ศพ – ตอนที่ 449 เซ่นไหว้

ตอนที่ 449 เซ่นไหว้

อาจารย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง บอกให้ผมอย่าเอาเรื่องที่ได้ตราอู่ฉางมาแล้วทําตัวได้ใจให้ผมรู้จักเก็บไว้บ้าง

ถึงจะฟังดูหัวโบราณไปบ้าง แต่อาจารย์ก็พูดถูก

เจ้าตราอ่ฉางนี่เป็นมนต์ที่ร้ายกาจมาก ถ้าเปิดใช้งาน ต้องปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาในเวลสั้นๆอย่างแน่นอน

พลังประเภทนี้ ต้องทรงพลังมากแน่ๆ

หากเก็บไว้ในตัว สามารถรักษาชีวิตได้สองครั้ง

ที่อาจารย์ให้ผมเก็บไว้ ก็เพื่อตัวผมเอง ไม่อย่างนั้นพอศัตรูมารู้เข้า ก็ต้องหาวิธีมาหักล้างแน่ๆ

ผมพยักหน้าให้อาจารย์ และอาจารย์ก็ดูใจเย็นลงมาก “ในเมื่อท่านอู่ฉางให้แกเซ่นไหวไปให้งั้นก็เผาไปเยอะๆหน่อย ท่านอฉางต้องการพันล้าน งั้นเราก็เผาไปให้พวกเขาสองพันล้าน”

“ ภูเขาเงินตําลึงกับเรือมหาสมบัติที่เขาต้องการ พวกเราก็เผาเพิ่มเป็นสองเท่า ส่วนเรื่องทาสสาว

ก็แค่คนกระดาษไม่ใช่เหรอ ในโกดังร้านเรามีอยู่ตั้งหลายสิบตัว ไม่ต้องห่วง พอเราสร้างสายสัมพันธ์ไว้ในวันนี้แล้ว วันข้างหน้ารอจนเราแก่แล้ว บางทีเราก็อาจได้รับการดูแลดีๆก็ได้นะ”

อาจารย์พูดด้วยสีหน้าซีเรียส แต่เพิ่งพูดถึงตรงนี้ จู่ๆผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าท่านเฮ่ยอู่ฉางยังมีคําขออีกอย่าง

ก่อนหน้านี้ผมลืมพูดให้อาจารย์ฟัง

ผมเลยพูดกับอาจารย์ว่า “อาจารย์ เมื่อผมลืมบอกไปเรื่องหนึ่ง”

“หือ ยังมีเรื่องอะไรอีกละ ?” อาจารย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทําท่าทางสงสัย

“ตอนท่านเฮ่ยอู่ฉางพูดถึงทาสสาว เขาบอกว่าต้องมีสาวยุโรปสามตัวเป็นอย่างต่ำอาจารย์ว่าคนกระดาษของเรามีแต่แบบในประเทศถ้างั้นเราไม่ต้องทําสาวยุโรปให้เขาเหรอ ? อาจารย์อาจารย์ทําคนกระดาษแบบสาวยุโรปเป็นไหม ?” ผมดูเศร้านิดหน่อย

ผลลัพธ์อาจารย์กลับยิ้มอ่อน “โถ่ ! ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไรอีกเดี๋ยวแกออกไปซื้อโปสเตอร์ดาราสาวต่างชาติหรือไม่ก็พวกนิตยสารกลับมา จากนั้นก็ตัดหน้าพวกเธอออกมาแล้วเอาไปติดบนหน้าคนกระดาษก็สิ้นเรื่องแล้ว”

คําพูดนี้เพิ่งดังขึ้น ผมก็ตกใจทันที

ให้ตายเถอะ ทําแบบนี้ก็ได้เหรอ

ข็งยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะเข้าใจเรื่องคนกระดาษประเทศต่างๆขนาดนี้สมกับที่เป็นคนเก่าคนแก่จริงๆ

อาจารย์เห็นผมทําหน้าตกใจ แต่เขาก็หลี่ตามองเท่านั้น “ไปนั่งทางโน้นไปอย่ามากวนอาจารย์ทําก๋วยเตี๋ยว”

หลังจากพูดจบ อาจารย์ก็ไม่สนใจผมอีก

ส่วนผมก็ถอยไปข้างๆอย่างรู้ความ หลังกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ผมกับอาจารย์ก็เริ่มทํางาน

เงินกระดาษ ภูเขาเงินตําลึง เรือมหาสมบัติ คนกระดาษ ของพวกนี้มีจุดที่เหมือนกันหนึ่งอย่างคือไม่กล้าลดปริมาณ มีแต่ทําให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น

เงินกับคนกระดาษและภูเขาเงินต่ลึงกับเรือมหาสมบัติต้องท่าขึ้นมาใหม่ ดังนั้นทั้งวันนี้เราเลยยุ่งกับเจ้านี่

เมื่อเวลามาถึงบ่ายวันถัดมา ของทุกอย่างก็พร้อมหมดแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ขนพวกมันไปยังหลังเขา

อาจารย์ช่วยวางป้ายท่านอู่ฉาง และจุดธูปเทียนให้ผม จากนั้นก็บอกให้ผมเป็นคนเผาของพวกนี้ไปให้ท่านอ่ฉางเอง

ผมเองก็ไม่กล้าลีลา เผาเงินกระดาษก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็เผาภูเขาเงินตําลึงเรือมหาสมบัติแล้วสุดท้ายถึงเผาคนกระดาษ

แต่หน้าของคนกระดาษพวกนั้น มีรูปของสาวต่างชาติแปะอยู่ ผมเลยรู้สึกแปลกๆหน่อยๆ

แต่คิดไม่ถึงว่าฟานอู่จิ๋วคนนี้จะมีรสนิยมแบบนี้ ชอบสาวยุโรป

หลังจากทําเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ผมก็ยังโค้งคํานับป้ายพวกท่านอู่ฉางด้วย หลังจากนั้นก็พูดกับป้ายว่า

“ท่านอู่ฉางทั้งสอง ผมเผาของทั้งหมดแล้ว โปรดรับด้วยนะครับ !”

เสียงเพิ่งเงียบลง ในหุบเขาที่เงียบสงบ ก็มีกระแสลมหมุน กวาดเข้ามาพัดขี้เถ้าพวกนั้นจนลอยเต็มฟ้า

ดูเหมือนพวกท่านอู่ฉางจะได้ยินค่าพูดของผมแล้ว เลยใช้วิธีนี้ตอบกลับ

ต่อจากนั้น ผมกับอาจารย์ก็กลับมาที่ร้าน

เราเองก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทํา เลยเปิดดูทีวี

ผลลัพธ์เพิ่งเปิดทีวี ผมก็เห็นรายการ “เรื่องสยองในเมือง” ประจําท้องถิ่นของพวกเรา

พอเห็นถึงตรงนี้ ผมก็หยุดการกระทําทุกอย่าง

หลังจากนั้นก็ได้ยินพิธีกรปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิงพูดว่า “ รายการในวันนี้ขอเชิญทุกท่านรับชมห้องน้ำเหนือธรรมชาติเมื่อคืนก่อนจู่ๆร้านเหล้าแห่งหนึ่งในเมืองก็พบศพวัยรุ่นชายหญิงสีคนศพของพวกเขาไร้บาดแผล แต่กลับตายอย่างประหลาดพร้อมกันในห้องน้ำเป็นเพราะวิญญาณร้ายมาเอาชีวิต

หรือวิญญาณอาฆาตมาล้างแค้นกันแน่ เชิญดูรายละเอียดด้านล่างเลยครับ……”

ยังฟังไม่ถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที

สี่ศพในห้องน้ำ แถมยังเป็นเมื่อคืนก่อน

เขาไม่ได้กําลังพูดเรื่องคู่รักสี่คนที่โดนจับวิญญาณไปในร้านเหล้าเมื่อคืนก่อนเหรอ ?

ผมเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาหน่อย เลยดูต่อ ระหว่างนั้นผมก็เห็นภาพถ่ายห้องน้ำที่น่าสยดสยองหลายรูป

บวกกับเสียงฟังชวนขนลุก ทําให้บรรยากาศดูเข้าทางยิ่งกว่าเดิม

ผ่านไปพักหนึ่ง ก็มีแต่การแนะนําแค่ตัวผู้ตายทั้งสี่

บอกว่าวัยรุ่นทั้งสี่ร่างกายแข็งแรง แต่จู่ๆก็เสียชีวิตกลางดึก สงสัยว่าอาจมีคนฆ่า ฆ่าตัวตาย

หรือข้อสันนิษฐานต่างๆมากมาย

สุดท้ายก็มีผู้ที่ถูกเรียกว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” ออกมาพูด ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ก็พูดเก่งใช้ได้

ได้ยินเสียงผู้เชี่ยวชาญคนนี้พูดว่า “อ๋อ เท่าที่ผมรู้ ห้องน้ำในบาร์แห่งนี้เป็นแบบปิดด้านในอาจมีก๊าซมีเทนมากเกินไปสําหรับเรื่องก๊าซมีเทนมากเกินไป ทางตํารวจบอกว่า ทั้งสี่คนกําลังทําเรื่องอย่างว่ากันในห้องน้ำทําให้พวกเขาอยากได้อากาศมากกว่าเดิมเลยรับก๊าซพิษเข้าไปเกินขนาด สุดท้ายจึงล้มสลบและหนาวตายอยู่บนพื้นใช่ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆหนาวตาย”

พอได้ยินค่าอธิบายแบบนี้ ผมก็อึ้งแล้วอึ้งอีก

ทําไมแกไม่พดว่าเจ้าพวกนั้นตายเพราะเหม็นขี้ตายเลยละฮะ ? ยังกล่าพูดว่าหนาวตายอีก

แต่ท้ายที่สุดยังมีคําอธิบายแบบเป็นทางการอีกอย่างหนึ่ง บอกว่าทั้งสี่คนเสพยาเกินขนาด

บวกกับดื่มแอลกอฮอล์เกินปริมาณ และเพราะยังใช้แรงอย่างหนักในห้องน้ำทําให้เลือดคั่งและตายในที่สุด……

เหตุผลนี้ฟังดูเข้าท่าเลยทีเดียว แต่คนที่รู้สาเหตุที่แท้จริง คงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

ต่อจากนั้นเวลาก็ผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์กว่า ชีวิตเรายังสงบสุขเหมือนเดิมไม่เกิดเรื่องยุ่งอะไรขึ้น

และภาคการศึกษาใหม่ก็เริ่มขึ้นแล้ว หยางเฉวเองก็กลับมาจากเขาอู่ตั้งแล้ว และยังนัดผมและเหล่าเพิ่งไปกินข้าวในวันสุดสัปดาห์อีกด้วย

แต่บ่ายวันนี้ ผมกับอาจารย์ยังเฝ้าร้านกันตามปกติ

เวลาล่วงเลยมาถึงประมาณบ่ายสาม ผู้หญิงอายุสามสิบต้นๆคนหนึ่ง จู่ๆก็มาปรากฏตัวที่หน้าร้านของพวกเรา

ผมเห็นมีลูกค้าเข้าร้าน เลยเข้าไปต้อนรับทันที “สวัสดีครับ ไม่ทราบกําลังหาอะไรอยู่เหรอครับ

ผู้หญิงคนนั้นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป สภาพดูเศร้าหน่อยๆ เหมือนมีเรื่องทุกข์ใจ

เธอมองผม จากนั้นก็พูดกับผมว่า “ฉัน ฉันอยากถามว่า ที่นี่คือร้านของนักพรตติงโย่วซานหรือเปล่าคะ ?”

“อ่อ ! นั่นเป็นอาจารย์ของผม ตรงนั้นครับ !” หลังจากพูดจบ ผมก็ชี้ไปที่อาจารย์ ตอนนี้เขากําลังถือกระบอกยาสูบและดูทีวีอยู่

พอผู้หญิงคนนั้นเห็นแบบนั้น ก็เดินผ่านผมไป รีบเข้าไปอยู่ตรงหน้าอาจารย์ผมทันที “ท่านนักพรตติ้ง

เพื่อนฉันแนะนําให้มาหาคุณ บอกว่าคุณเก่งมาก คุณต้องช่วยสามีฉันให้ได้นะคะไม่อย่างงั้นไม่อย่างงั้นฉันก็ไม่รู้จะทํายังไงแล้ว ”

เพิ่งพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ท่าทางเสียใจมากออกมา

อาจารย์เห็นลูกค้ามาหาเขา และผู้หญิงคนนี้ยังร้องไห้ เขาเลยยืนขึ้น วางกระบอกสูบยาลงจากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสงสัย“คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณอย่าเพิ่งใจร้อนมีอะไรค่อยๆพูดเสี่ยวฝานรินน้ำมาให้คุณผู้หญิงท่านนี้เร็วเข้า”

ผมเห็นผู้หญิงคนนี้ร้องไห้เศร้าน่าดู เลยคิดว่าเธอต้องไปเจอเรื่องอะไรมาแน่ๆ

ผมไม่รอช้า รีบรินน้ำแล้วยกเข้าไปทันที

ส่วนผู้หญิงคนนั้น ก็ไปนั่งที่โซฟา และสงบสติอารมณ์ลงมาได้บ้างแล้ว

เธอดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอีก จากนั้นก็พูดกับอาจารย์ผมอีกครั้ง “ท่านนักพรตติงเป็นแบบนี้ค่ะ ช่วงช่วงนี้สามีของฉันทําตัวแปลกๆเขาไม่หลับไม่นอนทุกคืน และยังชอบกินเนื้อดิบหรือแม้แต่มีฟันงอกออกมายาวผิดปกติด้วยค่ะ”

“ และ และตอนนี้เขาก็ ชอบดื่มเลือดสดๆด้วยค่ะเมื่อคืนพอเห็นมือลูกเป็นแผลมีเลือดไหลออกมาดวงตาของเขาก็เป็นประกายจับมือลูกขึ้นมาดูดเลือดและยังกัดมือลูกจนเป็นแผลน่ากลัวมากเลยค่ะฉันกลัว

กลัวว่าสามีจะโดนของไม่ดีเข้าสิง ดังนั้น ดังนั้นท่านนักพรตติงต้องช่วยเขา ต้องช่วยเขานะคะ……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset