ศพ – ตอนที่ 423 การต่อสู้ที่ยากลําบาก

ตอนที่ 423 การต่อสู้ที่ยากลําบาก

ตอนผมเห็นพวกทาสผี ซากศพและสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา พุ่งเข้ามาหาพวกเราตัวผมก็รู้สึกถึงอันตรายที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ผมไม่มีเวลาเรียกใครมาช่วยทั้งนั้น แม้แต่เวลาที่ใช้เรียกร่างจิตของมู่หลงเหยียนออกมาผมก็ยังไม่มี ตอนนี้ผมต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น

แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกต่อไป

มีแต่กําดาบไม่ให้แน่น แล้วสู้เป็นตายกับพวกผีเท่านั้น ไม่แกตายฉันก็ตาย

มีเพียงต้องจับดาบไม่ไว้ในมือเท่านั้น ถึงจะเป็นการตายอย่างอาจหาญไม่เสียใจที่ทําอาชีพนี้ไม่เสียใจที่เชื่อมั่นในตัวเอง

เพียงแค่น่าเสียดายมาก ที่ผมไม่สามารถเอาน้ําลี่ลั่วออกไปได้

การตายของผม จะทําให้มู่หลงเหยียนเป็นอันตรายหรือเปล่า

ความคิดพวกนี้ ผุดขึ้นมาในหัวของผมแล้วก็จางหายไป

แต่ในช่วงเวลาสําคัญนี้ ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้มากนัก

ใจผมมีเพียงสู้ ถึงต้องตาย วันนี้ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่มีทางร้องขอชีวิตอย่างแน่นอน

ถึงต้องตาย ผมก็จะลากสาวก วิญญาณร้าย ซากศพอะไรก็ตามที่ต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมพวกนั้นไปด้วย

ผมดึงหน้าลง เผยสีหน้าดุร้ายออกมา จากนั้นทุกคนก็ได้ยินผมตะโกนว่า “ฆ่า !”

เสียงเพิ่งเงียบลง ตัวผมก็กําดาบไม้พุ่งออกไปแล้ว

พวกทาสผีที่พุ่งเข้ามาก่อน ต่างคํารามออกมาไม่หยุด และเริ่มแยกย้ายกันลงมือ

แต่ละตนกางกรงเล็บที่แหลมคม โชว์เขี้ยวยาว

เหล่าเฟิง พี่เฟิง นุ่ยเฉิงจังและยังมีจิ้งจอกน้อย ตอนนี้ทุกคนก็ตะโกนออกมา และพุ่งไปสังหารผีพวกนั้นเช่นกัน

คราวนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการฆ่าฟันอย่างเดียว แต่ยังเป็นการสู้เพื่อความเชื่อของตัวเองสู้เพื่อความยุติธรรมในหัวใจของตัวเองด้วย

ถึงแม้ว่าพวกเราจะต้องตาย แต่ก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่รู้สึกผิดต่ออาชีพ และชื่อคนปราบสิ่งชั่วร้ายของตัวเอง
ผ่านไปเพียงชั่วพริบตาพวกเราก็เริ่มต่อสู้กันแล้ว

ทาสผีพวกนี้ดุร้ายมากส่วนซากศพพวกนั้นก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน

ตอนนี้เพิ่งเริ่มปะทะกัน เสียงคําราม “โฮกโฮกโฮก” ที่หมายจะฆ่าพวกเราก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พลังวิญญาณ กลิ่นศพในป่วนอากาศไปหมด

ผมไม่ลังเล เปิดใช้พลังขั้นสูงสุดทันที ขณะเดียวกันก็เคลื่อนพลังไปยังดาบไม่ในมืออย่างต่อเนื่อง

ทําให้ดาบไม้คมจนผิดปกติ และปลดปล่อยพลังกําราบสิ่งชั่วร้ายออกมาขั้นสูงสุด

ทันใดนั้นเองจ่ๆทาสผีตนหนึ่งก็ตวัดกรงเล็บมาใส่หน้าผม

ผมทําหน้าเทียม ตะคอกออกมาทันที “ไปตายซะ !”

เสียงเพิ่งเงียบลง ดาบไม่ในมือก็ฟันลงไปแล้ว

“บิ๊ก” ดาบไม้ตัดผ่านท้องฟ้า หยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้าผีตัวนั้น มันฟันเข้าที่หัวของมันทันที

ดาบครั้งนี้เร็วมาก และทรงพลังสุดๆ

ผมใช้เพลงดาบที่มู่หลงเหยียนสอนมาจนถึงขีดสุด
เจ้าผีตนนั้นเป็นแค่ผีชุดขาวธรรมดาไหนเลยจะต้านทานการโจมตีครั้งนี้ได้

ยังไม่ทันร้องออกมา “ปัง” เสียงระเบิดก็ดังขึ้น ร่างของมันระเบิดกลายเป็นแสงดวงเล็กๆวิญญาณแตกสลายในทันที

ผมไม่ได้สนใจ หลังจากฆ่าผีตนนั้นเสร็จ ผมก็พุ่งเข้าไปสังหารผีอีกตนต่อทันที

อีกทางด้านหนึ่ง เหล่าเฟิงและพี่เฟิงร่วมมือกันสู้ สองคนนี้ก็โหดมากเช่นกัน

พวกเขาเองก็เป็นเหมือนผม ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งอย่ากับคนไม่คิดชีวิต ไม่มีคําว่าถอยหวาดกลัวแต่อย่างใด

มีแค่เพียงความกระหายเลือดอันน่าหวาดหวั่นเท่านั้น

แม้จียเจ๋งจึงจะเป็นผู้หญิง แต่ตอนนี้ก็สู้อย่างสุดชีวิต ไม่อาจมองข้ามเธอได้ง่ายๆ

โดยเฉพาะวิชาสํานักเหมาชานของเธอ มันร้ายกาจมาก

พอมีทาสผีหรือซากศพตนใดเข้ามาใกล้ จุ่ยเฉิงจิงก็จะทําท่าประสานมือแปลกๆออกมา

เมื่อมือนี้ชี้ไปที่ใคร ผีตนนั้นก็จะบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตายในทันที เรียกได้ว่าน่ากลัวเลยก็ได้

เป็นวิชาที่ร้ายกาจมาก

แต่ถึงวิชานี้ของสํานักเหมาชานจะร้ายกาจ แต่มันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ นั่นก็คือต้องใช้พลังเยอะมาก

เพิ่งผ่านไปแค่แป๊บเดียว นุ่ยเฉิงจังก็เริ่มหายใจหอบเหนื่อยแล้ว

เห็นได้ชัดว่าการเสกคาถานี้ กินพลังเธอมหาศาล จนตัวเธอเองก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว

แต่โชคดีที่ข้างๆเธอมีจิ้งจอกน้อยอยู่ด้วย เสี่ยวเหมยเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกตัวยักษ์แล้วกรงเล็บอันคมกริบของมันตวัดไปรอบๆ หางอันใหญ่โตของมัน ก็ซัดเอาเจ้าพวกทาสผีศพหรือสัตว์ประหลาดต่างๆออกไป

เธอเองก็โหดมากเช่นกัน

แต่น่าเสียดายมาก ถึงพวกเราจะเค้นพลังออกมาจนมากกว่าปกติแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรจํานวนหลายสิบตัวมันก็เห็นได้ชัดว่าพวกเราเหนื่อยอ่อนมาก

เวลาค่อยๆผ่านไป การโจมตีของพวกเราก็เริ่มลดลง

พอผ่านไปอีกสักพัก พวกเราก็เริ่มหายใจไม่ทัน

ความเหนื่อยอ่อนปรากฏขึ้นทั่วร่างกาย หรือแม้แต่ทุกครั้งที่ขยับมือ ขยับเท้าเราก็ต้องใช้

ความพยายามเยอะมาก

แต่ศัตรู ยังมีเยอะถึงขนาดนี้

ฆ่าเสร็จหนึ่งตัวก็มีเข้ามาอีกหนึ่งตัว ฆ่าไปหนึ่งกลุ่ม ก็จะมีกลุ่มใหม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่มีทางฆ่าหมดได้ เหมือนกับมีเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุดอย่างงั้น

กุยซานหยวน ยัยป้าคนสวยและยังมีเจ้าจางจีเทาที่อยู่ห่างออกไป ตอนนี้กลับกําลังทําหน้าผ่อนคลาย

มองท่าทางดิ้นรนเอาชีวิตรอดของพวกเรา หรือแม้แต่แสยะยิ้มออกมา

ท่าทางแบบนั้นเหมือนกําลังดูละครฉากเด็ดไม่มีผิด เหมือนเกมวิ่งไล่จับหนู ดูสบายอารมณ์กันสุดๆไปเลย

ผ่านไปไม่นาน ผมก็พบว่าตัวเองเริ่มไม่ไหวแล้ว หัวใจเต้นแรงมาก เหมือนอย่างกับมันจะทะลุออกมาได้ และยังเหมือนกับจะระเบิดออกมาด้วย

ไม่ว่าจะเป็นด้านพละกําลังหรือความเร็วในการเคลื่อนไหว ตอนนี้มันก็ลดลงมากทั้งนั้น

ทันใดนั้นเอง ศพตนหนึ่งก็พุ่งเข้ามา มันอ้าปากอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นคมเขี้ยวสีดําสนิทมันเล็งจะกัดเข้าที่คอของผม

พอเห็นภาพนี้ ผมก็ได้แต่กัดฟันอย่างแรง แล้วเหยียดขาเตะออกไป

เจ้าตัวนั้นโดนผมเตะเข้าที่หน้าอก กระเด็นออกไปทันที

ต่อจากนั้น ผมก็เข้าไปทับมันเอาไว้ แล้วเอาดาบแทงไปที่หัวของมัน ทันใดนั้นเลือดสีดําก็กระเซ็นออกมาทันที

ซากศพตนนั้น โดนผมตัดหัวขาดทันที

แต่ในขณะที่ผมกําลังจัดการกับศพตนนั้น จู่ๆจุ่ยเฉิงจังที่อยู่ข้างหลังก็ร้องกรี๊ดขึ้น“อร้าย !”

พอได้ยินเสียงนี้ ผมก็หันไปมองอย่างรวดเร็ว

ผมพบว่าฉัยเฉิงจิงโดนทาสผีตัวนึ่งซัดฝ่ามือเข้าที่หลัง เธอล้มลงไปกับพื้นทันทีตอนนี้มีเจ้าสัตว์ประหลาด

สี่ขาสองสามตัวกําลังกระโดดเข้ามา คิดจะกัดลุ่ยเฉิงจึงให้ตาย

“ระวัง !” ผมตะโกนขณะเดียวกันก็หมุนตัวพุ่งไปหาเธอทันที

นอกจากผม จิ้งจอกน้อย เหล่าเฟิงและคนอื่นๆก็เห็นฉากนี้เช่นกัน

ในเวลานี้ไม่มีใครคิดเยอะ รีบแยกย้ายเข้าไปช่วยทันที

แต่นอกจากผมแล้ว คนอื่นก็โดนสกัดเอาไว้หมด

ผมยกมือที่มีดาบขึ้น แทงสัตว์ประหลาดตายไปหนึ่งตัว

ส่วนอีกมือหยิบยันต์ออกมา แล้วแปะลงไปทันที

“แปะ” เสียงแปะลงไปบนตัวเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น

“ขอเชิญเทพลุ่ยลิ้ง ทําลาย !” เสียงตะโกนดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน

เพียงแค่คําพูดนี้ประโยคเดียว เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็กรีดร้องออกมาทันทีจากนั้นก็โดนแรงระเบิดลงไปล้มกลิ้งกับพื้น

มันตัวสั่น เห็นได้ชัดว่ากําลังทรมานมาก

“ฉยเฉิงจึง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม !” ผมยืนอยู่หน้าฉ่ยเฉิงจิง ขณะเดียวกันก็มองรอบๆอย่างหวาดระแวง

จิ้งจอกน้อยลงมืออย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเธอก็จัดการเสร็จ แล้วเข้ามายืนอยู่อีกทางด้านหนึ่ง

หลังจากพี่เฟิงและเหล่าเพิ่งจัดการทาสผีสองตนเสร็จ ก็มาปรากฏตัวอยู่อีกทางด้านหนึ่งเช่นกัน

ฉียเจ๋งจึงกลั้นความเจ็บปวดที่หลังเอาไว้ เธอกัดฟัน พยายามลุกขึ้นมาอย่างยากล่าบาก

“ฉัน ฉันไม่เป็นอะไร……”

“ดี ในเมื่อไม่เป็นอะไร งั้นพวกเราก็มาฆ่าต่อกันอีกรอบ” ผมพูดอย่างดุดัน จ้องรอบๆตาไม่กระพริบ

ในดวงตาเริ่มเต็มไปด้วยเส้นเลือด

“ได้ฆ่าคราวนี้มีความสุขดีจริงๆเลย มีบั้นปลายชีวิตแบบนี้ได้ ไม่ลองก็น่าเสียดายแย่!” พี่เฟิงหัวเราะดังลั่นเหมือนกับความตายที่กําลังจะมาถึง ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด

เหล่าเพิ่งยกดาบยาวในมือขึ้น เขาไม่พูดอะไร แต่มันก็อธิบายคําตอบของเขาแล้ว

สําหรับจิ้งจอกน้อย ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นจิ้งจอกร้าย ดวงตาจิ้งจอกที่ดุร้ายคู่นั้นเปล่งประกายด้วยสีแดงฉาน มองแล้วน่าขนลุกสุดๆ

มันเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงค่ารามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยหนึ่งครั้งเท่านั้น

จากนั้นก็ยกกรงเล็บสองข้างขึ้น แล้วพุ่งออกไปเป็นคนแรก……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset