ศพ – ตอนที่ 55 ตายแล้วฟื้น

ตอนที่ 55 ตายแล้วฟื้น

ผีเมียร้ายกาจมาก นั้นเป็นเรื่องที่ผมรู้ดี

แต่คิดไม่ถึง ว่าความร้ายกาจของเธอจะอยู่ในระดับนี้ โบกมือเพียงครั้งเดียวก็สามารถปราบผีร้ายสี่ตนได้แล้ว

นี่มันต่างจากที่ผมจินตนาการไว้ลิบลับ พลังมหาศาลบ้าบออะไรเนี่ย

นอกจากผมและอาจารย์จะตกตะลึง แม้แต่ผีชั่วที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็ยังแสดงใบหน้าเหลือเชื่อ

เมื่อกี้มันยังทำท่าทางหยิ่งยโสอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนอ่ำอึ้งไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

หลังจากผีชั่วผ่านช่วงอารมณ์ตกตะลึงจากฝีมือมู่หลงเหยียนเรียบร้อย มันก็อดไม่ได้ที่จะก้าวถอยไปข้างหลัง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หวาดกลัว “แก แกเป็นใครกันแน่ ฉันพเนจรมาชั่วชีวิต แกกับฉัน แกกับฉันไม่เคยผิดใจกันต่างคนต่างอยู่อย่ามาข้องเกี่ยวกันเลยนะ..……”

 

แต่เสียงของผีชั่วพึ่งจางหาย ร่างของมู่หลงเหยียนก็หายไป จากนั้นก็ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของผีชั่ว

ไม่รอให้เจ้าตัวได้ตอบสนองใดๆ เธอใช้มือที่ยกขึ้น จับเข้าไปที่คอของมันอย่างแรง

จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฮึ! กล้ามายุ่งกับคนของฉัน ยังกล้าพูดเรื่องต่างคนต่างอยู่อีก

ฮึรนหาที่ตาย!”

เสียงพึ่งจางหาย มู่หลงเหยียนก็ออกแรงที่ฝ่ามือ

จากนั้นผมก็ได้ยินเสียงของผีชั่วพูดจาติดๆขัดๆด้วยความหวาดกลัว “อย่า อย่าทำ อย่า อย่าทำ……”

มู่หลงเหยียนไม่เมตตา หลังจากได้ยินมันพูดออกมาสองสามคำ เธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ตายซะเถอะ!”

 

หลังจากพูดจบ “ปัง” คอที่ถูกจับไว้ของผีชั่ว ได้ระเบิดออกมา กลายเป็นแสงสว่างเล็กน้อย จากนั้นก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อผมเห็นมู่หลงเหยียนทำแบบนั้น ผมก็สูดหายใจเข้าลึกๆทันที

เมียคนนี้ของผมโหดมาก! ทั้งวิธีการลงมือและพลังของเธอ ดูเหมือนในอนาคตของผมคงจะต้องใช้ชีวิตลำบากแน่ๆ

แต่ระหว่างความแปลกใจนั้น ผมก็ยังดีใจมากด้วย

เพราะตอนนี้ผีชั่วได้ถูกกำจัดแล้ว แบบนี้ต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องคอยกังวลกันอีกแล้ว

ในเวลาเดียวกัน แมวป่าที่เคยจุกตัวกันที่หน้าประตู ก็เริ่มแตกกระเจิง

 

ในเวลาต่อมาพวกมันต่างวิ่งหนีไปรอบๆ เพียงชั่วพริบตาแมวส่วนใหญ่ก็หายไปจนเกือบหมด

ผมเองก็ไม่ได้สนใจแมวป่ากลุ่มนั้น แต่กลับพูดกับมู่หลงเหยียนด้วยความดีใจ “น้องศพ ครั้งนี้ขอบคุณเธอจริงๆนะ ถ้าไม่ได้เธอช่วยฆ่าเจ้าผีชั่วนั้น ตอนนี้พวกเราก็คงรับมือกับเจ้าผีชั่วกันอย่างยากลำบาก!”

เสียงพึ่งจางหาย อาจารย์ก็พูดตามมา “สาวน้อย ขอบใจเธอมากจริงๆ!”

เมื่อมู่หลงเหยียนได้ยินเสียงของผมและอาจารย์ ก็หันหน้ามามอง

จากนั้นเธอก็ส่ายหัวให้กับผมสองคน “เรื่องมันไม่ได้จบง่ายๆแบบนี้หรอกค่ะ และเมื่อกี้ฉัน ก็ไม่ได้ฆ่าเขาจริงๆด้วย!”

มู่หลงเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ฟังดูจริงจังมากๆ

 

แต่ผมและอาจารย์กลับสับสนเล็กน้อย ก็ต่อหน้าผมเจ้าผีชั่วนั้น วิญญาณแตกสลายไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงบอกว่ายังไม่ตายละ

ผมจึงถามด้วยความสงสัย “เขาไม่ได้วิญญาณแตกสลายไปแล้วเหรอ ถ้าวิญญาณแตกสลายไม่ได้เรียกว่าตายจริงๆ  แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าตาย!”

แต่มู่หลงเหยียนกลับส่ายหัว “วิญญาณของเขาก็ไม่ได้แตกสลาย!”

ทันใดนั้น ผมและอาจารย์ก็เผยสีหน้าสงสัยออกมา

ผมรู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเมื่อกี้ไม่ใช่วิญญาณแตกสลาย แล้วมันคืออะไรละ หรือว่าพวกเราตาฝาดงั้นเหรอ

 

ขณะที่ผมและอาจารย์กำลังสงสัย ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่มู่หลงเหยียนพูดเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไง

ทันใดนั้นนอกบ้านก็มีเสียงแมวร้องลั่น เป็นเสียงที่แสบหู และแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

พวกเรากำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู วินาทีที่ได้ยินเสียงนี้ ก็หันไปมองตามสัญชาตญาณ

แต่เมื่อหันไป ผมและอาจารย์ก็เผยสีหน้าตกตะลึงอีกครั้ง ขณะนั้นผมรู้สึกขนหัวลุก เย็นวาบไปทั้งตัว

เพราะพวกเราพบว่าเสาไฟริมถนนที่อยู่ห่างออกไป กำลังมีแมวอ้วนดำยืนอยู่หนึ่งตัว

และเจ้าแมวดำตัวนั้นก็กำลังอ้าปากกว้าง แถมยังอาเจียนออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสียงอาเจียน“อ้วก…..” ออกมา

ที่จริงมันก็ไม่มีอะไร แต่สิ่งที่ประหลาดที่สุดคือ สิ่งที่เจ้าแมวดำตัวนั้นอ้วกออกมา ก็คือมือของคน……

 

เจ้าแมวตัวนั้นอ้าปากกว้าง จนเหมือนปากของมันจะฉีกออก

และมือนั้นยังเหมือนกับแขนของทารก จากในปากของแมว มันค่อยๆเคลื่อนออกมาทีละนิด เห็นได้ชัดว่ามันกำลังทรมานมาก

แต่ไม่นานนัก เจ้าแขนข้างนั้นก็เคลื่อนออกมาจนสุด แถมยังจับหน้าของแมวเอาไว้ จากนั้นพวกเราก็เห็นภาพหัวเด็กเล็กๆหนึ่งหัว กำลังออกมาจากปากแมวตัวนั้นอีกครั้ง

การกระทำนั้นทำให้ตาแมวถลนออกมา ราวกับดวงตากำลังจะหลุดออกมาอย่างนั้น

แต่หลังจากที่หัวและแขนของใครคนนั้นโผล่ออกมา ร่างของเด็กทารกก็หล่นลงมากองกับพื้น จากนั้นมันก็ตะเกียกตะกายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

เจ้าแมวตัวนั้นเองก็ส่งเสียงร้อง “ฮือฮือฮือ” ออกมาไม่หยุด และสำรอกออกมาอย่างต่อเนื่อง

กระบวนการนี้เร็วมาก ใช้เวลาไม่ถึง 5 วินาที ร่างของเด็กคนนั้นก็ถูกสำรอกออกมาจนหมด

แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่แปลกที่สุด หลังจากร่างของเด็กคนนั้นออกมาได้ เขาค่อยๆลุกขึ้น จากนั้นก็หันมามองพวกเราพร้อมเสียงหัวเราะที่เจ้าเล่ห์ “ฮึฮึฮึ”

ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ขณะที่เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วถนนที่ว่างเปล่า ชั่วพริบตาร่างของมันก็ค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

มันเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ แถมยังไม่รอให้พวกเราได้ตอบสนองใดๆ

คนที่เคยเป็นเด็กทารกเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันได้กลายเป็นผีผู้ชายในชุดขาว

 

และหน้าตาของมัน ยังเหมือนกับผีชั่วที่มู่หลงเหยียนได้ฆ่าไปก่อนหน้านี้ด้วย

ส่วนแมวดำที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อง “เมี๊ยว” ออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของผีชั่วทันที

หน้าของผีชั่วยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ อุ้มแมวดำเอาไว้ และใช้แววตาที่แสนเยือกเย็นจ้องมองพวกเราสามคน

“เป็น เป็นแบบนี้ได้ยังไง!” อาจารย์ประหลาดใจอย่างยิ่ง ถึงจะเป็นคนแก่อย่างเขาที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นสิ่งนี้ หรือได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

เมื่อกี้เขาเห็นกับตาว่าผีชั่วได้ “วิญญาณแตกสลาย” ไปแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับใช้วิธีนี้มา “เกิดใหม่” ทันใดนั้นอาจารย์ก็รู้สึกถึงความพิศดาลที่สุดขั้ว

 

อาจารย์ยังไม่เข้าใจ ตัวผมจึงแสดงสีหน้าตื่นกลัวออกมา ไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเลยสักนิด

แต่ไม่รอให้พวกเราได้พูดอะไร จู่ๆเจ้าผีชั่วที่ยืนอยู่ที่ถนนก็พูดกับพวกเราสามคน “คิดจะฆ่าฉัน มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ฉันจะปล่อยให้พวกแกมีชีวิตไปก่อน หลังจากนี้สามวัน ฉันจะกลับมาทวงใหม่!”

หลังจากพูดจบ เจ้าผีชั่วก็โบกมือ ทันใดนั้นท่านกลางถนนที่ว่างเปล่าก็มีลมกระโชกพัดเข้ามา จากนั้นร่างของผีชั่วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่อเห็นฉากนี้ ผมก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

แม้ผมจะรู้ และเข้าใจความแปลกประหลาดของโลกใบนี้ แต่ก็รู้อย่างถ่องแท้ว่า วิญญาณที่แตกสลายจะหายไปตลอดกาล

 

แต่เมื่อกี้เจ้าผีชั่วกลับฟื้นกลับมาได้ เรื่องนี้จึงทำให้ผมแปลกใจจริงๆ

จากนั้นผมก็กลืนน้ำลาย “น้องศพ นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ไม่ใช่เพียงแค่ผมที่หันไปมองมู่หลงเหยียนด้วยความสงสัย แม้แต่อาจารย์ก็หันไปมองเธอเหมือนกัน

อยากหาคำตอบจากตัวเธอ

แต่มู่หลงเหยียนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน เมื่อกี้ตอนที่ฉันฆ่ามัน ฉันไม่รู้สึกถึงการแตกสลาย และการจับตัวกันด้วยซ้ำ! สำหรับเรื่องอื่น ฉันก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด”

มู่หลงเหยียนเองก็รู้เรื่องนี้น้อยเช่นกัน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เจ้านี้มีความสามารถ “กลับมาเกิดใหม่” ได้

 

สำหรับเรื่องอื่นๆ ตอนนี้พวกเราเองก็ไม่รู้เช่นกัน

หลังจากมู่หลงเหยียนพูดจบ จู่ๆเธอก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็บ่นพึมพำออกมา แย่แล้ว

จากนั้นก็หันมา รีบพูดกับพวกเราว่า “ภายในสามวันนี้พวกคุณอยู่ในบ้านกันดีๆนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็รีบเรียกฉันเลยนะ!”

หลังจากพูดจบ ไม่รอให้ผมและอาจารย์ได้พูดกลับ

ดูเหมือนมู่หลงเหยียนจะรีบร้อนทำอะไรบางอย่าง เธอจึงรีบพุ่งออกจากบ้านไปทันที

เพียงเดินไปไม่กี่ก้าว ร่างของเธอก็หายไปจากถนนแล้ว……

ศพ

ศพ

โดย เรื่อง ศพ บ้างส่วนของนิยาย ผมชื่อติงฝาน ปีนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์ ตัวผมและอาจารย์ต่างใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนอาจารย์ยังเป็นวัยรุ่นเขาเป็นคนตัดผมให้พระในวัด และเขายังทำหน้าที่เป็นสัปเหร่อประจำวัดด้วย ในปัจจุบันเขาได้เช่าร้านขายของชำในตำบลหนึ่งแหล้ง ขายของจำพวกเทียน กระดาษเงินกระดาษทอง และผ้าห่อศพ เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวันๆ ในช่วงเวลาว่าง ท่านอาจารย์ยังชอบออกไปช่วยดูฮวงจุ้ยให้กับผู้คน บางครั้งก็ทำพิธีกรรมทางศาสนา เกี่ยวกับการเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณน่ะ……. วันนั้นอาจารย์ออกไปช่วยคนประกอบพิธีทางศาสนา แล้วปล่อยให้ผมเฝ้าร้านคนเดียว เวลาล่วงเลยมาประมาณหนึ่งทุ่มตรง อยู่ๆสัปเหร่อหลี่เหลาซานก็รีบพุ่งเข้ามาซื้อของ เนื่องจากผมติดตามอาจารย์มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นผมจึงพอมีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย เมื่อผมเห็นว่าจุดยิ่งถาง(เป็นจุดที่อยู่ระหว่าหัวคิ้วทั้งสอง)ของหลี่เหลาซานดำมืด สีหน้าย่ำแย่ จึงรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที จากนั้นผมจึงถามกับหลี่เหล่าซานว่าเป็นอะไรไป หลี่เหล่าซานก็ไม่ปิดบังอะไร เขาบอกว่ามีคนจมน้ำตาย และตอนนี้เขาก็กำลังรีบไปเก็บศพ เมื่อคิดถึงตอนที่ตัวผมเคยติดตามอาจารย์ตั้งแต่ยังเด็ก แม้ว่าจะได้เรียนวิชาอะไรมามากมาย แต่อาจารย์กลับพาผมไปทำงานด้วยน้อยมาก และยังไม่ยอมให้ผมแตะตัวศพด้วย เมื่อผมเห็นว่าสีหน้าของหลี่เหล่าซานแย่มาก แล้วตอนนี้เขายังต้องไปเก็บศพคนเดียวอีก เขาคงกลัวว่าตัวเองต้องเจอกับเรื่องไม่ค่อยดีแน่ อาจารย์ก็ไม่อยู่ พอดีเลยแอบออกไปดูหน่อยดีกว่า อีกอย่างหลี่เหล่าซานเองก็ยังขาดลูกมือด้วย ดังนั้นผมจึงตามหลี่เหล่าซานไป ถึงแม้ว่าจะไม่เก่งเท่าอาจารย์ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับเรื่องไม่ดี ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยใช้วิชาที่เรียน มาหลบมันก็จบแล้ว ผ่านไปไม่นาน พวกเราก็มาถึงอ่างเก็บน้ำ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่การจมน้ำธรรมดาๆ แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ผู้เสียชีวิตคือสามีภรรยาคู่หนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการตกปลา พวกเขาออกหาปลากันตั้งแต่ตอนเช้า วันนี้พวกเขาหาปลาไหลตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่า ปลาไหลตัวนั้นตัวใหญ่เท่ากับข้อมือ ตัวเหลืองหลังดำ และมันยังยาวเกินกว่าหนึ่งเมตรด้วย ตอนนั้นมีคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า พวกเขาจับมังกรได้ บอกให้ปล่อยมันไปซะ เพราะของสิ่งนี้ฆ่าไม่ได้ และกินก็ไม่ได้ด้วยเช่นกัน แต่สองสามีภรรยานั้นไม่ยอมฟัง บอกว่าของโอชะแบบนี้มันขึ้นอยู่กับโชคชะตา หลังจากนั้นตอนเที่ยงพวกเขาจึงนำปลาไหลตัวนั้นไปทำอาหาร แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตกบ่ายพวกเขาก็ลงเก็บแหที่จมอยู่ในน้ำตามปกติ แต่แล้วตอนนั้นกลับเป็นเวลาที่พวกเขาทั้งคู่พลัดตกลงไปจมน้ำตาย ตอนนี้คนที่อยู่รอบๆต่างลือกันไปทั่ว ว่าสองสามีภรรยานั้นกินมังกรเข้าไป ทำลายฮวงจุ้ย จนทำให้เทพมังกรน้ำโมโห ตอนนี้พวกเขาเลยถูกเก็บ เพื่อให้สมกับกรรมที่พวกเขาก่อ หลังจากที่หลี่เหล่าซานได้ยินคำเล่าลือพวกนี้ เขาก็รู้สึกหวาดกลัว บอกว่าเรื่องมันประหลาดเกินไป พวกเรารีบเก็บ รีบกลับกันเถอะ ผมพยักหน้าและพูดว่า “อือ” จากนั้นก็เดินตามหลี่เหล่าซานไปทางที่ศพอยู่ ศพของสองสามีภรรยาชาวประมงถูกลากขึ้นฝั่งเรียบร้อย ตอนนี้พวกเขาถูกผ้าขาวคลุมไว้ รอบๆศพมีเส้นที่ตำรวจตีวงล้อมไว้ และในสถานที่เกิดเหตุยังมีตำรวจอีกสองสามคนกำลังสอบปากคำอยู่ หลี่เหล่าซานเป็นสัปเหร่อที่คอยเก็บศพ หลังจากแสดงบัตรประจำตัว เขาก็เดินผ่านเข้าไปทันที เมื่อเดินมาถึงศพ ผมรู้สึกแค่ว่าอากาศที่อยู่รอบๆเริ่มหนาวเย็น และกลิ่นเหม็นเน่าก็เริ่มกระจายออกมา ตามปกติแล้วคนที่พึ่งจมน้ำตายในตอนบ่ายนั้น ถ้าดูจากเวลาตอนนี้ยังผ่านไปแค่ครึ่งวันเท่านั้น ตอนนี้อากาศก็ไม่จัดว่าร้อน เวลาแค่ครึ่งวันจะเปลี่ยนกลิ่นให้เน่าเหม็นขนาดนี้ได้ยังไง แต่ผมก็ไม่คิดมาก เมื่อเข้าไปใกล้ตัวผมเองก็ปิดจมูกเอาไว้ แต่ตอนที่ผ้าขาวพึ่งเปิดออก กลิ่นเน่าเหม็นก็กระจายออกมาทันที กลิ่นนั้นรุนแรงมาก จนเกือบทำให้ผมต้องอ้วกออกมาเลยทีเดียว ผมอดกั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ จากนั้นก็มองไปที่ศพ พบว่ารูปร่างของศพกำลังขึ้นอืด บริเวณหลายแหล่งต่างเน่าเป็นที่เรียบร้อย สภาพศพดูเหมือนกับคนที่ตายมาแล้วสี่ถึงห้าวัน พวกเราทั้งสองต่างรู้สึกว่าทนรับกลิ่นเน่าเหม็นนี้ไม่ค่อยไหว พวกเราจึงรีบสวมถุงมือ เตรียมยกขึ้นรถบรรทุกศพ จากนั้นจะได้นำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อ แต่แล้วเมื่อมือของทั้งสองคน สัมผัสกับศพ ดวงตาทั้งสองข้างที่เคยปิดอยู่ ตามสถานการณ์ปกติที่มันควรจะเป็น จู่ๆเปลือกตาก็เปิดออก เผยให้เห็นลูกตาสีขาวโพน เมื่อเห็นเช่นนั้นพวกเขาจึงรู้สึกกลัวมาก เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของผมแทบจะร้องตะโกนออกมาว่า “เชี่ยแล้ว” ท่าไม่ดีแล้ว อาจารย์เคยพูดบ่อยๆ คนเป็นหายใจ คนตายก็ต้องหายใจเฮือกสุดท้ายเช่นกัน เวลาเก็บศพ สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากับพวกศพที่ไม่สงบ และเมื่อสัมผัสกับศพ แล้วพบว่าศพลืมตา ก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรหลีเลี่ยงเช่นกัน เพราะการลืมตา หมายความว่าเขายังต้องการมีชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ลางร้าย แต่มันยังหมายถึงเคราะห์ร้ายมากและเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมาก นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ตายไม่อยากทิ้งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ไปสู่สุขคติ ไม่ยอมจากไปแต่โดยดี ตัวผมนั้นยังถือว่าดี ที่ยังได้เรียนวิชาพวกนั้นมาบ้าง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผมจะรู้วิธีจัดการกับศพที่ตายโหง และปลดปล่อยวิญญาณพวกนี้ แต่ทางด้านหลี่เหล่าซาน เขาพึ่งเคยมีประสบการณ์เป็นสัปเหร่อเพียงครึ่งปีเท่านั้น ดังนั้นวินาทีที่ศพลืมตาขึ้น เขาจึงตกใจจนร้องตะโกนออกมา “เฮ้ย” จากนั้นก็ลนลานจนลงไปนั่งกองกับพื้นทันที ไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขายังพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา “ขยับ ศพมันขยับ!” เมื่อผมเห็นหลี่เหล่าซานเป็นเช่นนั้น ตัวเองจึงรีบส่งสัญญาณให้หลี่เหล่าซานเงียบทันที ดีที่รอบๆตัวไม่มีใครอยู่ ถ้าคนอื่นได้ยินเข้าละก็ จะต้องปล่อยข่าวลือหนักกว่าเดิมแน่ “ลุงซาน ลุงไม่ต้องตกใจ เป็นเพราะสองสามีภรรยาตายอย่างไม่สงบ ผมแค่ทำพิธีส่งวิญญาณให้พวกเขาก็จบแล้วครับ!” หลี่เหล่าซานกลัวจนตัวสั่น ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาเลยพยายามพยักหน้าให้ผมหนึ่งครั้ง ส่วนผม ก็รีบหยิบกระจกแปดทิศที่อาจารย์ชอบใช้ออกมาจากกระเป๋า ไม่อธิบายใดๆทั้งสิ้น หลังจากวางไว้ระหว่างหน้าผากของทั้งสองศพผมก็ตบมันลง ในเวลาเดียวกันผมที่เคยเรียนวิธีการพูดส่งวิญญาณมาจากอาจารย์ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา “ สุดท้ายชีวิตก็ต้องดับสูญ วิญญาณก็ย่อมแตกสลาย! มาจากที่ไหนจงกลับไปที่นั้น! ” ด้วยเสียงที่แผ่วเบา เขาจึงพูดประโยคนั้นสองครั้งติดกัน อย่าได้ดูถูกมันเชียว เพราะวิธีนี้ของอาจารย์มันใช้ได้ผลจริงๆ หลังจากทำพิธีเสร็จ เพียงใช้มือสัมผัสเบาๆ เปลือกตาของศพก็ปิดลงอย่างง่ายดาย เมื่อหลี่เหล่าซานเห็นดวงตาของศพทั้งสองปิดลง มันก็ทำให้ตัวเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาดังนั้นเขาจึงพูดกับผมว่า “เสี่ยวฝาน พวกเขา พวกเขาสงบลงแล้วเหรอ” เมื่อเก็บกระจกเสร็จ ผมก็หันมาพยักหน้าให้ “น่าจะเรียบร้อยแล้วครับลุงซาน แต่สองสามีภรรยาคู่นี้ตายแบบแปลกๆ และพลังด้านมืดของที่นี่ยังแรงมาก ผมคิดว่าพวกเราควรรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่าครับ!” หลี่เหล่าซานเองก็ไม่ได้อยากอยู่ต่อนานแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ เขาจึงรีบพยักหน้ารับทันที ทั้งสองคนยังไม่ลืม ที่จะนำศพทั้งสองขึ้นรถ หลังจากให้สมาชิกครบครัวเซ็นชื่อ และบอกกับตำรวจของที่นี่เรียบร้อย พวกเขาทั้งสองคนก็รีบขับรถออกมาจากที่นี่ทันที หลังจากที่หลี่เหล่าซานออกมาได้ไม่นาน สีหน้าของเขาก็ดูแย่มาก ร่างกายยังคงสั่นกลัว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจกลัวไม่น้อย ผมจึงทั้งขับรถให้เขา และปลอบเขาไปในตัว พวกเราก็ไม่ได้ไปรบกวนใครต่อใคร พยายามทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลี่เหล่าซานกลับหัวเราะแห้งๆออกมา จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะทั้งสองศพนี้เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็นแล้ว ทางครอบครัวก็เซ็นชื่อเรียบร้อย และยังมีเรื่องแปลกๆมากมายด้วย ดังนั้นผมจึงแนะนำ ให้หลี่เหล่าซานเผาทั้งสองศพในคืนนี้ เพราะถ้ายังยื้อเวลาออกไปอาจมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ได้ เมื่อครอบครัวมารับ ลุงก็ให้เถ่ากระดูกกับพวกเขาไปก็เหมือนกัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset