ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 6 หญิงสาวในชุดแดง

ชายแก่ตะลึงไปพัก จากนั้นยิ้มราวกับเข้าใจอะไรสักอย่าง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย “เจ้าหนู เจ้ากลัวหรือ”  

 

 

“…” อวิ๋นเจี่ยวคิ้วขมวด มองไปยังฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งไม่ตอบ  

 

 

ชายแก่คิดว่าตัวเองทายถูก ตบไหล่ของนางเบาๆ พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าของคนที่ผ่านมาก่อนว่า   

 

 

“ไม่ต้องห่วงๆ มีข้าอยู่ทั้งคน! เรื่องแบบนี้ข้าเห็นมาเยอะแล้ว เดี๋ยวก็ชิน! เจ้าทำเพียงแค่เขย่ากระดิ่ง ก็พอ” พูดจบก็ตบอกตัวเองแรงๆ หนึ่งที  

 

 

“…” ก็เพราะมีท่านนั่นแหละถึงต้องเป็นห่วง  

 

 

“จริงสิ ยันต์ไล่ผีที่ข้าให้เจ้าตอนอยู่ในอารามล่ะ?” เขาเพิ่งนึกขึ้นได้  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวคลำไปที่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบยันต์ที่ยับยู่ยี่ทั้งปึกที่เขายัดให้นางตอนออกจากอาราม คืนไป “ยันต์วิเศษนี้?” นี่ต่างจากกระดาษชำระก็แค่ขั้นตอนฟอกขาวแล้วมั้ง  

 

 

“ใช่ อันนี้แหละ!” เขารับยันต์ปึกนั้น โบกไปมาราวกับจะอวด   

 

 

“นี่เป็นยันต์วิเศษที่ข้าใช้เวลานานมากถึงจะวาดออกมาได้ เอาไว้ขับไล่สิ่งชั่วร้าย แต่ก่อนข้าขายใบละสองตำลึงเชียวนะ” พูดแล้วก็นับยี่สิบใบออกมา  

 

 

“…” พิธีไล่ผีสี่สิบตำลึงจริงๆ ด้วย  

 

 

นับเสร็จเห็นนางยังทำหน้าสงสัยชายแก่คิดไปคิดมา จากนั้นก็หยิบยันต์สีม่วงที่เก็บไว้ในตัวออกมาอย่างกับของรักของหวง “อ่ะ ถ้าเจ้ากลัวจริงๆ ก็ถืออันนี้ไว้”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก้มลงมอง พบว่านั่นเป็นยันต์สีม่วงที่ไม่เหมือนกับยันต์อันอื่น นอกจากไม่ยับเท่าอันอื่นแล้ว บนนั้นยังมีรูปร่างซับซ้อนที่วาดด้วยหมึกสีแดงสด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ตัวหนังสือบนนั้นดูมีชีวิตราวกับ มีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่ด้านใน นางเอื้อมมือออกไปรับ   

 

 

“นี่คือ…” ดูก็รู้ว่าคนละสไตล์กับกระดาษชำระปึกนั้น  

 

 

“นี่เป็นยันต์วิเศษชั้นสูงสำหรับปราบมารเลยนะ มีแค่คนที่มีวิชาชั้นสูงเท่านั้นถึงจะวาดออกมาได้ ในโลกนี้คนที่วาดยันต์ม่วงนั้นมีนับคนได้ ใบนี้เป็นของตกทอดมาจากอาจารย์ของข้า เหลือแค่ใบนี้ใบเดียวแล้ว ข้ายังไม่กล้าที่จะหยิบออกใช้เลย!” เขาพูดอย่างจริงจัง   

 

 

“แค่มียันต์ใบนี้ ไม่ว่ามารหรือปีศาจร้าย ก็ไม่อาจเข้าใกล้ตัวได้”  

 

 

พูดจบก็มองคนที่ใกล้จะไม่ไหวบนเตียง ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ย   

 

 

“แต่ว่าเจ้าหนุ่มนี่อาการประหลาดเสียจริง หนักกว่าทุกคนที่ข้าเคยเจอมา เจ้าจะกลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา” เขาพิจารณาหน้าของคนที่อยู่บนเตียง พูดพลางเดินไปเข้าไปใกล้   

 

 

“ดูสีหน้ามัวหมองขนาดนี้ ราวกับว่าจะ…จะ…”  

 

 

“สิ้นใจ!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัด  

 

 

“ใช่ๆ!” ชายแก่พยักหน้าอย่างแรง “ราวกับจะสิ้นใจ ที่สำคัญยังมีรอยจ้ำเลือดราวกับคนตาย ดูท่าทางสิ่งที่รังควานเขาคงไม่ธรรมดา ยังดีที่แม่ลูกสองคนนั้นมาหาข้า หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาคงอยู่ไม่รอดถึงหนึ่งเค่อ…”  

 

 

“ห้านาที!” อวิ๋นเจี่ยวพูดขัด ก่อนที่จะเปลี่ยนวิธีการพูดอีกแบบ “ไม่ถึงครึ่งเค่อ”  

 

 

“อืม เช่นนี้เราต้องรีบแล้ว” ชายแก่สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันตา พลางส่งสัญญาณให้นางสั่นกระดิ่งพลางยกยันต์วิเศษในมือขึ้นแล้วชี้ไปยังคนที่นอนอยู่บนเตียง   

 

 

“เขาคงทนได้อีกไม่นาน ทั้งที่ยังหายใจอยู่ แต่หน้าอกกลับไม่มีการขึ้นลง ราวกับ…”  

 

 

“ข้างบนมีคนทับอยู่”  

 

 

“ใช่ ราวกับมีคน…เอ๊ะ” ชายแก่อึ้ง ก่อนที่จะเอ่ยถาม “เจ้ารู้ได้ยังไง”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันหน้าไปมอง สีหน้าของนางยังคงแน่นิ่งราวกับภูผา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย   

 

 

“อ่อ เมื่อกี้ข้าเดินเข้ามาถึงก็เห็นแล้ว มีหญิงสาวชุดแดงที่ตัวอาบเลือดทับอยู่บนตัวเขา นางกำลังบีบคอเขาอยู่” พูดจบก็ชี้ไปยังกลางเตียง   

 

 

“ท้องของนางเปิดเป็นหลุม ตอนนี้บนเตียงมีแต่เครื่องในนาง บริเวณรอยจ้ำเลือดก็คือบริเวณที่เครื่องในหล่น”   

 

 

ชายแก่: “…”  

 

 

ผีสาว: “…”  

 

 

นี่เจ้ากำลังแกล้งข้า?  

 

 

Σ(°△°|||)︴  

 

 

“อ่อ จริงสิ!” อวิ๋นเจี่ยวเอ่ยต่อ “ถ้าท่านเดินหน้าอีกก้าวเดียว ก็จะเหยียบไส้ที่นางทำตกไว้ที่พื้นแล้ว”  

 

 

ชายแก่รู้สึกว่าขาแข็งไปชั่วขณะ มือสั่นงึกๆ ก่อนที่ยันต์วิเศษจะหลุดมือและปลิวออกไปทั้งกอง  

 

 

เพียงชั่วขณะ ยันต์สีเหลืองกองใหญ่ถูกสาดเข้าไปที่เตียง แต่ก่อนที่ยันต์จะล่วงลงเตียงนั้นราวกับโดนอะไรบางอย่าง พรึบ! ไฟลุกไหม้ขึ้น ทันใดนั้นห้องที่มืดมิดนั้นสว่างไสวขึ้นมาทันตา  

 

 

ตามมาด้วยเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องอย่างทรมานที่คนธรรมดาไม่อาจร้องออกมาได้ ทันใดนั้นทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยเสียงกรีดร้องแหลมสูงและลมที่เย็นยะเยือก  

 

 

ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากเสียงกรีดร้องที่ทรมานนั้นดังขึ้น บนเตียงก็ค่อยๆ ปรากฏร่างสีแดงขึ้นมา ทีละน้อย นั่นเป็นร่างของหญิงสาว ผมยาวตรงแผ่อยู่บนเตียง ชุดสีแดงทั้งตัว ท้องของนางถูกผ่าออกเป็น หลุมใหญ่ อวัยวะภายในของนางกำลังไหลออกมาเป็นกอง สีแดงแสบตาไหลไปทั่วพื้น ยังสามารถได้ยินเสียงเลือดหยดเบาๆ อยู่ข้างหู พอสังเกตชัดๆ ถึงพบว่า นางไม่ได้สวมชุดสีแดง แต่เป็นชุดที่ถูกเลือดย้อมจนเป็นสีแดงต่างหาก  

 

 

ผีสาวตนนั้นเหมือนถูกยันต์วิเศษเมื่อกี้ทำร้าย มือทั้งสองข้างจับหน้าแล้วร้องออกมาอย่างทรมาน ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงแค่ลูกตาที่กลมโตถลึงออกมาจากร่องนิ้ว ตาของนางราวกับจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ กำลังจ้องมองไปยังชายแก่ไป๋อวี้ที่ยืนอยู่ข้างเตียง  

 

 

จู่ๆ ก็เห็นภาพที่น่าสะพรึงเข้าอย่างจังชายแก่หน้าซีดไปในทันตา เขาตาเบิกโพลง ร่างกายสั่นแล้วสั่นอีกราวกับคนบ้า กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอก็พูดได้แค่เพียงไม่กี่คำ  

 

 

“ผ…ผี…ผี…ผี!” ชายแก่ร้องออกมาเสียงดัง ภาพลักษณ์นักพรต ภาพลักษณ์เสวียนเหมินอะไรล้วนโยนให้หมากินไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเป็นปฏิกิริยาการตอบสนองโดยธรรมชาติหรือเปล่า เขาควักยันต์ที่เหลือรวมทั้งตำราในมือนั้นสาดไปทางผีสาว จากนั้นก็ได้ยินเสียงผีสาวกรีดร้องออกมาอย่างทรมานอีกรอบ  

 

 

ชายแก่กลับหันหลังวิ่งไปทางประตูอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะลากอวิ๋นเจี่ยวไปด้วย  

 

 

ผี…ผี…มีผีจริงๆ ด้วย!  

 

 

w(゚Д゚)w  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว: “…” ไหนบอกเชี่ยวชาญไง เขาไม่ได้มาจับผีเหรอ  

 

 

“หนีเร็ว! หนีเร็ว!” เขาไล่ผีมาตั้งหลายครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นผีอย่างจัง แล้วยังเป็นผีพยาบาทอีก ตายแน่ๆ !  

 

 

อาจจะเป็นเพราะรีบร้อนเกินไป ทั้งที่ประตูเป็นเพียงประตูไม้เก่าๆ แต่ชายแก่ดึงหลายครั้งก็ยังดึงไม่ออกสักที ส่วนผีสาวทางนั้นเหมือนกับจะฟื้นจากการถูกโจมตีด้วยยันต์วิเศษแล้ว  

 

 

ยันต์วิเศษที่ชายแก่โยนไปเมื่อกี้ดูก็รู้ว่าโยนไปมั่วๆ อีกทั้งไม่ได้ท่องคาถา พลังยิ่งอ่อนกว่าครั้งแรก ทำให้ผีสาวแค่นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันมาจ้องทั้งสองคนเขม็ง ในเวลานี้ทั้งสองถึงจะเห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน เป็นใบหน้าที่กำลังเน่าเละ ตาข้างหนึ่งหายไปเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแค่หลุมที่ว่างเปล่า ส่วนอีกข้างกรอบตาหายไป เหลือเพียงแค่ลูกตาเปล่าๆ อีกทั้งบางครั้งยังไหลออกมา น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!  

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset