ศพ – ตอนที่ 450 ร่างกายแปลกไป

ตอนที่ 450 ร่างกายแปลกไป

คุณผู้หญิงคนนี้ดูร้อนรน เล่าเรื่องลําบากใจที่เธอเจออยู่ในตอนนี้ให้พวกเราฟังอย่างต่อเนื่อง

ผมยืนอยู่ข้างๆ ตอนได้ยินผู้หญิงคนนี้บอกว่าช่วงนี้สามีของเธอทําตัวแปลกๆชอบกินเนื้อสด และยังมีเขี้ยวงอกออกมาผมก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

คนปกติจะมีอาการแบบนี้เหรอ ผมสัมผัสได้รางๆ ว่าสามีของผู้หญิงคนนี้ ต้องไปเจอเรื่องผิดมนุษย์อะไรเข้าแน่ๆ

และมันก็เหมือนกับที่ผู้หญิงคนนี้คาดไว้อาจมีสิ่งชั่วร้ายบางอย่างเข้าสิง ถึงได้มีอาการเหมือนในตอนนี้

เมื่อก่อนอาจารย์เคยเล่าเรื่องหนึ่งให้ผมฟัง บอกว่าปีศาจเฒ่าที่บรรลุแล้ว

เพราะมีพลังมหาศาลเมื่อตายไปแล้ววิญญาณไม่แตกสลายก็จะอยู่ก่อเรื่องหรือทําอย่างอื่นเรื่อยไป

ด้วยความบังเอิญบางอย่างเจ้าพวกนี้ก็จะกลายเป็นปรสิตเข้าสิงอยู่ในร่างสิ่งมีชีวิต

เพราะร่างวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อเข้าไปอยู่ในร่างอื่นแล้ว ก็จะเปลี่ยนร่างกายของเจ้าของร่าง

หรือแม้แต่ควบคุมเจ้าของร่าง

วันเวลาผ่านไปนานเข้า เจ้าของร่างที่โดนเจ้าพวกนี้สิ่งก็จะทําตัวแปลกๆหรือมีการเปลี่ยนที่ผิดแปลกไปจากเดิม

คล้ายกับพฤติธรรมแปลกๆที่ผู้หญิงคนนั้นเล่า พอได้ยินถึงตรงนี้ ในสมองผมก็อดคิดถึงเรื่องพวกนี้ไม่ได้

อาจารย์ที่อยู่ข้างๆ ก็ทําหน้าเข้ม จากนั้นก็พูดกับผู้หญิงคนนั้นต่อ “คุณผู้หญิง คุณช่วยเล่าที่มาที่ไปให้ผมฟังอย่างละเอียดได้ไหม ? อย่างเช่นคุณสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ตอนแรกสุดเป็นยังไง แล้วจากนั้นเป็นยังไง ?”

อาจารย์อยากฟังอย่างละเอียด เนื่องจากเรื่องแบบนี้ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเข้าใจมากเท่านั้น

จากนั้นพวกเราถึงจะสามารถตัดสินได้อย่างมั่นใจที่สุด

ผู้หญิงคนนี้ใจเย็นขึ้นมากแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินอาจารย์พูดแบบนั้น เธอก็พยักหน้าเบาๆ “ได้ท่านนักพรตติง เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อน ตอนนั้นสามีของฉันเพิ่งตกงาน เขาท้อมาก……”

ต่อจากนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เล่าเรื่องที่เธอรู้ทั้งหมด ให้พวกเราฟังอย่างละเอียด

หลังยืนฟังอยู่ข้างๆประมาณสิบนาที ผมก็พอเข้าใจเรื่องราว

ผู้หญิงคนนี้แซ่โจวสามีเธอแซ่หวง

ตอนนี้คุณโจวเป็นภรรยาในบ้านมีลูกน้อยระดับอนุบาลสองคน และยังมีแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาตและพ่อที่เป็นโรคสมองเสื่อมให้ดูแล

ในบ้านมีสามีของเธอหรือคุณหวงทํางานคนเดียว แต่คุณหวงก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดาคนหนึ่ง เงินเดือนก็ไม่สูง ได้แต่ชักหน้าไม่ถึงหลังทุกเดือน

ดังนั้นเรื่องนี้เลยกลายเป็นแรงกดดันที่หนักหนาสาหรับคุณหวง แต่เมื่อหกเดือนก่อน คุณหวงคนนี้กลับตกงานอย่างกระทันหัน

สําหรับครอบครัวของคุณโจว เรื่องนี้เป็นเหมือนฟ้าผ่าที่ผ่าในตอนกลางวันแสกๆ

หลังคุณหวงตกงาน เขาก็เศร้ามาก

เพราะเขาไม่ได้เป็นคนเรียนสูง และไม่ได้มีทักษะอะไรเป็นพิเศษ สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือ คุณหวงอายุ 37 ปีแล้ว

ในสนามรบหางานที่โหดร้าย สําหรับผู้ชายอายุ 37 แถมยังเป็นผู้สมัครที่ไม่มีทักษะอะไรเป็นพิเศษ

การหางานที่ได้ดั่งใจเป็นอะไรที่ยากมาก

หลังจากลองสัมภาษณ์มาหลายสิบครั้งคุณหวงก็ต้องพบกับความล้มเหลวเสมอ

และในบ้านกลับต้องใช้เงินไปซะทุกอย่างหรือแม้แต่จะไม่มีข้าวกินกันแล้ว

จากปากของคุณโจว ในช่วงเวลานั้น ผมของสามีเธอจะหลุดหมดหัวแล้ว นอนไม่หลับทุกวันเอาแต่คิดว่าจะทํายังไงให้หางานได้

แต่จนกระทั่งบ่ายวันหนึ่งสามีของคุณโจวก็ได้รับข้อความสั้นๆ บอกให้เขาไปสัมภาษณ์ใหม่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง

คุณหวงดีใจมาก เขารีบออกจากบ้านไปสัมภาษณ์ใหม่ทันที

และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาคุณหวงก็เริ่มเปลี่ยนไป

เมื่อคุณหวงกลับมาอีกครั้งเขาไม่เพียงถือเงินหมื่นนึงกลับมา แต่ยังบอกว่าเขาได้รับตําแหน่ง เป็นหัวหน้างานได้เงินเดือนเดือนละ 12,000 หยวน

เงินหนึ่งหมื่นนี้ ก็คือเงินที่เขาขอเบิกออกมาก่อน

ตอนแรกคุณโจวไม่ได้คิดอะไรเธอดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง

เงินเดือนหนึ่งหมื่น สามารถเปลี่ยนชีวิตของครอบครัวคุณโจว หรือแม้แต่ยังมีเงินเก็บก่อนเล็กๆ ผ่านไปไม่กี่ปีพวกเขาก็อาจจะจ่ายเงินดาวน์ที่พักแถวชานเมืองได้อีกด้วย

คุณโจวถึงกับเห็นแสงที่สดใสในอนาคต จินตนาการว่าทั้งครอบครัวจะมีบ้านเป็นของตัวเอง

แต่หลังจากคุณหวงเริ่มทํางานนี้ คุณโจวก็สังเกตเห็นว่ามันเป็นงานที่แปลกมาก

ส่วนใหญ่เวลาทํางานของคุณหวงคือตอนกลางคืน และนิสัยใจคอของคุณหวงก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก

กลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ชอบบีบบังคับ หรือแม้แต่ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน บนตัวคุณหวงจะมีกลิ่นแปลกๆติดมาด้วยเสมอ

ตอนแรกคุณโจวไม่ได้สนใจจนกระทั่งวันหนึ่งคุณโจวเดินผ่านโรงฆ่าสัตว์ จู่ๆเธอก็พบว่า

กลิ่นแปลกๆที่ติดตัวสามีของเธอมันเหมือนกับกลิ่นคาวเลือดที่โชยออกมาจากโรงฆ่าสัตว์

นอกจากนี้ คุณโจวยังพบว่าหัวที่ใกล้จะโหลนของสามีเธอเริ่มมีผมงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เพียงแต่ผมพวกนั้นไม่เหมือนผมเดิมของคุณหวง มันเป็นผมสีเหลืองเส้นหนา และยังนุ่มมาก แต่ไม่มันวาวแต่มันก็ไม่ใช่สีเหลืองซะทีเดียว

พอมองดูแล้ว เหมือนกับขนสัตว์บางชนิด

สําหรับเรื่องนี้ ตอนแรกคุณโจวไม่ได้คิดอะไร คิดว่าสามีตัวเองมีชีวิตยากลําบาก ดังนั้นผมใหม่ทึ่งอกขึ้นมาเลยกลายเป็นสีเหลือง

แต่ต่อจากนั้น ผมพวกนั้นก็งอกขึ้นมาแทนที่ของเดิม จนเต็มหัวของสามี หรือแม้แต่เริ่มลามไปตรงหลังของเขาแล้ว

คุณโจวกังวลมาก บอกให้คุณหวงไปหาหมอ แต่คุณหวงกลับอารมณ์เสียขึ้นมาทันที บอกว่าผู้ชายมีขนไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหน

แต่นอกจากผมแล้วคุณหวงยังค่อยๆเปลี่ยนจากกินอาหารสุกเป็นชอบกินพวกของดิบแทน

สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือ ฟันของคุณหวงเริ่มยาวออกมาจากปากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับเขี้ยวสัตว์ไม่มีผิด

เล็บของเขา ก็เปลี่ยนเป็นหนาขึ้นและกลมขึ้น

ถึงคุณหวงจะพยายามตัดแล้ว หรือแม้แต่ทําให้มันเรียบเหมือนคนปกติแล้ว แต่คนที่ร่วมเตียงอย่างคุณโจว

ก็ยังสังเกตเห็นอยู่ดี

นอกจากเรื่องพวกนี้ แม้แต่ดวงตาของคุณหวงก็ยังเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ม่านตาค่อยๆใหญ่ขึ้นปัจจุบันนี้มันแทบจะกินพื้นที่ตาขาวไปหมดแล้ว

ถ้าเป็นเรื่องพวกนี้คุณโจวยังทนได้ แต่เมื่อคืนตอนเห็นสามีตัวเองเห็นมือลูกเป็นแผลจากอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ จนมีเลือดไหลออกมาเขาก็ทําท่าทางกระหายเลือด หรือแม้แต่เผยท่าทางปรารถนา มันก็ทําให้คุณโจวกลัวอย่างสมบูรณ์

ฉากนั้น คุณโจวเหมือนได้เห็นแวมไพร์ ที่พยายามดูดเลือดจากนิ้วลูกตัวเองอย่างตะกละตะกลาม

หรือแม้แต่ไม่คิดอะไรทั้งนั้น ควบคุมตัวเองไม่ได้เลยสักนิด

คุณโจวกลัวมาก แต่ด้วยความรักของแม่เธอเข้าไปหยุดคุณหวงทันที

หลังคุณหวงโดยห้าม เขาก็ดูเสียสติหน่อยๆ เลยใช้เหตุผลไปทํางาน ออกไปจากบ้านในตอนกลางดึกจนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นเขาถึงกลับมา

แต่เรื่องดูดเลือด สามีเธอไม่พูดถึงเลยสักค่า

หลังคุณหวงออกไปแล้วคุณโจวก็กลัวมาก

ทุกอย่างแสดงออกมาอย่างชัดเจน คุณหวงสามีของคุณโจว อาจโดนสิ่งชั่วร้ายบางอย่างสิ่งร่าง

คุณโจวนําเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนสนิทของเธอฟัง และเพื่อนสนิทของเธอคนนั้นก็อาจใช้วิธีบางอย่าง

และรู้เรื่องของอาจารย์ผม เลยบอกที่อยู่ของร้านเราให้คุณโจวมาหาพวกเรา

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังคุณโจวจัดการเรื่องทุกอย่างในบ้านแล้ว รอให้สามีออกไปทํางานในตอนเที่ยงเสร็จ

เธอก็มายังต่าบลชิงฉือแล้วสุดท้ายก็หาร้านของพวกเราเจอ

ตอนนี้หลังจากฟังเรื่องทุกอย่างจบ และรู้รายละเอียดถึงขนาดนี้ ไม่ต้องให้อาจารย์เป็นคนเอ่ยปาก

ผมก็มั่นใจ ว่าคุณหวงสามีของคุณโจวจะต้องโดนบางอย่างเข้าสิงอย่างแน่นอน

หรือแม้แต่สงสัยว่า มันอาจเหมือนเรื่องที่ผมเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ คุณหวงอาจโดนวิญญาณปีศาจบางอย่างเข้าถึง

ถึงได้ทําให้คุณหวง ทําพฤติกรรมแปลกๆพวกนี้และนําไปสู่การเปลี่ยนแปลงแปลกๆของร่างกายด้วย……

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset