ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 34 นายน้อยป่วยหนัก

ท่านเซ่าสีหน้าดีใจ รีบเอ่ยคำขอบคุณ หูฝูกวาดตามองทุกคนอย่างได้ใจ เดินขึ้นหน้าคนแรก สังเกตอาการของเซ่าเซี่ยนที่อยู่บนเตียงอย่างละเอียด เห็นเพียงแต่รอบตัวของอีกฝ่ายถูกล้อมรอบด้วยพลังชั่วร้าย เห็นดังนั้นเขาจึงควักยันต์ขับไล่ออกมาพร้อมท่องคาถา ไม่นานนักภายในห้องเกิดลมร้อนขึ้น ทำให้อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่กลับไม่ถึงสามวิก็สลายหายไป  

 

 

“เอ๊ะ?!” หูฝูตะลึง มองไปยังเซี่ยนเซ่าที่ยังคงอ่อนแอ สีหน้าของอีกฝ่ายไม่มีการเปลี่ยนแปลง พลังชั่วร้ายรอบตัวก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่นิดเดียว “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้” ตามหลักแล้วยันต์ขับไล่นี้สามารถกำจัดพลังชั่วร้ายบนร่างกายของอีกฝ่ายได้ ทำให้อีกฝ่ายฟื้นกลับมาปกติถึงจะถูก แต่ทำไมเขายังคงอยู่ในสภาพป่วยเช่นนี้ อีกทั้งพลังในร่างกายของอีกฝ่ายก็ไม่ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ  

 

 

“ฮ่าๆ ๆ เห็นทีท่านสหายหูคงฝึกฝนไม่เชี่ยวชาญมากพอ!” นักพรตแซ่หวังที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะเสียงเย็น คาดว่าเคยถูกหูฝูเสียดสีมาก่อน สีหน้าเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ก่อนจะผลักอีกฝ่ายออกราวกับไม่ได้ตั้งใจ “หรือให้ข้าลองดูเป็นไง”  

 

 

หูฝูรู้สึกเคืองใจ แต่เขาเองก็ทำไม่สำเร็จจริงๆ ทำได้เพียงหลบไปอยู่ด้านข้าง  

 

 

นักพรตหวังหยิบอุปกรณ์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกมา ท่องคาถาไปพักหนึ่ง ก็เห็นแสงสีขาวส่องสว่างออกมาจากอุปกรณ์นั้นเพียงน้อยนิด แสงนั้นพุ่งเข้าไปคลอบคลุมตัวของเซ่าเซี่ยน แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ  

 

 

“เป็นไปได้อย่างไร” นักพรตหวังก็ตกตะลึงเช่นกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ นี่เป็นแสงพลังลมปราณ เหตุใดถึงยังไม่สามารถขับไล่พลังชั่วร้ายในร่างกายของอีกฝ่ายออกไปได้  

 

 

“ฮึ เจ้าก็ทำได้เพียงเท่านี้” หูฝูถือโอกาสเสียดสีกลับไป  

 

 

สีหน้าของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนหนักอึ้ง ขนาดอุปกรณ์วิเศษยังขับไล่พลังชั่วร้ายไม่ได้ ดูท่าทางคงไม่ง่ายเหมือนที่เห็น ณ ตอนนี้ ดังนั้นแต่ละคนเริ่มผลัดกันเข้าไปทำพิธี  

 

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นยันต์ อุปรกณ์ หรือข่ายพลัง เซ่าเซี่ยนก็ไม่มีแม้แต่ปฏิกิริยาตอบรับ นอกจากสีหน้าที่ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นแล้วยังทรุดลงหนักกว่าเดิมอีก  

 

 

ชายแก่และตาโจวก็เดินขึ้นหน้าไปลอง โยนยันต์ออกไปเป็นกำแล้วยังไม่มีผลอะไร  

 

 

ทันใดนั้นทุกคนล้วนงงไปหมด รวมตัวมองหน้ากันและกัน  

 

 

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ โลกนี้มีพลังชั่วร้ายที่ไม่สามารถขับไล่ได้!”  

 

 

“แต่ดูท่าทางสิ่งที่อยู่บนตัวเขาอาจไม่ใช่พลังชั่วร้าย”  

 

 

“ถึงจะไม่ใช่พลังชั่วร้าย แต่วิชาของพวกเราก็เพียงพอต่อการกำจัดแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นผลเลย”  

 

 

“อาการของนายน้อยเซ่าแย่กว่าที่พวกเราคิดไว้เสียอีก”  

 

 

ทุกคนยิ่งพูดยิ่งหนักขึ้น สีหน้าก็เต็มไปด้วยความหนักใจ  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันไปมองคนที่อยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะจับไปที่เส้นชีพจรของอีกฝ่าย อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความเคยชิน ราวกับเพิ่งพบว่าคณะนักพรตมีหญิงสาวอยู่ ตะลึงไปพักหนึ่ง ดวงตาเบิกโพลง อ้าปากราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สักพักถึงได้ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ราวกับกำลังหลบสายตาของนาง  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะชักมือกับ ลักษณะชีพจรนี้…  

 

 

“ท่านเซ่า ก่อนที่ลูกชายท่านจะล้มป่วยลง มีเกิดเรื่องประหลาดอะไรหรือไม่ หรือว่าในจวนนี้มีเรื่องประหลาดอะไรหรือไม่” เหล่านักพรตถกกันครึ่งวันก็ยังไม่ได้ข้อสรุป ทำได้เพียงหันหน้าไปหาท่านเซ่าที่อยู่ด้านข้าง  

 

 

“ไม่มี ก่อนที่ลูกข้าจะป่วย ในจวนไม่เคยเกิดเรื่อง” ท่านเซ่าส่ายหัว สักพักราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไป “พูดถึงเรื่องประหลาด…” เขามองลูกชายที่อยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วงก่อนครู่หนึ่ง แล้วหันกลับมามองเหล่านักพรต “พวกท่านตามข้าไปยังโถงด้านหน้าก่อน ข้าจะเล่าให้พวกท่านฟัง”  

 

 

เหล่านักพรตมองหน้ากันและกัน พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายอาจมีเรื่องสำคัญที่จะพูด รีบพยักหน้ารับ  

 

 

“พวกท่านเชิญ” ท่านเซ่านำทุกคนออกจากประตูไป  

 

 

กำลังจะก้าวขาออกจากประตู เซ่าเซี่ยนที่ไม่ค่อยจะได้ออกเสียงเอ่ยปากเรียกอย่างกะทันหัน “ท่านพ่อ…”  

 

 

ท่านเซ่าชะงักเท้า หันหน้าพูดปลอบ “เซี่ยนเอ๋อพักผ่อนเถอะ วางใจได้ ท่านเซียนต้องมีวิธีช่วยเจ้าได้แน่”  

 

 

พูดจบไม่รออีกฝ่ายตอบกลับ รีบนำพาทุกคนเดินไปยังโถงด้านหน้า  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเดินอยู่ด้านหลังสุด หันหลังกลับไปมองคนที่ราวกับอยากพูดอะไรในห้อง ขมวดคิ้วเล็กน้อย  

 

 

“เจ้าหนู” เห็นอวิ๋นเจี่ยวเดินช้า ชายแก่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินถอยมาหนึ่งก้าว ถามเสียงทุ้ม “โรคของนายน้อยเซ่านั้นแปลกประหลาดเสียจริง เจ้าดูออกหรือไม่ว่ามีอะไร” อย่างน้อยนางมีตาทิพย์  

 

 

“ไม่มี”  

 

 

“ขนาดเจ้ายังไม่รู้” ชายแก่สีหน้าผิดหวัง  

 

 

“ข้ารู้” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยเสริม  

 

 

“ฮะ?” ชายแก่ตะลึง ตกลงรู้หรือไม่รู้กันแน่  

 

 

“ที่ข้าบอกว่าไม่มีคือ…” อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจ “เขาไม่ได้เป็นโรค!”  

 

 

“ฮะ?”  

 

 

Σ(°△°|||)︴  

 

 

หมายความว่าอะไร ไม่ได้เป็นโรคแล้วทำไมเขาถึงอยู่ในสภาพนั้น  

 

 

ชายแก่กำลังจะถามให้รู้เรื่อง อวิ๋นเจี่ยวกลับชะงักฝีเท้า ควักกระบอกไม้ไผ่ข้างตัวออกมา  

 

 

“ทำไมเหรอ” ชายแก่มองกระบอกไม้ไผ่ในมือถือ ทันใดนั้นด้านหน้าปรากฏแสงสว่างขึ้น “หรือว่าอาจารย์ปู่มีอะไรชี้แนะ”  

 

 

เขาพูดจบ นาทีถัดมาก็มีเสียงอันคุ้นเคยดังอยู่ในหูของทั้งสองคน พร้อมกับประโยคที่เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ถึงเวลากินมื้อเที่ยงแล้ว”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

ไป๋อวี้ “…”  

 

 

ในใจมีคำว่า เอ็มเอ็มพี ไม่รู้ว่าควรพูดออกมาไหม!  

 

 

——————  

 

 

ดีที่ท่านเซ่าเป็นผู้ที่ชอบต้อนรับแขกเป็นอย่างยิ่ง เขาสังเกตว่าเวลาใกล้เที่ยงแล้ว จึงได้จัดเตรียมอาหารไว้โต๊ะหนึ่ง ให้ทุกคนได้กินข้าวก่อนค่อยทำพิธีขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่อ  

 

 

เหล่านักพรตวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า ก็ต้องหิวเป็นธรรมดา นั่งลงที่โต๊ะอย่างไม่มีการปฏิเสธ อวิ๋นเจี่ยววางกระบอกไม้ไผ่ไว้ข้างโต๊ะอย่างระวัง กวาดตามองกับข้าวบนโต๊ะ ก่อนจะลงมือตักน้ำแกงหนึ่งถ้วยวางไว้ข้างกระบอกไม้ไผ่  

 

 

ท่านเซ่าเตรียมอาหารไว้อย่างครบครัน ทุกคนพลางกินข้าวพลางสอบถามเรื่องของนายน้อยเซ่า  

 

 

“เฮ้อ ไม่ปิดบังทุกท่าน พูดถึงเรื่องประหลาดก็มีอยู่เรื่องหนึ่ง” ท่านเซ่าไม่รู้จะพูดดีหรือไม่ คิ้วขมวดแน่นจนเบียดเนื้อบนหน้าออกมาเป็นชั้นก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “คือเช่นนี้ จริงๆ แล้วลูกข้านอกจากจะล้มป่วยลงแล้ว ราวกับ…ราวกับยังมีอาการของโรควิญญาณหลุด”  

 

 

“โรควิญญาณหลุด?” ทุกคนต่างตะลึง  

 

 

โรควิญญาณหลุดที่ว่าก็คือการละเมอ หมายถึงปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นตอนนอนหลับ โดยจะมีการเคลื่อนไหวลงจากเตียงไปทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะกลับขึ้นเตียงเข้าสู่การนอนหลับต่อ  

 

 

“นี่เป็นเรื่องที่ข้าพบว่าเกิดขึ้นในหนึ่งเดือนมานี้เอง” ท่านเซ่าสีหน้ากังวล “กลางดึกเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เนื่องจากข้าเป็นห่วงลูกชาย จึงอยากไปดูอาการของเขาก่อนเข้านอน แต่กลับไม่พบตัวเขาอยู่ในห้อง เหล่าเด็กรับใช้ในจวนต่างบอกว่าไม่เห็นเขาออกมา”  

 

 

“ไม่มีคนเห็น?” ทุกคนต่างตกใจ  

 

 

“ใช่!” ท่านเซ่าพยักหน้าอย่างแรง บนหน้าปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา “แต่ที่น่าแปลกคือ รุ่งเช้าวันถัดมา กลับเข้าห้องอย่างไร้ร่องรอย”  

 

 

“รู้หรือไม่ว่าเขาไปไหน” หูฝูถามอย่างร้อนรน  

 

 

“ไม่รู้!” ท่านเซ่าส่ายหัว “ข้าก็เคยถามเซี่ยนเอ๋อ แต่เขาราวกับไม่รู้เรื่องที่ตนเองหายไปในตอนกลางคืนแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่หลังจากนั้นมา ร่างกายก็อ่อนแอลงทุกวัน”  

 

 

 

 

 

[1] เอ็มเอ็มพี   หมายถึง อักษรย่อยอดนิยมที่ใช้บนอินเทอร์เน็ตของชาวจีน ซึ่งเป็นคำด่าในภาษาท้องถิ่นจีนเสฉวน  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset