ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 117 ปลูกเส้นชีพจรเสวียน

เยี่ยยวนเห็นอีกฝ่ายไม่ขยับ สีหน้ายิ่งโกรธมากขึ้น จากนั้นจึงเดินตรงมา อวิ๋นเจี่ยวฉงนเล็กน้อย กำลังคิดว่าจะคุยด้วยเหตุผลกับเขาอย่างไรดี  

 

 

“อาจารย์ปู่ ท่าน…”  

 

 

กำลังจะพูดขึ้น กลับเห็นเขานั่งลงพร้อมกับดึงคอเสื้อของนาง ในขณะที่นางยังไม่ทันตอบสนองนั้น ก็ได้ยินเสียงฉีกขาดดังขึ้น ไม่เพียงแต่เสื้อนอก แต่เสื้อด้านในนั้นก็ถูกฉีกขาดไป อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกโล่งบริเวณหน้าอกขึ้นมา ก่อนที่จะมีลมเย็นแผ่ซ่านขึ้นตั้งแต่หน้าท้องยันหน้าอก  

 

 

นางเบิกตาโพลง ใบหน้าเคร่งขรึมของนางก็พังทลายลง มีความรู้สึกเหลือเชื่อและอับอายอย่างมหาศาล ดังนั้นนางจึงยกมือตบเข้าไปที่อีกฝ่ายตามสัญชาตญาณ  

 

 

เพี๊ยะ!  

 

 

เสียงดังชัดเจน ฝ่ามือของนางประทับอยู่บนหน้าอันงดงามของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง  

 

 

หน้าของเยี่ยยวนไม่เป็นอะไร แต่อวิ๋นเจี่ยวกลับได้ยินเสียงกระดูกหักจากข้อมือของตนเองอย่างชัดเจน  

 

 

เยี่ยยวน “…”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

เฮ้ย!  

 

 

อาจเป็นเพราะข้อมือของนางหักอย่างอนาถ จึงทำให้เยี่ยยวนเบี่ยงเบนความสนใจได้สำเร็จ ดังนั้นมือที่จับเสื้อของนางอยู่นั้นปล่อยออก ก่อนจะกุมเข้ากับข้อมือของนางแทน ถึงแม้จะได้รับการถลึงตาของอวิ๋นเจี่ยว ใบหน้าของเขาก็ไร้ความสำนึกผิด แต่กลับต่อข้อมือของนางกลับไป พร้อมกับสั่งสอนอย่างจริงจัง “ขยับอะไร! หากเสียดายชุด ข้าชดใช้ให้เจ้าก็ได้” พูดจบก็ยัดชุดหนึ่งมาให้นาง เพียงแต่ว่ามันเป็นชุดผู้ชาย อีกทั้งเหมือนกับที่สวมอยู่บนตัวเขา  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

w(゚Д゚)w  

 

 

ประเด็นของเรื่องคือเสื้อผ้า? อย่าคิดว่าตัวเองหน้าตาดี อาวุโสกว่า ข้าจะไม่กล้าต่อยนะ!  

 

 

แต่ว่าสายตาของอีกฝ่ายกลับไม่มีความปรารถนาแม้แต่น้อย ไม่มีท่าทีเหมือนกับกำลังจะลวนลาม   

 

 

อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งทีถึงจะข่มอารมณ์ภายในจิตใจได้  

 

 

ใจเย็นๆ เขาเป็นพี่สาวน้องสาว คงจะไม่เข้าใจความแตกต่างของชายหญิง นางจึงทำได้เพียงมือหนึ่งจับชุดนั้นมาบังไว้ตรงหน้า ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น “อาจารย์ปู่ ท่านทำเช่นนี้…ไม่เหมาะสม!” ถอดเสื้อผ้าคนอื่นเช่นนี้ได้ยังไง  

 

 

เขาที่กำลังรักษามือของนางอยู่นั้นชะงักไป สีหน้าดำทะมึน ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย “ไม่เหมาะสมอย่างไร”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมตามแบบฉบับของตนเอง “ตรงไหนก็ไม่เหมาะสม!”  

 

 

“เหลวไหล!” พลังเย็นบนร่างกายของเขาเริ่มแผ่ออกมาอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง เขาจ้องมองนางโดยตรง ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าว่าเหมาะสมก็เหมาะสม ไม่มีใครเหมาะสมกว่าข้า เจ้ามีพรสวรรค์ที่ดี อย่างอื่นสำหรับเจ้าก็เป็นเพียงขยะ”  

 

 

“เอ๊ะ? ไม่ใช่ อาจารย์ปู่…” เรื่องที่พวกเขาพูดคือเรื่องเดียวกันไหม  

 

 

“ไม่ต้องพูดอีก!” เขากลับพูดขัดขึ้น “เจ้าเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักข้าแล้วก็ต้องฟังข้า! วันนี้เจ้าต้องปลูกเส้นชีพจรเสวียน!”  

 

 

“เส้นชีพจรเสวียน?!” อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ก่อนจะเข้าใจว่าเขาพูดอะไร “อาจารย์ปู่เมื่อกี้…คิดจะปลูกเส้นชีพจรเสวียนให้ข้า?”  

 

 

เขาขมวดคิ้วมุ่น บนใบหน้ายังคงหลงเหลือความโกรธ ก่อนจะพูดเสียงเย็น “ไม่ได้หรือ”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวผงะไป เฮ้ย ท่านบอกแต่แรกสิว่าจะปลูกเส้นชีพจรเสวียน มาถึงก็ถอดเสื้อใครจะไปรู้ว่าจะทำอะไร แต่ก่อนตอนสั่งอาหารพูดเก่งนัก แม้แต่ระดับความสุกของสเต็กยังรู้จักบอกก่อน พอมาถึงเรื่องนี้ทำไมถึงลงมือเลย  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหนื่อยหน่าย ก่อนที่จะนึกอะไรบางอย่างได้  

 

 

เดี๋ยว!  

 

 

เมื่อกี้อาจารย์ปู่เหมือนจะบอกว่า…  

 

 

“ท่าน…จะปลูกเส้นชีพจรเสวียนของท่านให้ข้า!” นางอุทานออกมา ไม่จริงใช่ไหม  

 

 

“อืม” เยี่ยยวนตอบรับ พร้อมทำสีหน้าราวกับ อย่างไรข้าก็ไม่ได้ใช้ เจ้าเอาไปเล่นได้ จากนั้นหันไปมองท้องฟ้าด้านนอก พร้อมกับเร่งเร้า “เที่ยงวันแล้ว เวลากำลังดี”  

 

 

ทันใดนั้นในมือของเขาราวกับกำลังจับอะไรบางอย่างอยู่ แต่นางไม่สามารถมองเห็นได้ อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกว่าที่เขากำลังถืออยู่คือเส้นชีพจรเสวียน เส้นชีพจรเสวียนของอาจารย์ปู่เป็นแบบโปร่งใส!  

 

 

นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย เยี่ยยวนกลับพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อย่ายืดเยื้อ มาเริ่มกันเถอะ!” พูดจบก็ดึงเสื้อผ้าที่ปกปิดของนางออก ก่อนจะยื่นมือแตะเข้าที่บริเวณหน้าอกของนาง นางยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็รู้สึกถึงมีอะไรบางอย่างมุดเข้าไปในร่างกาย  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก้มลงมองมือบริเวณหน้าอก จากนั้นเงยหน้ามองคนที่มีสีหน้าจริงจัง นี่นางนอกจากถูกฉีกเสื้อผ้าแล้ว ยังถูกจับนมอีกเหรอ? มูลค่าการเข้าเสวียนเหมินมหาศาลขนาดนี้เชียว?  

 

 

เยี่ยยวนก็ผงะไป เดิมทีเพียงแค่นำเส้นชีพจรเสวียนของตนเองฝังเข้าร่างกายของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เนื้อสัมผัสภายใต้ฝ่ามือช่างนุ่มนิ่ม ทำให้ฝ่ามือของเขานั้นจมลึกลงไป มันแตกต่างจากร่างกายของเหล่าศิษย์โง่ของเขาโดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างส่งมาจากฝ่ามือไปยังหัวใจ ทำให้หัวใจของตนนั้นอ่อนระทวย อีกทั้งมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างผุดขึ้น รู้สึกติ่งหูร้อนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ และดูท่าว่ากำลังคืบคลานไปบนใบหน้า ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ เป็นเพราะว่าขาดเส้นชีพจรเสวียนหรือ  

 

 

แต่สักพักทั้งสองคนก็ไม่มีจิตใจที่จะคิดต่อ ตามการเข้าร่างของเส้นชีพจรเสวียน อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างมาก ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังกรีดเลือดเนื้อของตนเองออกทีละนิด อวิ๋นเจี่ยวอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา  

 

 

“โอ๊ะ…เจ็บ…” เดิมทีนางนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นอยู่แล้ว แต่เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวด ทำให้นางนั่งไม่ได้แม้แต่น้อย จากนั้นคนทั้งคนล้มลงไปด้านหน้าโดยตรง  

 

 

“ศิษย์หลาน?!” เยี่ยยวนผงะ ก่อนจะอุ้มคนตรงหน้าเอาไว้ สีหน้าของอวิ๋นเจี่ยวเจ็บปวดอย่างมาก เหงื่อไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทุกวินาทีราวกับมีดคมกรีด นางไม่สนใจว่าคนตรงหน้าจะเป็นใคร นางจิกมือลงบนตัวของอีกฝ่าย คิดจะโยกย้ายความเจ็บปวด  

 

 

เจ็บ เจ็บ…เจ็บมาก! เจ็บกว่าผ่าตัดเปิดสมองโดยไม่ฉีดยาชาเสียอีก!  

 

 

เยี่ยยวนครุ่นคิดอยู่สักพักถึงเข้าใจ ถึงแม้การปลูกเส้นชีพจรเสวียนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เส้นนี้เป็นของเขาเอง ถึงศิษย์หลานจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่นางก็ยังเป็นคนธรรมดา หากรับไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ ทันใดนั้นเขารู้สึกเสียใจที่รีบร้อนมากเกินไป เมื่อเห็นศิษย์หลานเจ็บปวดจนเริ่มกัดคนแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ข้อมือของนางหักอีก หรือกัดจนฟันหัก เขาจึงท่องคาถาหนึ่งให้นางสลบไป จากนั้นยื่นนิ้วไปแตะไว้บนหว่างคิ้วของนาง ใช้พลังเทพในการจัดเรียงชีพจรให้ ทำให้เส้นชีพจรเสวียนที่เข้าไปในร่างของนางเมื่อครู่สงบลง  

 

 

เขาจัดเรียงอยู่สิบกว่าครั้ง ถึงจะทำให้เส้นชีพจรเสวียนของตนนั้นสงบลงมา ก่อนจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอวิ๋นเจี่ยว เขามองไปยังคนในอ้อมกอด อาจเป็นเพราะเส้นชีพจรเสวียนของตนเองที่ทำให้บนตัวของศิษย์หลานมีกลิ่นอายความเฉยเมยเหมือนกับตัวเขา อีกทั้งใบหน้าเล็กที่ปกติเคร่งขรึมอยู่แล้วนั้น กลับเคร่งขรึมกว่าเดิมเสียอีก  

 

 

เยี่ยยวนรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างประหลาด สายตาของเขามองต่ำลง เสื้อผ้าที่ถูกเขาฉีกขาดนั้น ผ่านการขยับ ทำให้ผ้าบริเวณหน้าอกเปิดกว้างมากกว่าเดิมอีก ผิวกายขาวราวหิมะอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขานึกถึงเนื้อสัมผัสนุ่มนิ่มเมื่อกี้นี้ พยายามอดทนไม่ยื่นมือออกไปจับ เพราะรู้สึกว่าหากทำเช่นนั้นจะมีบางอย่างแปลกประหลาด  

 

 

ดังนั้นจึงหยิบเสื้อผ้าที่เขามอบให้นางเมื่อกี้ คิดจะเปลี่ยนให้นาง แต่ในมือนั้นกลับอุ้มคนเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็สวมไม่ได้ อีกทั้งชุดนี้ไม่เหมือนกับชุดทั่วไป ถึงแม้จะถักทอมาจากแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมีพลังของเขาติดอยู่ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่ออวิ๋นเจี่ยวในตอนนี้  

 

 

เขาลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะส่งเสียงเรียกศิษย์ด้านล่าง  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset