ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 53 ลาก่อน ปีศาจงูน้ำ

อวิ๋นเจี่ยวรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่ได้มีความสามารถมาก ดังนั้นนางจึงเหลือพื้นที่ปลอดภัยให้ตัวเองไว้เป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะถูกเจียวเหิงอีลากออกมา  

 

 

“เร็ว ข้ามไป!” เจ้าสำนักสวีเป็นคนแรกที่ได้สติกลับมา เอ่ยเตือนทั้งสองคนอย่างเสียงดัง  

 

 

ท่านอาวุโสเฉินและท่านอาวุโสเจียวทั้งสองคนก็ได้สติกลับมาเช่นกัน พุ่งตรงไปยังเขตปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็หลบจากโซ่เหล็กที่สามารทำให้คนเป็นอัมพาตครึ่งซีกเหล่านั้นได้  

 

 

แต่ว่ารอบด้านยิ่งสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น อีกทั้งโซ่เหล็กที่ปีศาจงูน้ำนั้นก็เริ่มแตกออก เสียงของโซ่เหล็กดังขึ้น ช่างน่าขนลุก  

 

 

ทั้งสามคนใจร้อนอย่างกับถูกไฟเผา ไม่มีแม้แต่แรงในการเอาผิดหญิงสาวที่ทำลายข่ายพลังโดยพลการ จ้องมองไปยังผนึกที่เริ่มจะพังทลายลง  

 

 

“เจ้าสำนัก พวกเราไม่มีวิธีอื่นที่จะหยุดปีศาจงูน้ำทำลายข่ายพลัง หรือผนึกมันเข้าไปใหม่หรือ” ท่านอาวุโสเฉินเอ่ยอย่างร้อนใจ  

 

 

“ปีศาจงูน้ำไม่มีรูปร่าง ตอนแรกที่ผนึกมันไว้ที่นี่ก็ต้องเสียสละกำลังคนทั่วทั้งเสวียนเหมิน แต่ตอนนี้มีแค่พวกเราสามคน…” เจ้าสำนักสวีกวาดตามองทั้งสามคน แน่นอนว่าพวกเขายังไม่ถึงขั้น  

 

 

“เช่นนั้นจะทำอย่างไร” ท่านอาวุโสเฉินยิ่งร้อนใจ มองไปรอบด้านอย่างกระวนกระวาย “อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ทางออก ต้องหาทางออกอื่น แล้วรีบแจ้งข่าวให้ทุกคนรู้!”  

 

 

เขากำลังจะเสี่ยงอันตรายวิ่งออกไปหาทางออก เสียงเย็นยะเยือกหนึ่งก็ดังขึ้นมา “คิดจะหนี?”  

 

 

ตามมาด้วยเสียงหัวเราะดังลั่นไปทั้งคุกไฟ “ฮ่าๆ …” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความดีใจและสุขใจ ราวกับไม่ได้ออกเสียงนาน เสียงนั้นยังแฝงไปด้วยความแหบเล็กน้อย แต่ยังคงแสบแก้วหูอย่างยิ่ง เป็นเสียงที่ไม่เหมือนกับคนที่ส่งออกมา  

 

 

แย่แล้ว!  

 

 

ทั้งสามคนใจหล่นลงไปด้านล่าง ไม่คิดว่าปีศาจงูน้ำจะทะลุออกมาจากผนึกได้เร็วเช่นนี้ เห็นเพียงแต่หมอกสีแดงนั้นกำลังรั่วไหลออกมาจากโซ่เหล็ก พร้อมทั้งกลิ่นคาวเลือดที่เตะจมูกอย่างยิ่ง  

 

 

ทันใดนั้นโซ่เหล็กเหล่านั้นราวกับหิมะที่ละลาย หมอกสีแดงนั้นยิ่งเข้มมากขึ้น ไม่ถึงชั่วขณะก็กลืนกินโซ่เหล็กเข้าไป ร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้น  

 

 

เห็นเพียงแต่เขาอยู่ในชุดสีแดง ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด คนทั้งคนราวกับถูกสาดด้วยเลือดหลายสิบถัง แม้แต่เส้นผมยังมีเลือดหยดลงมา ดูท่าทางเขาอายุยังน้อย ใบหน้าไม่สามารถแยกหญิงชายได้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด โดยรวมแล้วคือ ดูเหมือนคนร้าย  

 

 

“สามร้อยปีแล้ว…ในที่สุดข้าก็ได้ออกมา!” ปีศาจงูน้ำมองมือของตนเอง ราวกับตื่นเต้นมากเกินไป ร่างของเขาสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่ สูดหายใจเข้าลึกๆ มุมปากจะฉีกถึงติ่งหู เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา “ในที่สุด…ในที่สุดข้าก็สามารถลิ้มลองรสชาติของเลือดมนุษย์อีกครั้ง!”  

 

 

“ปีศาจงูน้ำ!” เจ้าสำนักสวีตกใจ รีบเดินหน้าแล้วเอ่ยด้วยเสียงดัง อย่าคิดจะมาทำลายมนุษย์อีก ศิษย์เสวียนเหมินสามารถผนึกเจ้าได้รอบหนึ่ง ก็สามารถผนึกเจ้าอีกรอบได้”  

 

 

“เสวียนเหมิน?” ปีศาจงูน้ำลืมตาขึ้น นัยน์ตาตั้งตรงมองมาทันที ในสายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น “ฮึ! พวกเจ้า?”  

 

 

เขาโบกมือขึ้นมา ก่อนที่จะมีหมอกสีเลือดก้อนใหญ่พุ่งมาหาพวกเขา  

 

 

เจ้าสำนักสวีตกใจ รีบควักยันต์สีม่วงใบหนึ่งออกมา วางข่ายพลังไว้รอบด้านของทุกคน ถึงได้ต้านหมอกเลือดนั้นได้  

 

 

แต่ว่าก็เพียงแค่ชั่วคราว ยันต์ม่วงในมือของเขาได้ลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในทันที ขนาดยันต์ชั้นสูงเช่นนี้ยังไม่สามารถยับยั้งการโจมตีของปีศาจงูน้ำได้  

 

 

“ฮึ! หากไม่ใช่ตอนนั้นข้าประมาท แค่มนุษย์ที่ฝึกฝนทางเต๋าจะขังข้าได้อย่างไร” ปีศาจงูน้ำหัวเราะอย่างได้ใจ พวกมนุษย์เช่นเจ้าทั้งหลาย เป็นได้แค่อาหารของข้าเท่านั้น”  

 

 

สายตาที่มองมายังพวกเขาราวกับกำลังมองมดตัวน้อย กวาดสายตาไล่มองทีละคน ก่อนจะหยุดลงที่ตัวของอวิ๋นเจี่ยว ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะยกยิ้มให้นาง “จริงสิ ต้องขอบใจที่เจ้าปล่อยข้าออกมา ไม่เช่นนั้นข้ายังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีถึงจะทำลายผนึกนี้ได้”  

 

 

“…” สีหน้าของทุกคนดำลง ขนาดอวิ๋นเจี่ยวเองยังขมวดคิ้วแน่น จะว่าไปปีศาจหยิ่งผยองเช่นนี้ทุกคนหรือ ไม่น่าอาจารย์ปู่ถึงได้ไม่ชอบ  

 

 

ทางปีศาจงูน้ำยังคงพูดเองเออเองต่อไป “เพื่อเป็นการขอบคุณที่เจ้าปล่อยข้าออกมา…” รอยยิ้มของเขายิ่งกว้างขึ้น ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ข้าเริ่มกินเจ้าก่อนแล้วกัน!”  

 

 

พูดจบ เขาหมุนมือก่อนที่ดาบที่เกิดจากการก่อตัวของพลังเลือดจะพุ่งเข้ามาทางอวิ๋นเจี่ยว  

 

 

“ระวัง!” เจ้าสำนักสวีและท่านอาวุโสทั้งสองตกใจ ถึงแม้จะโกรธที่หญิงสาวรายนี้ปล่อย ปีศาจงูน้ำ แต่ว่าก็สามารถพิสูจน์ได้ว่านางเป็นอัจฉริยะด้านข่ายพลังจริงๆ นั่นก็หมายความว่าหากอยากผนึกปีศาจงูน้ำอีกครั้ง นางจะเป็นกำลังสำคัญอย่างแน่นอน พวกเขาไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถปล่อยให้นางตายต่อหน้าได้  

 

 

ทั้งสามคนคิดถึงข้อนี้ ล้วนควักอาวุธออกมาแล้วพุ่งออกไป ขวางอยู่หน้าของอวิ๋นเจี่ยว แต่ว่าพลังเลือดของปีศาจงูน้ำนั้นใช่ว่าคนทั่วไปจะต้านอยู่ ทั้งสามคนรวมแรงกันถึงต้านมันลงไปได้ อีกทั้งยังควักยันต์ม่วงออกมา โยนออกไปหาอีกฝ่าย  

 

 

ทันใดนั้นได้ยินเพียงเสียงฟ้าร้อง ก่อนที่จะมีสายฟ้าสวรรค์สามสายผ่าไปยังงูน้ำ แสงสีขาวสาดส่องไปทั่วคุกไฟ  

 

 

“เหอะๆ …” ร่างของปีศาจงูน้ำเพียงแค่สั่นไป แต่ก็คืนสภาพกลับมาในทันที ราวกับสายฟ้านั้นไม่มีผลกระทบต่อเขา เขาหัวเราะอย่างได้ใจมากขึ้น  

 

 

ขนาดสายฟ้าสวรรค์ยังทำอะไรเขาไม่ได้!  

 

 

ทั้งสามคนยิ่งตระหนกมากขึ้น สีหน้าซีดขาวไปหมด  

 

 

“ไม่มีประโยชน์ ข้าเกิดมาไม่มีรูปร่าง พวกเจ้าเข้าใกล้ข้าไม่ได้ สู้ตายอยู่ที่นี่ดีกว่า!” พูดจบราวกับใช้ความอดทนจนหมดสิ้น ร่างของปีศาจงูน้ำก็พุ่งเข้ามาทางพวกเขา “บนโลกนี้ไม่มีใครทำร้ายข้าได้!”  

 

 

“จริงหรือ” ดูท่าทางทั้งสามคนกำลังจะถูกมันกลืนกิน อวิ๋นเจี่ยวที่ยืนนิ่งเอียงคอ ส่งเสียงเป็นเชิงถาม “เจ้าแน่ใจ?”  

 

 

พูดจบ นางก็ควักเข็มเงินออกมาเล่มหนึ่ง ก่อนจะจิ้มมันลงไปยังเลือดที่อีกฝ่ายหยดลงมา  

 

 

นาทีถัดมาแสงสีขาวสว่างขึ้น ราวกับคลื่นยักษ์ซัดเข้าไปทางปีศาจงูน้ำ  

 

 

ปีศาจงูน้ำตกใจ คิดจะหลบแต่ก็ไม่ทัน ถูกแสงสีขาวปะทะเข้าอย่างจัง ก่อนจะร้องอย่างทรมานออกมา  

 

 

“อ๊ากกก…” ถูกโจมตีให้ถอยกลับไปยังตรงกลางของคุกไฟในทันที  

 

 

ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างไสวขึ้นในคุกไฟ ข่ายพลังทั้งหลายถูกจุดติดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง  

 

 

“นี่…นี่คือ…” คนอื่นอาจไม่รู้ แต่สำหรับสำนักสวีที่มาตรวจดูที่นี่ทุกปีนั้นรู้ดี ข่ายพลังเหล่านี้มีอยู่ที่นี่ตั้งแต่เดิม เป็นข่ายพลังสำหรับปิดผนึก ปีศาจงูน้ำ เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยวอย่างตะลึง “ผนึก…ไม่ได้ถูกทำลาย  

 

 

“ข้าเคยบอกหรือว่าผนึกถูกทำลาย” อวิ๋นเจี่ยวเอียงคออย่างสงสัย  

 

 

“งั้น…โซ่เหล็กเมื่อกี้คือ?” เจ้าสำนักสวียังไม่ทันเอ่ยถาม ท่านอาวุโสเจียวชิงถามออกมาอย่างรีบร้อน  

 

 

พวกเขาเห็นว่าโซ่เหล็กพวกนั้นหล่นลงมาหมดแล้ว โซ่เหล็กเหล่านั้นล้วนเกิดมาจากข่ายพลัง เอาไว้สำหรับขังปีศาจงูน้ำ  

 

 

“อ๊ากกก…” ทางปีศาจงูน้ำร้องอย่างทรมานมากขึ้น จ้องมองไปทางอวิ๋นเจี่ยว “เจ้า…เจ้าทำอะไรกันแน่”  

 

 

“ข้าแค่เปลี่ยนแปลงข่ายพลังพวกนี้เล็กน้อยเท่านั้น” อวิ๋นเจี่ยวตอบเสียงเบา นางไม่ใช่คนอ่านหนังสือไม่ออก ทำไมถึงไม่รู้ว่านั่นเป็นข่ายพลังปิดผนึกมาร ในตำราบอกว่ามีเพียงมารที่ทำร้ายมนุษย์ถึงจะถูกปิดผนึกไว้ สำนักเทียนซือเป็นสำนักที่มีมาตรฐาน ถึงแม้จะเป็นการสอบก็คงไม่ออกข้อสอบที่ขัดต่อหลักการอย่างการ ‘ปล่อยมาร’ ออกมา  

 

 

ดังนั้นมันต้องไม่ง่ายเช่นนี้!  

 

 

เมือนึกถึงการสอบรอบแรกของนางที่แทบจะตกรอบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะคิดมากหน่อย  

 

 

“เจ้า…เจ้าเปลี่ยนอะไร” ปีศาจงูน้ำเบิกตาโต ทันใดนั้นมีความรู้สึกไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ  

 

 

“อ่อ ข้าเปลี่ยนจากข่ายพลังปิดผนึกมาร เป็นข่ายพลังกำจัดมาร”  

 

 

“อะ…” ไร?  

 

 

ปีศาจงูน้ำพูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างขึ้นอีกครั้ง ใจกลางข่ายพลังก็สว่างขึ้น ก่อนจะก่อตัวกันเป็นเสาน้ำแข็งสีเลือด พุ่งไปยังปีศาจงูน้ำที่อยู่ตรงกลาง  

 

 

ปีศาจงูน้ำแม้แต่เสียงร้องยังไม่ทันได้เปล่งออกมา ทันใดนั้นก็ถูกทิ่มแทงจนกลายเป็นรังผึ้ง พลังเลือดในตัวสลายหายไปราวกับควัน ไม่ถึงชั่วอึดใจก็สลายหายไปในที่สุด  

 

 

ปีศาจงูน้ำพันปีถูกกำ…จัด…แล้ว!  

 

 

(⊙_⊙)  

 

 

ท่านอาวุโสเฉิน “…”  

 

 

เจ้าสำนักสวี “…”  

 

 

เจียวเหิงอี “…”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวข้อสอบของสำนักเทียนซือช่างไม่ง่ายเสียจริง! ขณะสอบยังมีผู้คุมสอบเข้ามาเพิ่มความยากด้วย ยังดีที่นางเอาอยู่!  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset