ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 81 รวมตัวโกงข้อสอบ

“เจ้าสำนักหวู พวกเรารู้จักกันมาหลายปี เรื่องนี้ท่านต้องช่วยข้านะ คำตอบข้อสามคืออะไร ท่านให้ข้าดูหน่อยนะ”  

 

 

“อย่าพูดเลย ท่านอาวุโสทั้งสี่กับข้าช่วยกันศึกษามาทั้งคืน แม้แต่ข้อสองยังตอบออกมาไม่ได้ ท่านบอกคำตอบข้อสองกับข้าก่อน?”  

 

 

“เฮ้อ สหายอวิ๋น…ไม่ อาจารย์อวิ๋นออกข้อสอบยากเสียเหลือเกิน ข้าอุตส่าห์ใช้ยันต์บันทึกเสียงบันทึกเนื้อหาที่นางสอน ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นสิบรอบ แต่ก็ยังทำข้อนี้ไม่ได้”  

 

 

“เอ๊ะ? ท่านคือท่านอาวุโสอวี่จากเขาฮ่วนอิ่ง? ท่านชำนาญข่ายพลังไม่ใช่หรือ ทำไมท่านก็ทำไม่ได้”  

 

 

“ข้อสอบเหล่านี้ล้ำลึกมากเกินไป ข้าอ่านตำราโบราณมากมาย พบว่าไม่มีเล่มไหนสามารถใช้ได้เลย ยากเกินจริงๆ ข้าชักสงสัยแล้วว่ามีคำตอบจริงหรือ”  

 

 

“เจ้าสำนักสวีอยู่หรือไม่ ท่านทำเป็นอย่างไรบ้าง สำนักเทียนซือมีผู้มีความสามารถมากมาย จำนวนคนที่เข้าฟังในครั้งนี้ก็มีนับสิบคน คนมากพลังมาก ข้อสอบสิบข้อนี้ พวกท่านทำได้กี่ข้อแล้ว”  

 

 

“น่าอายๆ ข้าทำได้เพียงสามข้อเท่านั้น ข้อด้านหลังมัน…ไม่สามารถเข้าใจได้เสียจริง!”  

 

 

“ท่านทำถึงสามข้อแล้ว! เจ้าสำนักสวี เอาคำตอบมาให้ข้าศึกษาหน่อย?”  

 

 

“ใช่แล้วๆ ข้าทำได้เพียงสองข้อ ทำได้มากขึ้นหนึ่งข้อถือว่าหนึ่งข้อ”  

 

 

“ข้าด้วยๆ ! เจ้าสำนักเสวียน สำนักเทียนเฉิงของข้าสนับสนุนสำนักเทียนซืออย่างมากตลอดมานะ”  

 

 

“ยังมีตระกูลผูของข้า เจ้าสำนักสวี ท่านจะลำเอียงไม่ได้นะ จะลอก…แค่ก จะศึกษาก็ต้องศึกษาด้วยกัน”  

 

 

“สหาย อย่าลืมนิกายตู้เย่ของข้า”  

 

 

“สำนักไท่อวิ่นด้วย”  

 

 

“ยังมี…”  

 

 

ทันใดนั้น เสียงตอบรับดังออกมาจากยันต์สื่อสารมากมาย  

 

 

“คือ…ศึกษาไม่มีปัญหา แต่ทุกท่านลืมไปหรือเปล่า สหายอวิ๋นเคยพูดไว้ว่า ทำทุกหกข้อถึงจะผ่าน”  

 

 

“…”  

 

 

เสียงในยันต์เงียบไป ความอึดอัดแผ่กระจายไปชั่วครู่  

 

 

สักพัก…  

 

 

“เฮ้อ…ข้อสอบเหล่านี้ยากเกินไปเสียจริง ทั้งสำนักเทียนซือ มีเพียงท่านอาวุโสเจียวทำได้หกข้อ เขาฝึกฝนด้านข่ายพลังโดยเฉพาะ อีกทั้งยังติดต่อกับสหายอวิ๋นอยู่ตลอด ดังนั้นจึงมีความเข้าใจอยู่บ้าง แต่ว่า…”  

 

 

“อะไรนะ! หกข้อ! เร็วเข้าๆ …ท่านอาวุโสเจียวอยู่ไหน เรียกออกมาเร็วเข้า!”  

 

 

“เขายังนั่งตอบข้อสอบอยู่ในห้อง! ไม่ได้หรอก เมื่อเช้าข้าถามเขาแล้ว เขาไม่ยอม! บอกว่าสหายอวิ๋นพูดว่าต้องทำเองเท่านั้น”  

 

 

“สหายเจียวทำไม่ถูกแล้ว เสวียนเหมินก็ต้องช่วยเหลือกันสิ!”  

 

 

“ใช่แล้ว สหายเจียวทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง เขาตอบออกมาแล้วแต่ไม่ยอมเอาออกมาให้ทุกคนศึกษา”  

 

 

“นั่นสิๆ เสียดายที่เขารับศิษย์ไว้มากมาย ที่แท้ก็เป็นพวกชอบกั๊ก!”  

 

 

“ฮึ่ม! ทรยศ!”  

 

 

“โจรแก่!”  

 

 

“ขี้งก…”  

 

 

เสียงวิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังด่านักโทษร้ายแรง ไม่ใช่เพื่อนที่ไม่ยอมให้ลอกการบ้าน จนกระทั่งเสียงของเจียวเหิงอีดังขึ้นอย่างขุ่นเคือง  

 

 

“ถุย! พวกชายแก่ไร้ยางอาย! ไม่ยอมไปทำข้อสอบเอง แต่กลับมานั่งว่าข้ากันอยู่ตรงนี้ เดิมทีคิดว่าจะทำอีกหลายข้อมาให้พวกเจ้าได้ศึกษา ตอนนี้…ฮึ่ม! รอรับศูนย์คะแนนเถอะ!”  

 

 

ทันใดนั้นทุกคนต่างเงียบสงัด วินาทีถัดมาเสียงขอร้องอ้อนวอนดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย  

 

 

“ท่านอาวุโสเจียว อย่าใจร้อน! พวกข้าเพียงหยอกเล่น อย่าถือสาเลย!”  

 

 

“ใช่แล้วๆ ท่านอาวุโสเจียวเป็นคนจิตใจดี พวกข้ารู้อยู่แก่ใจ!”  

 

 

“ท่านอาวุโสเจียว ข้ามีโสมร้อยปี ช่วงนี้อากาศหนาวเย็น หรือไม่ท่านเอาไปกินบำรุงหน่อย? แค่เพียงท่านคัดลอกคำตอบมาให้สำนักไท่อวิ่นของข้าศึกษา ไม่ต้องมาก หกข้อก็พอ”  

 

 

“ข้ามีบัวหิมะร้อยปี ขอด้วย…”  

 

 

“ข้ามียาวิเศษขั้นกลางสิบเม็ด…”  

 

 

“ข้ามียันต์ระดับกลางสามใบ…”  

 

 

“ข้ามี…”  

 

 

ทันใดนั้นกลายเป็นเหตุการณ์ให้สินบนขนาดใหญ่ขึ้นมา ไม่ขอได้คะแนนเต็ม แต่ขอผ่านการทดสอบ จนกระทั่งมีเสียงหญิงสาวดังขึ้น  

 

 

“ข้าว่า…พวกท่านลืมไปหรือเปล่าว่ายันต์ส่งสารใบนี้ ข้าก็สามารถได้ยิน!”  

 

 

ทุกคน “…”  

 

 

(゚Д゚≡゚Д゚)  

 

 

เหตุการณ์ให้สินบนขนาดใหญ่ กลายเป็นสถานที่ดัดนิสัยไปในทันที!  

 

 

ยันต์ส่งสารเงียบสงัด  

 

 

หากแกล้งทำเป็นไม่อยู่ยังทันไหม  

 

 

นาทีถัดมา ได้ยินเพียงเสียงวุ่นวายดังออกมา ก่อนที่ยันต์ส่งสารแต่ละใบจะดับลง เดิมทีกลุ่มสี่ร้อยคนที่คึกคัก ล้วนจากไปไม่เหลือแม้แต่คนเดียว  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”  

 

 

ดูท่าว่าการบ้านจะให้น้อยไป จนทำให้พวกเขามีเวลาลอกการบ้านกัน!  

 

 

(╰_╯)#  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวถอนหายใจออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งจ้องนางตั้งแต่เช้า คนทั้งคนล้วนแผ่รังสีขุ่นเคืองออกมา เมื่อเทียบกับนักเรียนที่ลอกข้อสอบ คนนี้จัดการยากกว่าเยอะ  

 

 

“อาจารย์ปู่…ท่านมีอะไรพูดมาเลยได้ไหม ท่านเอาแต่จ้องข้าเช่นนี้ ข้าก็เดาไม่ออกอยู่ดี!” ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากินข้าวเสียหน่อย!  

 

 

เยี่ยยวนสีหน้าดำทะมึน สักพักถึงได้เอ่ยปาก “สำนักจะรับศิษย์ใหม่?”  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวส่ายหน้า “ไม่มี!”  

 

 

เขาจ้องมองไปยังยันต์ส่งสารในมือนาง สีหน้ายิ่งดำมากขึ้น  

 

 

“อ่อ อันนี้เหรอ!” อวิ๋นเจี่ยวผงะ ถึงได้อธิบาย “พวกเขาไม่ใช่ศิษย์ใหม่ แต่เป็นคนจากแต่ละสำนักที่อยากเรียนข่ายพลัง” นางจึงเล่าเหตุการณ์การสอนทางไกลให้เขาฟังรอบหนึ่ง ก่อนจะเน้นย้ำว่ามีการเก็บค่าใช้จ่าย  

 

 

เมื่อได้ยินว่าคนเหล่านี้จะเรียนแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น สีหน้าของเยี่ยยวนถึงดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังมีความไม่พอใจ  

 

 

“อาจารย์ปู่ไม่อยากให้สำนักชิงหยางมีศิษย์เพิ่ม?” อวิ๋นเจี่ยวสงสัย นี่มันไม่สอดคล้องกับชื่อกว่างจี้ของเขา  

 

 

คิ้วของเขาขมวดมุ่น กวาดตามองศิษย์หลานตัวน้อยหนึ่งที ก่อนจะตอบ “ก็ไม่เชิง ไม่เสียงดังก็พอ” ถ้าจะให้ดีต้องเหมือนศิษย์หลานตัวน้อย ไม่โง่แล้วยังมีฝีมือดี  

 

 

เสียงดัง? โอเค การเรียนครั้งหน้า นางจะเลือกห้องที่อยู่ไกลจากเจดีย์หน่อยแล้วกัน  

 

 

“แล้วก็…” เขามองไปยังอวิ๋นเจี่ยวอีกครั้ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยความลังเล “ชิงหยางไม่รับศิษย์หญิง”  

 

 

“ฮะ?” อวิ๋นเจี่ยวพูดขึ้น “แต่ข้าก็…” นางก็เป็นผู้หญิงนะ  

 

 

“เจ้าไม่เหมือนกัน!” นางยังพูดไม่ทันจบ เยี่ยยวนก็รีบสวนกลับทันที ราวกับกลัวว่านางจะเข้าใจอะไรผิด รีบลากนางออกจากกลุ่มของศิษย์หญิง จากนั้นยังพูดเสริมว่า “เจ้าเป็นชายยิ่งกว่าศิษย์ชาย!”  

 

 

“…” นี่ชมหรือว่าด่า  

 

 

-_-|||  

 

 

เดี๋ยว ที่เขาลังเลอยู่ตรงนี้ครึ่งค่อนวัน ก็เพื่อพูดเรื่องนี้?  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหน้าดำ พยายามข่มความอยากดับชีวิตของอาจารย์ลงไป แต่กลับได้ยินเสียงของเขาพูดต่อ  

 

 

“แล้วก็ มันก็ไม่ได้! ไม่ว่าชายหญิง”  

 

 

ทันใดนั้นนางก็นึกถึงปีศาจไก่สามตัวที่ขอให้เขากินพวกมัน อาจารย์ปู่คือรู้สึกรังเกียจ? หากไม่ใช่ว่า  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวห้ามเอาไว้ ปีศาจไก่สามตัวนั้นคงจะไม่ใช่ถูกเขาตีจนกลับร่างเดิมเท่านั้น แต่อาจจะวิญญาณสลายด้วยซ้ำ ดังนั้นในหลายวันมานี้ อาจารย์ปู่จึงงดกินซุปไก่ เปลี่ยนไปกินซุปเห็ดแทน ดูออกเลยว่ารังเกียจมากแค่ไหน  

 

 

ปีศาจไก่สามตัวแม้จะกลับร่างเดิมก็ยังไม่ลดละ เอาแต่ร้องเสียงดังอยู่ด้านนอกสำนักทั้งวัน เรียกร้องอยากจะถูกทำเป็นน้ำแกง สุดท้ายอวิ๋นเจี่ยวถึงได้ลากไป๋อวี้ให้ไปวาดยันต์ลบความจำ ล้างความจำของพวกมันออกไป และส่งพวกมันกลับไปยังโลกมาร ป้องกันการเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์  

 

 

ไม่ต้องสงสัย ถ้าทำให้อาจารย์ปู่โกรธคงต้องเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไก่เป็นแน่  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวมองอาจารย์ปู่ทีหนึ่ง หน้าตาดุจดั่งเทพเช่นนี้ มีเรื่องแบบนี้เป็นจำนวนมากก็เข้าใจได้ แต่ใครใช้ให้อาจารย์ปู่เป็น ‘พี่สาวน้องสาว’ กัน ความชอบทางเพศไม่เหมือนกัน จะมีความรักได้อย่างไร สำหรับราชามาร…อืม อาจเป็นเพราะหน้าตาอัปลักษณ์เกินไป อาจารย์ปู่ถึงไม่ชอบ!  

 

 

“ข้าเข้าใจแล้ว อาจารย์ปู่!” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า ตัดสินใจที่จะเป็นพี่สาวน้องสาวที่ดี!  

 

 

“อืม” เยี่ยยวนก็พยักหน้ารับ ช่างเป็นศิษย์ที่ฉลาด ศิษย์ชายเทียบไม่ติดเลยทีเดียว  

 

 

ทั้งสองคนมีความใจตรงกันอย่างประหลาด  

Related

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset