ศพ – ตอนที่ 515 ทําตามหัวใจตัวเอง

ตอนที่ 515 ทําตามหัวใจตัวเอง

มุมปากของผมยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็พูดด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง

แต่คนที่ทําหน้าอาบน้ําร้อนมาก่อน หรืออาจารย์ที่สั่งสอนผมเมื่อกี้ ตอนนี้กลับหน้าชาอย่างแรง และเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาทันที

เสี้ยววินาทีต่อมา อาจารย์ก็หันมาทันที เขาขมวดคิ้วและมองผมด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ “ เสียวเสี่ยวฝาน

เมื่อกี้ เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ”

ผมยังมองหน้ากันตกตะลึงของอาจารย์ด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ผมเลื่อนขั้นแล้ว ถึงขั้นเต้าชื่อแล้ว !”

“อะไรนะ แกเลื่อนขั้นแล้วจริงๆเหรอ ?” อาจารย์โยนเงินกระดาษในมือทิ้ง เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจมาก

แต่ผมกลับพูดด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ผมพูดจริงๆ ! ผมหิวมากเลย อาจารย์เก็บข้าวเช้าไว้ให้ผมไหมเนี่ย !”

ผมพูดพร้อมเดินไปทางโต๊ะอาหาร ท่าทางชิวอย่างเห็นได้ชัด

แต่อาจารย์กลับนั่งไม่ติดแล้ว เขาลุกขึ้นยืนทันที “จะ จะเป็นไปได้ยังไง แกเพิ่งเลื่อนระดับมาได้นานเท่าไหร่เชียว ตอนนี้แกยังเลื่อนได้อีกแล้วงั้นเหรอ ?”

“ผมเลื่อนขั้นแล้วจริงๆ !”

หลังจากพูดจบ ผมก็ยกมือขึ้นมาประสานอินข้างนึ่ง เพื่อกระตุ้นพลังวิญญาณ

ในระหว่างนั้น มีคลื่นพลังไหลออกมาจากในตัวทันที

ส่วนอาจารย์ เพิ่งสัมผัสได้ถึงคลื่นพลัง EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ว่านต้องเป็นขั้นเต้าชื่ออย่างแน่นอน

หรือแม้แต่มั่นใจว่าเจ้าขั้นเต้าชื่อนี้อยู่ในสถานะที่คงที่แล้ว ราวกับไม่ได้เพิ่งก้าวขึ้นมาถึงขั้นนี้

แต่เป็นมาถึงขั้นนี้ได้หลายวันแล้วอะไรแบบนั้น

หลังอาจารย์มั่นใจแล้ว เขาก็ตะลึงจนมีสภาพเหมือนคนทําอะไรไม่ถูก

ตั้งแต่อาจารย์ติดตามอาจารย์ตัวเองในวัยหนุ่ม หรือก็คือพระเฒ่านิรนามคนนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปกว่า 40 ปีแล้ว

แต่อาจารย์ฝึกตนไปได้ถึงขั้นไหนละ ก็ไม่ได้แค่เต้าชื่อระดับกลางไม่ใช่เหรอ

แต่ผมกลับใช้ระยะเวลาสั้นๆเพียงหนึ่งปี ก็สามารถเริ่มจากศูนย์มาจนถึงเต้าซื้อขั้นแรกในตอนนี้ได้

ความเร็วในการฝึกอันน่าหลงใหลแบบนี้ จะไม่ทําให้อาจารย์ตะลึงได้ยังไง

อาจารย์อ้าปากตาค้าง รู้สึกว่าเวลาฝึกหลายสิบปีของตัวเอง ล้วนขึ้นอยู่กับร่างกายอันห่วยแตกของตัวเอง

หลังผ่านไปพักหนึ่ง อาจารย์ถึงได้กลับมาตอบสนองอีกครั้ง

เขากลืนน้ําลาย จากนั้นก็มองผมด้วยสายตาที่ค่อนข้างตกตะลึง “เสี่ยวเสี่ยวฝาน ที่แท้แกก็เลื่อนระดับแล้วจริงๆ”

ขณะมองสีหน้าอันแข็งที่อของอาจารย์ ผมก็พยักหน้าให้อาจารย์แรงๆ “อาจารย์ ผมไม่ได้แค่ เลื่อนเป็นขั้นเต่าชื่อนะ แต่เมื่อคืนผมยังฝึกวิชาเฟินเทียนกงสาเร็จแล้วด้วย !”

หากการที่ผมเลื่อนไปถึงขั้นเต้าซื้อได้ แล้วทําให้อาจารย์ตกใจ การฝึกวิชาเฟินเทียนกงสําเร็จ ก็คงเหมือนฟ้าผ่าเหนือหัว

ในสายของพวกเรา เจ้าเกล็ดที่ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ยุคสมัย หรือตกทอดกันมากี่รุ่นอันนั้น

เป็นถึงตัวบันทึกวิชาเฟินเทียนกงเอาไว้ และคนที่ฝึกวิชาเฟินเทียนกงสําเร็จ ก็มีเพียงแค่หยิบมือเดียว

หนึ่งในนั้นก็มีศิษย์พี่ หรือคนที่อาจารย์ตัดขาดไปแล้วคนนั้น

แต่สิ่งที่ทําให้อาจารย์ตกใจยิ่งกว่าเดิมคือ ความเร็วในการฝึกของผมไม่เพียงอยู่เหนือเขา แม้แต่ความเร็วในการฝึกวิชาเฟินเทียนกงของผม ก็ยังอยู่เหนือศิษย์นอกคอกคนนั้นของเขาด้วย

อาจารย์เองก็เคยฝึกวิชาเฟินเทียนกง ก่อนหน้านี้เขาฝึกจนเลือดลมตีกลับ กระอักเลือดและ บาดเจ็บภายในเลยทีเดียว

การฝึกแบบนั้นเป็นอะไรที่ยากจนแทบเป็นไปไม่ได้ แต่ผมล่ะ ไม่เพียงแค่ฝึกเร็วจนเหมือนปีศาจ ภายในระยะเวลาสั้นๆแค่สองเดือน ก็ฝึกวิชาเฟินเทียนกงชุดแรกสําเร็จแล้ว จะเห็นได้ว่ามันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก

จากคําพูดของอาจารย์ ศิษย์พี่ที่ผมไม่เคยเจอหน้ามาก่อน ใช้เวลาฝึกประมาณหนึ่งปีถึงจะสําเร็จ

“เสี่ยวเสี่ยวฝาน แกอย่ามาหลอกอาจารย์นะ เรื่อง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ?” อาจารย์ทําท่าทางนิ่งอึ้ง การหายใจก็ดจะเร็วขึ้นเล็กน้อย

ผมรู้ว่าหลังอาจารย์รู้เรื่องนี้แล้ว อาจจะตกใจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะตกใจจนเป็นแบบ

ผมละกลัวจริงๆว่าอีกเดี๋ยวอาจารย์จะตื่นเต้น แล้วเลือดลมตีขึ้นจนสลบไป

ดังนั้นผมเลยทําท่าทางจริงจังมาก จากนั้นก็เปิดใช้งานวิชาเฟินเทียนกง พร้อมพูดกับอาจารย์ว่า “จริงๆ !”

หลังจากพูดจบ ผมก็ตัวสั่น แสดงวิชาเป็นเทียนกงออกมา ทันใดนั้นกลิ่นอายที่อธิบายไม่ได้ก็ปรากฏขึ้น

คลื่นพลังพวกนั้นไม่เหมือนกับพลังเต่ํา แต่มันก็คล้ายกับพลังเต๋า มันให้ความรู้สึกน่าเกรงข้ามหรือแม้แต่มีรังสีฆ่าฟัน

อาจารย์เพิ่งรับรู้ได้ถึงพลังนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที “ชะ ใช่ กลิ่นอายพลังแบบนี้แหละ กลิ่นอายพลังแบบนี้แหละ เสี่ยวฝาน แกฝึกสําเร็จแล้วจริงๆ สําเร็จแล้วจริงๆ…..”

อาจารย์ดูตื่นเต้นมาก หรือแม้แต่ยกมือทั้งสองข้างมาจับแขนผม

เนื่องจากเคล็ดวิชานี้ตกทอดกันมาหลายยุคสมัยแล้ว แต่พอมาถึงรุ่นของอาจารย์ ศิษย์สองคนที่เขารับไว้

กลับสามารถฝึกเคล็ดวิชานี้สําเร็จทั้งคู่ แล้วมันจะไม่ทําให้เขาตกใจ หรือตื่นเต้นได้ยังไง

“ ใช่ อาจารย์ ผมฝึกสําเร็จแล้ว เจ้าเคล็ดวิชานี้แข็งแกร่งมาก สามารถเพิ่มพลังให้ตัวเองได้ระยะหนึ่ง เป็นอะไรที่ทรงพลังมาก !” ผมพูดตามความจริง สาหรับอาจารย์ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิชาเฟินเทียนกงมากนัก

ในเวลานี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นแรง และรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา

ต่อจากนั้น ผมก็เล่าว่าตัวเองเลื่อนระดับได้ยังไงให้อาจารย์ฟัง ในเวลาเดียวกัน ผมก็หยิบมีดปลิดวิญญาณออกมาให้อาจารย์ดู

หลังอาจารย์รู้ว่ามีดปลิดวิญญาณเล่มนี้เป็นของที่น้องศพให้ผมมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเล็กน้อย

“เสี่ยวฝาน เมียแกนใช้ได้เลยนะ ถ้าพวกแกอยู่ด้วยกันได้จริงๆ คงเยี่ยมไปเลย! แต่ก็น่าเสียดาย เฮ้อ……”

พอพูดมาถึงตรงนี้ อาจารย์ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

สําหรับการแต่งงานกับผีของผม ตอนนั้นอาจารย์เองก็จําใจต้องทํา แต่เมื่อทําพิธีนี้แล้ว ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับผลของการแต่งงานกับผี

ผมยิ้มให้อาจารย์ “อาจารย์ EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แต่ตอนนี้ผมก็ยังเด็กมากอยู่ไม่ใช่เหรอ และเจ้าการแต่งงานนี้ก็อาจไม่ได้ยุติไม่ได้จริงๆสักหน่อย ไม่แน่วันข้างหน้า เราอาจหาวิธียุติเจอก็ได้ พอถึงตอนนั้น ผมก็จะได้กลับมามีชีวิตอิสระเหมือนเดิม ส่วนน้องศพ ผมคิดว่าชาตินี้คงไม่มีวาสนากับเธอแล้ว !”

พอพูดมาถึงตรงนี้ ผมก็ยิ้มอย่างขมขึ้นครู่หนึ่ง พร้อมหันไปมองทางป้ายวิญญาณมู่หลงเหยียน

คนกับผีมีเส้นทางที่แตกต่าง นี่เป็นสิ่งที่ผมไม่อาจเปลี่ยนได้ ระหว่างผมกับมู่หลงเหยียน มีชะตาที่ไม่อาจไปกันได้กําหนดเอาไว้แล้ว

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่อาจหยุดความรู้สึกชื่นชมที่ผมมีต่อเธอได้

ถึงจะบอกว่าอาจารย์ไม่เคยแต่งงานมาก่อน แต่เมื่อเห็นสายตาเศร้าสร้อย ตอนที่ผมพูดคําพูดประโยคนี้ออกมา

มันก็อาจเป็นเพราะเขารู้สึกได้ว่าผมมีความคิดความรู้สึกกับผีเมียคนนี้ต่างออกไปแล้ว

เขาจึงตบไหล่ผมแล้วพูดว่า “เสี่ยวฝาน อาจารย์จะพูดกับแกสั้นๆ”

พอเห็นอาจารย์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ผมก็เผยท่าทีสงสัยและคิดหนักออกมาเล็กน้อย

ต่อจากนั้นผมก็ได้ยินอาจารย์พูดว่า “ บางครั้งเราก็ตัดสินใจอะไรสักอย่างไม่ได้ แต่พอลองถามลมแล้ว

ลมก็ไม่ตอบ ได้แต่ทําตามเสียงในใจเท่านั้น”

ความหมายของคําพูดประโยคนี้เข้าใจได้ไม่ยาก หรือแม้แต่เป็นอะไรที่ง่ายมาก

ผมเข้าใจค่าพูดของอาจารย์ทันที แม้มันจะไม่ได้ชัดเจน แต่ท่าทางนั่นก็ชัดเจน เขาบอกให้ผมทําตามหัวใจของตัวเอง

นี่ไม่ใช่การยอมรับและสนับสนุน ความรู้สึกที่ผมมีต่อม่หลงเหยียนทางอ้อมเหรอ

แน่นอน มันอาจยังมีความหมายอื่นอยู่ แค่ผมไม่ได้ถาม และอาจารย์เองก็ไม่ได้พูดมากกว่านั้น

ต่อจากนั้น อาจารย์ก็บอกให้ผมพักเยอะๆหน่อยในช่วงหลายวันนี้ บอกว่าถึงผมจะเลื่อนเป็นเต้าชื่อแล้ว

แต่ก็ต้องทํารากฐานให้มั่นคงก่อน

การฝึกของพวกเรา เป็นการฝึกอย่างต่อเนื่อง กระบวนการที่ทําให้ร่างกายแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

หากรากฐานไม่มั่งคง การฝึกในวันข้างหน้า ก็จะยิ่งยากไปกว่าเดิม

สําหรับจุดนี้ ผมเห็นด้วยอย่างแรง

ดังนั้น ช่วงครึ่งเดือนต่อจากนี้ ผมเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนเลยสักที

ในเวลาเดียวกัน เรื่องที่พวกเรากังวล ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเลยสักเรื่อง

สําหรับเจ้าปีศาจเสือดาว สาวกสํานักสื่อเย่ องค์กรตาผี กุ่ยซานหยวนและอื่นๆก็ดูเหมือนกับซ่อนตัวอยู่

ทุกอย่างกลับมาสงบสุขเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง

แต่พวกเรารู้ดี ว่านี่ก็คือความสงบก่อนที่พายุจะมา

ศพ

ศพ

อ่านนิยายเรื่องศพ
Status: Ongoing
โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset