาวกหน้าโง่คนนั้น ก็เข้ามาตรวจดูตรงที่ที่พวกเราอยู่จริงๆ

และยืนหยุดอยู่ตรงหน้าหลุมของพวกเราแล้ว ส่วนสาวกที่อยู่ข้างหลังเขา ได้หมุนตัวกําลังจะเดินไปทางอื่นแล้ว

มีแค่เจ้าโง่นี่คนเดียว ที่ยังทําท่าทางจริงจัง รีบก้มลงมา คิดจะเอาหญ้าที่คลุมหัวเราอยู่ออก

เมื่อเห็นถึงตรงนี้ ม่านตาของผมก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

จบกัน ต้องโดนจับได้จริงๆแน่

ผมจับดาบไม่ไว้เอาแน่น กําลังจะลงมือ

“เจ้าโง่ รีบออกมาได้แล้ว !” สาวกคนหนึ่งกระตุ้นเขา

เจ้าโง่ขานรับเพียงคําเดียว แต่มือเขากลับคว้ามาที่ซากหญ้า แล้วยกขึ้นทันที

วินาทีนั้น ผมรู้ทันทีว่ามันจบแล้ว ต้องโดนเจอตัวแน่

คิดไม่ถึงว่า ในหมู่สาวกพวกนี้ จะยังมีเจ้าป้อขนาดนี้อยู่ด้วย

ตําแหน่งที่พวกเราอยู่ ถูกปิดบังอย่างดี บนพื้นราบรอบๆ ก็มีหญ้าแห้งกระจายอยู่ด้วย

คนปกติไม่มีทางสงสัยอย่างแน่นอน แต่เจ้าหมอน เพราะไม่มีสมองตัวจริง มันก็เลยทําให้ที่ซ่อนอันสมบูรณ์แบบของพวกเราโดนเปิดโปง

หลังจากเจ้าโง่ยกหญ้าขึ้นหนึ่งกํามือ ทันใดนั้นมันก็พบว่า ใต้กองหญ้าเป็นหลุม

และพบว่าผมและนุ่ยเฉิงจิง ก่าลังซ่อนอยู่ในนั้น

ตอนนี้ผมหันไปมองอยู่แล้ว จ้องเขาด้วยสายตาเย็นชาสุดๆ

เจ้าโง่ทําหน้าตกใจ คิดจะแหกปากทันที

แต่มันสายไปแล้ว ไม่ว่าเจ้าหมอนจะเชื่อคนง่าย หรือโง่จริงๆ

แต่ในเมื่อแกเลือกเป็นสาวกขององค์กรตาผี เลือกเป็นหมอผีชั่ว งั้นก็เป็นศัตรูกับพวกเรา

ผมดึงหน้าลง กระโดดออกมาจากหลุมอย่างรวดเร็ว

และก็ไม่ลังเลแต่อย่างใด หรือแม้แต่เผยท่าทางดุร้ายออกมา

ผมไม่ลังเลยกดาบแทงไปที่หน้าอกเจ้าหมอนั้นทันที

ดาบไม้ที่เคลือบไปด้วยพลัง เปลี่ยนเป็นดาบที่คมกริบทันที

“บิ๊ก” มันแทงทะลุทันที

ในเวลาเดียวกัน นุ่ยเฉิงจิง เหล่าเฟิงและเสี่ยวเหมยที่อยู่อีกหลุมหนึ่งก็ออกมาจากหลุมตั้งแต่วินาทีแรก

เพราะทางพวกเรามีการเคลื่อนไหว เลยดึงดูดพวกสาวกที่เดินออกไปแล้วพวกนั้นทันที

ตอนหันกลับมาเห็นฉากนี้ พวกเขาต่างทําหน้าตกใจกันสุดขีด

ทุกคนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง คิดไม่ถึงว่าซากหญ้าที่พวกเขาไม่แยแส จะเป็นที่ซ่อนของพวกเราจริงๆ

ในขณะที่พวกเขากําลังตกใจ ผมก็ดึงดาบไม้ออกมา

ส่วนเจ้าโง่คนนั้น ก็โดนย้อมไปด้วยสีเลือด

เขาก้มหัวเล็กน้อย มองตรงหน้าอกของตัวเอง จากนั้นก็หันไปมองข้างหลังทันที “หัว หัวหน้าคง พวก พวกมันอยู่ อยู่ในนี้จริงๆ…..”

หลังจากพูดจบ เจ้าหมอนั้นก็กลอกตา “บิ๊ก” ขาอ่อนแรงล้มลงไปนอนกองกับพื้นทันที

พอเจ้าผอมเห็นฉากนี้เข้า ก็อดสูดหายใจเข้าลึกๆไม่ได้

ส่วนผมกลับจองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดกับพวกเพื่อนๆทันที “พวกเราไป…”

หลังจากพูดจบ พวกเราก็ไม่รอช้า หมุนตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

วินาทีที่พวกเราหมุนตัว ในที่สุดอีกฝ่ายก็ได้สติกลับคืนมา

จากนั้นเราก็ได้ยินเจ้าผอมพูดว่า “เร็ว รีบบอกท่านผู้นําทั้งสองและนายน้อย ว่าพวกเราเจอพวกเจ้าติงฝานแล้ว เร็วรีบส่งสัญญาณ !”

พอเจ้าผอมพูดขึ้นมา หนึ่งในสาวกก็เอารูปเสี้ยวพระจันทร์ออกมา แล้วเป่ามันทันที

“ปูนๆๆ……” เสียงดังขึ้นทันที

พอได้ยินเสียงนี้ ทาสผี ศพเดินได้ สาวกคนอื่นที่กําลังตามหาพวกเราอยู่รอบๆ ต่างรีบมาตรงที่พวกเราอยู่ทันที จากนั้นสีหน้าเย็นชาก็ปรากฏขึ้น และพุ่งเข้าใส่พวกเราอย่างไม่คิดชีวิต

ส่วนเจ้าผอมคนนั้นกลับยกดาบขึ้นชี้ แล้วพูดกับลูกสมุนที่อยู่ข้างๆว่า “ตามพวกมันไป !”

ขณะพูด ลูกน้องข้างๆเขาก็เป็นเหมือนหมาป่าที่หิวโหย รีบพุ่งมาทางพวกเราทันที

สวนตัวเจ้าผอม ตอนนี้กลับยืนทิ้งระยะห่างไกลออกไป

เจ้าหมอนี้เนียนมาก ฉลาดมาก และกลัวตายมาก

เขาไม่อยากปะทะกับพวกเราตรงๆ เลยถอยหลังแล้วออกคําสั่งแทน

หลังจากเสียงสัญญาณดังขึ้น ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที พวกสาวกที่อยู่รอบๆก็เริ่มมารวมตรงที่พวกเราอยู่

หันมามองทางพวกเราอีกรอบ ตอนนี้ทุกคนทําหน้าหนักใจ

เพราะรอบตัวพวกเรา มีเสียงฝีเท้าจํานวนมากปรากฏขึ้น พลังหยินที่รุนแรง เริ่มเข้าใกล้พวกเราขึ้นเรื่อยๆ

สาวกที่อยู่ข้างหลัง ยังไล่ตามพวกเรามาติดๆ

สถานการณ์แบบนี้ ถึงพวกเราจะใช้เทคนิคเดิม หาที่ซ่อนตัวอีกครั้ง ก็คงไม่มีเวลาให้ทําแล้ว

“ติงฝาน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องจบเห่แน่ เราโดนเจอตัวแล้ว” นุ่ยเฉิงจึงค่อนข้างกังวล

ผมกวาดตามองไปรอบๆ “อย่าพึ่งไปสนอะไร พวกเราเพ่งสมาธิไปที่ทางหลังเขาก็พอ การป้องกันของสาขาย่อยนี่เปราะบางที่สุด ขอแค่พวกเราออกไปจากเส้นทางนี้ได้ ออกไปจากตัวหุบเขาเขี้ยวหมาป่า ก็จะมีคนมารับพวกเราเอง”

ผมรีบพูด ในขณะเดียวกันก็รีบไปทางที่พวกเราเข้ามา

แต่เพิ่งวิ่งออกไปได้ไม่ไกล เสียง “โฮก” ก็ดังขึ้น

จู่ๆตรงหน้าทางด้านซ้ายมือของพวกเรา ก็มีผีเจ็ดแปดตนปรากฏตัวขึ้น

นั่นก็คือกองกําลังผีเล็กๆ เพิ่งเห็นหน้ากัน พวกมันก็ไม่ลังเลเลยสักนิด

แต่ละตัวต่างกางกรงเล็บ พร้อมพุ่งเข้ามาสังหารและปิดกั้นเส้นทางของพวกเรา……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset