ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 144 ขั้นตอนการสอบ

“หากท่านชวีฉิวหมิงยินดี ท่านสามารถพักอยู่ในสำนักเทียนซือ ท่านสามารถเลือกจวนในสำนักได้ อีกทั้งสมุนไพรต่างๆ ท่านก็สามารถนำไปใช้ได้ พวกข้าจะให้ความร่วมมือกับท่านอย่างเต็มที่” ให้ความร่วมมือในการสอนของท่านอย่างเต็มที่ “สหายมีความเห็นอย่างไร”

“ไม่ได้!” ชวีฉิวหมิงเขายังไม่ทันได้ตอบ หญิงสาวที่หลบอยู่ด้านหลังเขากลับพูดคัดค้านขึ้นมาทันที ก่อนจะมองไปยังด้วยสายตาน่าสงสาร “พี่หมิง พี่รับปากข้า รอจนขึ้นทะเบียนเสร็จท่านจะกลับบ้านกับข้า! จะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร ข้าไม่สน! พี่อย่าหลงเชื่อคำพูดของนักพรตจมูกวัวเหล่านี้”

สวีชิงเฟิง:”…”

“เตี๊ยเอ๋อ อย่าเสียมารยาท” ชวีฉิวหมิงปรามหญิงสาวเสียงเบา แต่ในน้ำเสียงกลับไม่มีทีท่าตำหนิติเตือน สีหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดู

เจ้าสำนักสวีผงะ ขมวดคิ้วมองไปยังหญิงสาวหน้าทะเล้น “ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”

“ขออภัยสหาย” ชวีฉิวหมิงมองไปยังหญิงสาว ก่อนจะตอบคำถาม “นางชื่อฉ่ายเตี๊ย นางถูกพลังวิญญาณรุกรานเมื่อตอนเกิดเรื่องที่เมืองเถียนฟาง ข้าได้ช่วยนางเอาไว้ เห็นนางตัวคนเดียวจึงรับมาเป็นน้องสาว นางอายุยังน้อย สหายทุกท่านได้โปรดอย่าถือสา”

“ข้าอายุไม่น้อยเสียหน่อย!” หญิงสาวรีบพูดขัด ก่อนจะกอดแขนของชวีฉิวหมิงออดอ้อน “พวกเขาอยากจะแย่งพี่ไปจากข้า พี่หมิงอย่าทิ้งเตี๊ยเอ๋อไว้คนเดียวได้หรือไม่”

“ได้ๆๆ” ชวีฉิวหมิงถอนหายใจยาว ราวกับคุ้นชินกับเหตุการณ์ เขาเอื้อมไปกอดอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ความรักในสายตาแทบจะล้นออกมา “เจ้าวางใจเถอะ เจ้าเป็นน้องสาวของข้า ข้าไม่ทิ้งเจ้าไปแน่”

“อืม” หญิงสาวถึงพุ่งเข้าใส่อ้อมกอดอีกฝ่ายอย่างพึงพอใจ

ทุกคนที่มุงดูทั้งสองพลอดรักต่อหน้า: “…”

ใครมาขึ้นทะเบียนแล้วพาน้องสาวมาด้วย อีกทั้ง…ดูท่าทางไม่เหมือนพี่น้องอีก พวกเขาแก่แล้วจริงๆ เดินตามฝีเท้าคนรุ่นหลังไม่ทันแล้ว

ทุกคนหันหน้าไปมองคนรุ่นหลังทางขวา พบว่าสายตาของอวิ๋นเจี่ยวตกอยู่บนตัวคนทั้งสอง จ้องมองอย่างเปิดเผย ไม่มีท่าทีว่าจะหลบหลีก อีกทั้งยังทำท่าราวกับครุ่นคิด

อืม…พวกเขาแก่แล้วจริงๆ!

“ท่านสหาย…” ชวีฉิวหมิงตั้งสติได้ ก่อนจะตอบคำถามขึ้นอีกครั้ง “ถึงแม้ข้าจะมีใจอยากช่วยสำนักเทียนซือ แต่ข้าคงไม่อาจอาศัยอยู่ที่นี่ได้ ข้าได้ยินว่าสำนักเทียนซือมีท่านผู้อาวุโสเค่อชิน ไม่จำเป็นต้องประจำอยู่ในสำนัก หากมีจริงข้าสามารถลองควบคุมหมอรักษาพลังลมปราณภายในสำนักได้”

เจ้าสำนักสวีขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกแปลกประหลาด ยังไม่พูดว่าวิชาทางการรักษาของชวีฉิวหมิงเป็นอย่างไร แต่ฟังจากน้ำเสียงนี้ ราวกับว่าเขามาเป็นท่านอาวุโสจะดูถูกเขาเกินไป เค่อชินเพียงหนึ่งเดียวของสำนักเทียนซือคืออวิ๋นเจี่ยว แต่ความสามารถของนางสมกับฐานะที่ได้

เหล่าเจ้าสำนักภายในตำหนักต่างมีความคิดเดียวกัน ชวีฉิวหมิงถึงแม้จะเป็นไปได้ว่ามีวิชาเก่งกาจ แต่ท่าทางของเขาหยิ่งยโสไปหน่อยหรือไม่ เขายังไม่ผ่านการทดสอบ แต่กลับหารือเรื่องท่านอาวุโสขึ้นมาแล้ว

แต่เมื่อคิดว่าเสวียนเหมินมีความต้องการหมอรักษาพลังลมปราณจริง เจ้าสำนักสวีก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพียงแค่พูดตักเตือน “แน่นอน แค่ท่านผ่านการทดสอบหมอรักษาพลังลมปราณที่พวกข้าจัดเตรียมเอาไว้ เรื่องเหล่านี้พวกเราสามารถมาหารือกันได้ภายหลัง”

“ทดสอบ?” ชวีฉิวหมิงผงะไป ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายพูดเอาไว้ว่าหลังจากการทดสอบ ค่อยตัดสินใจเรื่องตำแหน่งท่านอาวุโส

“วิชาของสหายชวี พวกเรายังไม่เคยเห็นมาก่อน วันนี้เป็นวันขึ้นทะเบียนพอดี เป็นการเหมาะในทำการทดสอบ” เจ้าสำนักสวีอธิบาย

ชวีฉิวหมิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ กลับเป็นหญิงสาวนามฉ่ายเตี๋ยถลึงตาใส่ทุกคนอย่ามองไม่พอใจ พร้อมกับพูดอย่างโกรธเคือง “พวกท่านไม่เชื่อวิชาของ พี่หมิงหรือ?!” พูดจบก็ทำท่าจะพุ่งออกมา “ทำไมถึงทำเช่นนี้ พวกท่าน…”

“ช่างเถอะฉ่ายเตี๋ย” ชวีฉิวหมิงรั้งคนข้างหลังเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยความมั่นใจ “แค่เพียงบททดสอบ ไม่ว่าคนป่วยแบบไหน ข้าก็สามารถรักษาให้หายได้ทั้งนั้น!”

ฉ่ายเตี๋ยถึงได้อดกลั้นเอาไว้ พร้อมกับกระทืบเท้าส่งเสียงในลำคอ “ฮึ พวกไม่รู้ประสา บังอาจไม่เชื่อฝีมือของพี่หมิง! เขาเก่งอย่างมาก คนตายยังช่วยให้ฟื้นได้ พวกท่านอย่าตกใจไปแล้วกัน!”

เจ้าสำนักสวีถูกตอกกลับจนงุนงง สองคนนี้เป็นอะไรกัน ตอนแรกเขาก็พูดแล้วว่าต้องทดสอบ อีกทั้งวันนี้พวกเขาก็มาเพื่อทดสอบไม่ใช่หรือ ทำไมทำตัวเหมือนโดนดูถูก พวกเขาเกิดมาจากที่ไหนเนี่ย

เขาสบตากับเหล่าเจ้าสำนักที่ฉงนเหมือนกัน ทันใดนั้นรู้สึกสงสัยในการตัดสินใจของตนเอง แต่ในฐานะเจ้าสำนัก เขาก็ข่มความไม่พอใจลงไป หันไปแนะนำอวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ท่านนี้คืออาจารย์อวิ๋น เป็นหมอรักษาพลังลมปราณที่มีฝีมือเก่งกาจ พวกข้าจะให้นางเป็นคนออกข้อสอบ”

“หมอรักษาพลังลมปราณ!” ชวีฉิวหมิงตะลึง มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวที่ไม่ออกเสียง ไม่รู้ว่านึกไปถึงอะไร ในดวงตาของเขามีบ่างอย่างแล่นผ่านไป ก่อนจะมองพินิจอีกฝ่ายยาวนาน

ฉ่ายเตี๋ยขมวดคิ้วขึ้นมาทันที กวาดตามองไปยังอวิ๋นเจี่ยว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “เจ้าก็เป็นหมอรักษาพลังลมปราณหรือ ฮึ! หน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ ไม่มีทางเก่งกว่าพี่หมิงอย่างแน่นอน”

อวิ๋นเจี่ยวผงะ ยังไม่ทันตอบโต้อะไร ชายแก่ที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับลุกพรวดขึ้น พร้อมทั้งเหล่าท่านอาวุโสและเจ้าสำนักภายในตำหนัก ก่อนจะออกเสียงห้ามปราม!

“เจ้าว่าอย่างไร?!”

“แม่หญิงระวังคำพูด!”

ฉ่ายเตี๋ยตกใจที่ทุกคนลุกพรวดขึ้น แม้แต่ชวีฉิวหมิงก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย

ทั้งสองคนไม่คิดว่าเหล่าคนที่ทำหน้าตาใจดีนั้น กลับพลิกเป็นคนละคนเช่นนี้ แม้แต่เจ้าสำนักสวีก็มีสีหน้าไม่พอใจ

ชวีฉิวหมิงจึงทำได้เพียงอธิบาย “ฉ่ายเตี๋ยอายุยังน้อย ไม่รู้ประสา ขออภัยท่านสหายทั้งหลายด้วย”

โชคร้ายที่ความโกรธของทุกคนยังไม่เบาลง หากไม่รู้ประสากับพวกเขาไม่เป็นอะไร แต่กับอาจารย์อวิ๋นนั้นไม่ได้!

หากนางไม่พอใจขึ้นมา เพิ่มการบ้านอีกจะทำอย่างไร

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

เห็นสถานการณ์กำลังจะตึงเครียดขึ้นมา อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ ก่อนจะออกเสียง “ทดสอบไม่ใช่หรือ เริ่มเลยเถอะ”

ทุกคนตั้งสติได้ ก่อนจะนั่งลงไปช้าๆ ส่วนฉ่ายเตี๋ยหลบอยู่ด้านหลังของชวีฉิวหมิง ไม่กล้าออกมา

ชวีฉิวหมิงรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวอย่างไม่พอใจ “เช่นนั้นรีบพาข้าไปดูคนป่วยเถอะ!” เขาตัดสินใจว่าจะต้องให้เทียนซือที่ดูถูกเขาเหล่านี้เห็นถึงฝีมือของตนเองให้ได้

“เรื่องนี้ยังไม่รีบ” อวิ๋นเจี่ยวไม่มีท่าทีว่าจะขยับร่างกาย แต่กลับพูดขึ้นอย่างจริงจัง “เข้ามาขึ้นทะเบียนไม่ใช่หรือ เรื่องต่างๆ ต้องมีขั้นตอน พวกเราเริ่มจากบททดสอบแรกก่อน”

พูดจบ เธอก็หยิบกระดาษข้อสอบสี่เหลี่ยมออกมาจากถุงข้างตัว ก่อนจะกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง “เริ่มได้ หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้เก็บข้อสอบ!”

ชายแก่: “…”

เจ้าสำนักสวี: “…”

เหล่าเจ้าสำนัก: “…”

รู้สึกเหมือนเห็นฝันร้าย!

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset