ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 28 อาการประหลาดของปรมาจารย์

“สลายแรงอาฆาต?” เยี่ยยวนกวาดตามองไป๋อวี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้านั้นแสดงสีหน้าราวกับจะบอกว่า คำถามเล็กน้อยเช่นนี้เจ้ายังมีหน้ามาถามข้า  

 

 

“อาจารย์ปู่…” ไป๋อวี้ในใจช่างขมขื่น แต่ก็ต้องกัดฟันอธิบายต่อ “ผีสาวที่นามว่าแม่ซู่เหนียงยังไม่ถูกกลืนกินสติไปจนหมดสิ้น นางแค่ถูกความโกรธแค้นครอบงำถึงไม่อาจเข้าสู่ยมโลกได้” หากสลายแรงอาฆาตนั้นได้ ผีสาวก็จะได้สติกลับคืน ความแค้นต่อตัวเขาและเจ้าหนูก็จะสลายไปด้วย อย่างนี้นางก็จะสามารถค้นพบเส้นทางสู่ยมโลก และพวกเขาก็ไม่ต้องเปิดประตูยมโลกอีกรอบ  

 

 

ไป๋อวี้คิดในใจอย่างดี แต่เสียดายที่คนบางคนไม่ร่วมมือ  

 

 

“ไม่ทำ!” เยี่ยยวนปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว  

 

 

เอ๋!  

 

 

“ทำไมล่ะ” ตอนให้ยันต์ก็ให้มาแบบง่ายๆ นะ!  

 

 

เยี่ยยวนขมวดคิ้ว รำคาญในความโง่ของไป๋อวี้ถึงได้ตอบ “นั่นเป็นผีสาว”  

 

 

ไป๋อวี้ตะลึง เห็นได้ชัดว่าฟังไม่เข้าใจ “แล้ว…” แรงอาฆาตของผีสาวมีอะไรพิเศษเหรอ  

 

 

เยี่ยยวนยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น ราวกับนึกอะไรได้ ก่อนจะถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธเคือง พร้อมเอ่ยด้วยเสียงเย็น “ซื่อบื้อยิ่งนัก! ศิษย์ของชิงหยางแย่ลงทุกรุ่นๆ ” บนใบหน้านั้นเขียนเต็มไปด้วย ทางแห่งเต๋าที่พวกเจ้าฝึกฝนมันไปไหนหมดแล้ว ไม่เพียงแต่ไป๋อวี้ ยังรวมไปถึงศิษย์ของชิงหยางนับหลายร้อยรุ่นล้วนถูกสั่งสอน  

 

 

“…” ไป๋อวี้งงงวย เขาทำอะไร อาจารย์ช่วยบอกให้แน่ชัดทีสิ!  

 

 

“อาจารย์…” ไป๋อวี้ยังอยากจะถามต่อ แต่กลับถูกอวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่ด้านข้างผลักออก  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวกำลังจะเดินหน้าขึ้นไป แต่อาจารย์ปู่ที่เมื่อกี้ยังกำลังพูดต่อว่าชายแก่ด้วยความรังเกียจอยู่นั้นกลับตัวแข็งทื่อ ถอยหลังออกไป ท่าทางราวกับพร้อมที่จะหลบเข้าไปในป้ายบูชาทุกเมื่อ  

 

 

“…”  

 

 

นางจึงทำได้เพียงชะงักฝีเท้า ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ปู่ ผีสาวตัวนี้มีความแค้นต่อพวกข้าอย่างมาก เมื่อไม่นานมานี้นางเพิ่งได้แก้แค้น ทำให้เปื้อนด้วยแรงอาฆาต พวกข้าได้ผูกความแค้นกับนางตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ตอนนี้สติของผีสาวนี้ถูกกลืนกินจนใกล้จะหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงแต่สัญชาตญาณ ดังนั้นถึงได้ถือเอาพวกข้าเป็นศัตรูสุดท้ายของนาง”  

 

 

นี่เป็นเหตุผลที่ผีสาวตามรังควานพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนแรกระหว่างพวกเขาไม่ได้มีความแค้นมากมายนัก เพียงแต่เวลาที่พวกเขาปรากฏตัวเป็นเวลาที่นางกำลังจะแก้แค้น ถึงแม้ตอนนั้นนางจะมีความโกรธแค้นพวกเขาเพียงแค่เศษเสี้ยว แต่เมื่อได้รับผลกระทบจากแรงอาฆาต เศษเสี้ยวแห่งความโกรธแค้นนั้นก็จะถูกขยายใหญ่เป็นร้อยเท่า ดังนั้นถึงต้องการให้พวกเขาตายให้ได้  

 

 

“หากไม่ส่งวิญญาณของนางให้ทันเวลาจะอันตรายเป็นอย่างมาก” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยต่อ “ถึงแม้พวกข้าจะมีอาจารย์ปู่คอยดูแล แต่พวกข้าไม่อาจอยู่ในอารามได้ตลอด ต้องมีวันที่ออกไปข้างนอกบ้าง เช่นกลางวันวันนี้ เดิมทีพวกข้าคิดว่าจะออกไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหาร เช่นต้มน้ำแกงไก่”  

 

 

น้ำแกงไก่!  

 

 

(⊙▽⊙)  

 

 

ไป๋อวี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาจะวาวโรจน์ขึ้นมา สีหน้าแสดงถึงความลังเล แต่สักพักก็หันหน้ากลับมา ราวกับต้องการจะแสดงให้เห็นว่าอย่ามาซื้อข้าด้วยน้ำแกงไก่ “เหลวไหล! นี่เป็นกฎของสำนักชิงหยาง ข้าบอกว่าช่วยไม่ได้ก็คือช่วยไม่ได้” เขาไม่ใช่คนที่จะละทิ้งหลักการเพราะน้ำแกงไก่นะ  

 

 

“พรุ่งนี้ก็มีนะ!” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยเสริม  

 

 

เยี่ยยวนกำมือข้างตัวแน่น คิ้วเข้มขมวดหนักขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็น “พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเจ้าออกไปเถอะ”  

 

 

“มะรืนก็มี!” อวิ๋นเจี่ยวยังคงเอ่ย  

 

 

“…” ไม่ได้ ต้องอดทนไว้!  

 

 

“หนึ่งอาทิตย์…ก็คือมีทั้งเจ็ดวัน ไม่ได้ก็ไม่มี”  

 

 

เยี่ยยวนหันควับมาทันที จ้องไปยังไป๋อวี้ตรงๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง “ผีสาวอยู่ไหน”  

 

 

ไป๋อวี้ “…”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

เห็นทั้งสองคนไม่ตอบ เยี่ยยวนจึงลงมือเอง เขาโบกมือขึ้นหนึ่งที ยันต์เก็บวิญญาณบนตัวไป๋อวี้ก็ลอยออกมา ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรลงไป เห็นเพียงแต่วิญญาณของแม่ซู่เหนียงปรากฎต่อหน้าทั้งสามคนในทันที นางยังคงอยู่ในชุดแดงทั้งตัว สภาพน่าหวาดกลัว กำลังดิ้นรนราวกับอยากหลุดออกจากการควบคุมของยันต์  

 

 

เยี่ยยวนเพียงแค่ยื่นนิ้วไปแตะบนหน้าผากของผีสาวหนึ่งที ทันใดนั้นพลังอาฆาตที่ปกคลุมอยู่รอบตัวของผีสาวสลายหายไปจนหมดสิ้น เดิมที่สภาพน่าหวาดกลัวนั้นก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ราวกับเครื่องสำอางถูกล้างออกไป ใบหน้าที่เดิมไม่สมบูรณ์นั้นกลับเริ่มมีเนื้องอกกลับมา ชุดแดงที่ย้อมไปด้วยเลือดนั้นกลับกลายเป็นชุดขาว  

 

 

ไม่ถึงสามอึดใจ อีกฝ่ายจากสภาพของผีร้ายก็กลายเป็นหญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าที่หน้าตาสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน อยู่ในชุดขาว บนชุดนั้นปักด้วยดอกไม้สีขาวที่ดูเรียบง่าย ดูแล้วเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยนเป็นมิตร  

 

 

สติของนางก็เริ่มกลับมา สายตายังคงเต็มไปด้วยความสับสนราวกับเพิ่งตื่นขึ้นมาจากฝัน ยื่นมือสัมผัสไปที่หัวของตัวเอง “ข้า…นี่ข้าเป็น…” นางอึ้งไปสักพัก ราวกับลืมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้  

 

 

“พลังอาฆาตของผีสาวสลายหายไปแล้ว!” ไป๋อวี้อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาด้วยความตกใจ พูดจบยังไม่ลืมที่จะพูดประจบ “สมแล้วที่เป็นอาจารย์ปู่! สลายได้เร็วเช่นนี้”  

 

 

“พลังอาฆาต…” แม่ซู่เหนียงยังคงฉงน ได้ยินคำพูดของไป๋อวี้จึงเงยหน้าขึ้นมามอง และเห็นเยี่ยยวนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพอดี  

 

 

ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของนางชะงักลง ราวกับเห็นสิ่งที่น่าตกตะลึง ตาเบิกโต จ้องมองคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่ละสายตา แววตาที่เดิมมีความชัดเจนขึ้นมาราวกับกำลังจะตกลงไปสู่ความหลงใหลอีกรอบ อีกทั้งบนใบหน้าซีดเผือดของนางนั้นก็ปรากฎสีแดงระเรื่อแปลกประหลาดขึ้นมา ปากกระตุกเล็กน้อย ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนที่แตกต่างจากตอนเป็นผีร้ายโดยสิ้นเชิงเอ่ยปากพูด “ท่าน ท่านช่วย…”  

 

 

“เจ้าไปได้แล้ว!” เยี่ยยวนขมวดคิ้ว ก่อนที่ใบหน้ามีสีความรำคาญแวบผ่านไป ไม่รอนางพูดจบก็โบกมือหนึ่งที เรียกประตูยมโลกออกมาด้วยความคล่องแคล่ว  

 

 

“ไม่! ท่าน ข้ายังไม่…” ผีสาวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ไม่ ข้าไม่อยากไปเกิดแล้ว…” นางราวกับจะยื่นมือมาจับเยี่ยยวน แต่กลับถูกอุโมงค์สีดำด้านหลังดูดเข้าไป ดิ้นรนอยากจะปีนป่ายออกมาจากปากอุโมงค์ แต่เสียดายที่ไม่ทันการ อุโมงค์สีดำนั้น พรึบ! ปิดลงเสียแล้ว ผีสาวทำได้เพียงพูดทิ้งท้าย “ขอร้องท่าน ข้ายอม…” และหายไปจากสายตาในที่สุด สุดท้ายก็ยังพูดไม่จบอยู่ดี  

 

 

เยี่ยยวนจัดการอย่างรวดเร็ว ยังไม่ถึงครึ่งนาทีก็จัดการปัญหาของผีสาวเรียบร้อย ราวกับเตรียมการมาไว้อยู่แล้วอย่างนั้น ไม่เพียงแต่สลายพลังอาฆาตของผีสาว ยังซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง โยนผีสาวเข้ายมโลกให้ด้วย  

 

 

จัดการเสร็จยังจ้องไปยังบริเวณที่ผีสาวเคยยืนด้วยคิ้วที่ขมวด สีหน้าไม่พอใจก่อนจะถอยหลังออกไปครึ่งก้าว คิดไปคิดมาวาดยันต์ชักนำขึ้นมาหนึ่งอัน ก่อนจะล้างพื้นทั้งชั้นไปหนึ่งรอบ รังเกียจแบบไม่มีอะไรปิดบัง ราวกับผีสาวเมื่อกี้เป็นเชื้อโรคอะไรบางอย่าง  

 

 

ทั้งสองคนยังไม่ทันดึงสติกลับมา เยี่ยยวนก็เงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมเอ่ยเตือนด้วยความจริงจัง “พวกเจ้าลงจากเขาได้แล้ว!” น้ำแกงไก่ที่พูดไว้ ห้ามขาดแม้แต่นิดเดียว!  

 

 

o(︶︿︶)o  

 

 

พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อหนึ่งทีไล่พวกเขาทั้งสองลงจากเจดีย์  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว และ ไป๋อวี้ “…”  

 

 

หันหลังกลับไปมองประตูเจดีย์ที่ปิดลงอีกครั้ง การคาดเดาของอวิ๋นเจี่ยวก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมา คิดย้อนไปถึงบางคนที่ทำท่าทางรังเกียจผีสาว บวกกับสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อนางเมื่อหลายวันมานี้ อีกทั้งยังมีที่ชายแก่พูดว่าศิษย์ของชิงหยางร้อยรุ่นมานี้ไม่มีผู้หญิง ดังนั้น  

 

 

อาจารย์ปู่ของนางคงไม่เป็น…เกย์?!  

 

 

(⊙_⊙)  

 

 

****  

 

 

ฮัดชิ่ว!  

 

 

บนยอดเจดีย์ คนบางคนที่ไม่เคยป่วยมาหลายหมื่นปี อดไม่ได้ที่จะจามออกมา  

 

 

อะไรกัน  

 

 

อืม ต้องเป็นเพราะผีสาวลอบทำร้ายเขาเป็นแน่  

 

 

ศิษย์โง่ทั้งหลายพูดไม่มีผิด หญิงสาวอะไรนี่น่ากลัวเสียจริง ยากเกินที่จะป้องกันได้!  

 

 

แต่ว่า…  

 

 

ศิษย์หลานตัวน้อย ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นเท่าไหร่  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset