ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด – ตอนที่ 98 นายหน้าเสวียนเหมิน

สิ่งของยมโลกปรากฏบนโลกมนุษย์ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตายอย่างไร้สาเหตุของอาจารย์พิษกู่ ทั้งที่ตอนนั้นพวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ แต่อาจารย์คนนั้นกลับกลายเป็นหิน หลังจากนั้นพวกเขาเคยลองเรียกวิญญาณ แต่กลับไร้ผล ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเรียกวิญญาณของอาจารย์พิษกู่คนนั้นได้  

 

 

สถานการณ์เช่นนี้เป็นไปได้เพียงสองแบบ หากไม่ใช่ว่าวิญญาณของเขาถูกบางอย่างกักขังไว้ ก็คงจะ…สลายไปแล้ว  

 

 

อวิ๋นเจี่ยวมีความรู้สึกว่าอาจเป็นแบบที่สอง อีกทั้งใต้เท้าที่เขาพูดถึงคือใครกันแน่ หรือว่า…อาจไม่ใช่คน? นางมีความรู้สึกเหมือนกำลังจะพบแผนการชั่วร้ายบางอย่าง ดังนั้นจึงนำเรื่องนี้รายงานต่อสำนักเทียนซือ  

 

 

“อะไรนะ? ยมโลก!” เจ้าสำนักสวีทำหน้าเหลือเชื่อ เหล่าผู้อาวุโสรอบข้างก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความตะลึง ”หรือว่าจะเป็น…”  

 

 

“ยมโลกที่พวกท่านคิดนั่นละ” อวิ๋นเจี่ยวพูดยืนยัน  

 

 

“แต่ว่า…” เจ้าสำนักสวียังคงรู้สึกเหลือเชื่อ “ของในยมโลกจะมาอยู่…” โลกมนุษย์ได้อย่างไร  

 

 

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว” อวิ๋นเจี่ยวครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แต่ว่าเบื้องหลังของอาจารย์พิษกู่นี้น่าจะยังมีอีกคน…จริงสิ เขาจับเด็กพวกนั้นเพื่อจะเอาพลังบนตัวของพวกเขา ข้าคิดว่าไม่ใช่แค่นำไปเลี้ยงหนอนกู่ธรรมดาเท่านั้น เขายังได้พูดถึงเครื่องเซ่นอะไรบางอย่าง”  

 

 

ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที สักพักถึงได้พูดขึ้น “เอาละ เรื่องนี้พวกข้ารับรู้แล้ว ต่อไปพวกเราจะเริ่มสืบดูว่ามีเรื่องคล้ายคลึงกันหรือไม่ ขอบคุณสหายอวิ๋นที่บอก แต่หากเกี่ยวกับยมโลกจริง…” เจ้าสำนักสวีไม่ได้พูดต่อไป แค่คิดก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมากแค่ไหน  

 

 

หากเมื่อหลายพันปีก่อน เสวียนเหมินอาจไม่เกรงกลัวเรื่องแบบนี้ หรืออาจจะเจรจากับยมโลกได้เสียด้วยซ้ำ แต่เสวียนเหมินในตอนนี้…  

 

 

ทันใดนั้นเจ้าสำนักของแต่ละสำนักมีสีหน้าหนักใจ  

 

 

“อย่างนี้ก่อนแล้วกัน” อวิ๋นเจี่ยวเก็บยันต์ส่งสาร ตอนที่กำลังจะตัดขาดการติดต่อก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ นางได้พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคว่า “จริงสิ พรุ่งนี้พวกข้าก็จะกลับไปแล้ว แบบทดสอบของหลายวันนี้พวกท่านเขียนเสร็จกันหรือยัง อย่าลืมพรุ่งนี้นำส่งขึ้นมา”  

 

 

เจ้าสำนักสวี “…”  

 

 

เหล่าเจ้าสำนัก “…”  

 

 

ยันต์ส่งสารเงียบกริบในทันที เหล่าคนที่ยังสีหน้าครุ่นเครียดอยู่เมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นแห้งเหี่ยวเพียงชั่วพริบตา มีความรู้สึกอยากจะร้องไห้อย่างบอกไม่ถูก  

 

 

ไม่พูดเรื่องสอบ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้!  

 

 

(ಥ_ಥ)  

 

 

——————  

 

 

ตามหลักหากอาจารย์พิษกู่ตาย หนอนกู่ที่ยังไม่ได้พัฒนาไปเป็นราชาหนอนกู่ก็อยู่รอดได้ไม่นาน แต่เพื่อความปลอดภัย อวิ๋นเจี่ยวและคนอื่นได้อยู่ในหมู่บ้านหลี่อันมากขึ้นหนึ่งวัน เพราะว่าอาจารย์พิษกู่คนนี้แตกต่างจากอาจารย์พิษกู่ทั่วไป  

 

 

จนกระทั่งตอนบ่ายของวันที่สอง พวกนางถึงตัดสินใจจากไป ก่อนจากไปเทียนซือทั้งสี่คนที่ร่างกายฟื้นกลับมาแล้วก็ส่งพวกนางด้วย  

 

 

“นี่อะไร” ชายชราผงะ มองยันต์ที่เฉินเทียนซือยื่นให้เขา  

 

 

“ยันต์ส่งสาร!” เฉินเทียนซือสีหน้ากระตือรือร้น เมื่อเขาเห็นไป๋อวี้ทำสีหน้าเหมือนไม่อยากรับจึงรีบอธิบาย “สหายไป๋อาจไม่รู้ นี่ไม่ใช่ยันต์ส่งสารธรรมดา แต่นี่เป็นยันต์ส่งสารที่สำนักเทียนซือส่งต่อลงมา ได้ข่าวว่าเป็นวิชาลับจากสำนักชิงหยาง สามารถส่งสารได้จำนวนหลายคนในคราวเดียว รวดเร็วและสะดวกอย่างมาก”  

 

 

“หลายคน?” ไป๋อวี้ผงะไป ยันต์นี้คือยันต์ที่เจ้าหนูศึกษาออกมาครั้งก่อนไม่ใช่หรือ เขายังเคยวาดอยู่ไม่น้อย ให้เขาทำไมกัน  

 

 

เขากำลังจะเอ่ยถาม แต่เทียนซือที่เหลืออีกสามคนกลับตะลึง ก่อนจะเบียดเข้ามาอย่างตื่นเต้น “มันคือยันต์ส่งสารสำนักเทียนซือใช้สำหรับการเรียน?”  

 

 

“ใช่แล้ว!” เฉินเทียนซือพยักหน้า  

 

 

เทียนซือทั้งสามคนยิ่งตะลึง สายตาที่มองไปยังยันต์นั้นร้อนระอุราวกับไฟ “ไม่ใช่ว่า…มีแค่เทียนซือระดับห้าดอกไม้เท่านั้นถึงมีสิทธิหรือ”  

 

 

เฉินเทียนซือยิ้มแล้วพูดว่า “ศิษย์สำนักเจินหยวนของพวกข้ามีไม่มาก ยันต์ที่สำนักเทียนซือแจกจ่ายยังมีเหลืออีกมาก ดังนั้นข้าจึงขอมาสองใบ สหายทั้งสามมีบุญคุณกับข้า ยันต์นี้ถือเป็นน้ำใจของข้า พวกเราพบกันถือว่าเป็นวาสนาอย่างหนึ่ง”  

 

 

“วาสนาอะไร” ชายแก่มองไปยังเทียนซืออีกสามคนที่ส่งสายตาอิจฉามา ยิ่งฟังยิ่งงุนงง  

 

 

“หรือท่านสหายจะยังไม่รู้เรื่องที่สำนักเทียนซือมีการคัดเลือกเพื่อเข้าฟังศึกษาทางเต๋าหรือ” เฉินเทียนซือถาม  

 

 

“การคัดเลือกฟังเต๋า?” ชายแก่ยิ่งฉงน คืออะไรกัน  

 

 

เฉินเทียนซือจึงอธิบาย “ก่อนหน้านี้ สำนักเทียนซือได้ประกาศให้แต่ละสำนักรู้ว่าจะมีการเปิดถ่ายทอดวิชาเต๋าตามคำสั่งของปรมาจารย์สำนักชิงหยาง วิชาในนั้นรวมไปถึงคาถาที่สูญหายไปด้วย เจตนาเพื่อพัฒนาเสวียนเหมินให้รุ่งเรือง ดังนั้นจึงเรียนเชิญศิษย์แต่ละสำนักไปฟัง”  

 

 

“ปรมาจารย์? ฟังเต๋า?” ชายชรามองไปยังคนด้านหลังทั้งสอง อาจารย์ปู่ออกคำสั่งตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเขาถึงไม่รู้  

 

 

“ศิษย์เสวียนเหมินมีจำนวนมาก อีกทั้งปัจจุบันยุทธภพไม่สงบ ไม่มีทางที่ทุกคนจะไปฟังได้” เฉินเทียนซือยังคงพูดต่อ “เพื่อเป็นการไม่ทำให้ทุกคนเสียเวลาในการปราบมารขจัดปีศาจ ดังนั้นสำนักเทียนซือจึงส่งยันต์นี้ให้กับทุกสำนัก แค่เป็นเทียนซือระดับห้าดอกไม้ก็ได้รับยันต์นี้หนึ่งใบ เมื่อถึงเวลานั้นมีรวมสี่ร้อยคนที่จะฟัง”  

 

 

“สี่ร้อย…” ชายแก่ตะลึง ก่อนจะเข้าใจในทันที ที่แท้ก็เป็นการสอนรอบสองที่เจ้าหนูเคยพูดเอาไว้ เจ้าหนูไม่ได้บอกว่าเพื่อเป็นการเก็บค่าเล่าเรียนเท่านั้นหรือ กลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว เห็นได้ชัดว่านางก็ผงะไปเช่นกัน  

 

 

“ข้าเห็นสหายไป๋ก็เป็นเทียนซือระดับหนึ่งดอกไม้เหมือนกัน ดังนั้นจึงอยากให้ยันต์นี้แก่ท่านเอาไว้” พูดจบเขาก็มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวอย่างเกรงใจ เนื่องจากหลายวันนี้อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ใส่ชุดเต๋า ทำให้พวกเขาไม่รู้ระดับของนาง จึงคิดเอาเองว่านางเป็นเพียงศิษย์ที่มีพรสวรรค์และยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเท่านั้น ส่วนอีกคน ในหลายวันมานี้ไม่เคยสนทนากับพวกเขา พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ ดังนั้นครุ่นคิดดูแล้ว เฉินเทียนซือจึงตัดสินใจให้ยันต์แก่ไป๋อวี้  

 

 

ชายแก่ราวกับยังไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร มือของเขาไปกระตุ้นยันต์ นาทีถัดมาได้ยินเพียงเสียงที่ไม่คุ้นเคยมากมายส่งมาจากด้านใน  

 

 

“ข่าวใหญ่ๆ! อาจารย์จะกลับมาสอนในสามวันหลัง แบบทดสอบของทุกคนต้องนำส่งพรุ่งนี้”  

 

 

“เร็วเช่นนี้? อาจารย์เพิ่งให้แบบทดสอบข้ามา ข้ายังไม่เริ่มทำเลย! ไม่รู้ว่าแบบทดสอบนี้มีประโยชน์อะไร”  

 

 

“จะมีประโยชน์อะไรได้ ต้องเป็นเพราะอาจารย์อยากรู้ระดับของพวกเรา ดังนั้นจึงเตรียมข้อสอบไว้ให้พวกเราก่อน”  

 

 

“เฮ้อ อาจารย์ช่างลึกล้ำ ข้อสอบสามใบนั้นแม้แต่โจทย์ข้ายังอ่านไม่เข้าใจ ไม่ใช่บอกว่าที่จะศึกษาคือคาถาที่สูญหายหรือ ทำไมข้อสอบถึงเป็นข่ายพลัง”  

 

 

“อะไรนะ! ข้อสอบข่ายพลังหรือ ข้า…ข้านึกว่าเป็นยันต์เสียอีก แม้แต่โจทย์ยังไม่เข้าใจ!”  

 

 

“ได้ยินว่าสำนักเทียนซือมีตำราอธิบายข่ายพลังอย่างละเอียด อาจช่วยในการตอบคำถามได้”  

 

 

“อย่าพูดเลย ตำราข้าดูมาสองวันแล้ว ทำได้เพียงข้อเดียว”  

 

 

“สหายทุกท่านอย่าท้อใจ ขอแค่ทุกคนสามัคคีกัน ตอบออกมาไม่ได้ทั้งหมด คิดว่าอาจารย์ก็คงไม่โกรธ ฮ่าๆ!”  

 

 

“สหายความคิดก้าวไกล!”  

 

 

“สำนักเสวียนอวิ๋นเหลือยันต์ส่งสารหนึ่งใบ ราคาหนึ่งร้อยตำลึง ใครอยากได้มาก่อนได้ก่อน!”  

 

 

“อะไรนะ มีเหลือด้วย สหายรอก่อน ข้าต้องการ! ข้าซื้อ”  

 

 

“สหาย ศิษย์น้องข้ายังขาดอีกหนึ่งใบ ให้ข้าเถอะ ข้าออกสองร้อยตำลึง!”  

 

 

“สหายให้ข้า ข้าออกสองร้อยห้าสิบตำลึง”  

 

 

“ข้าออกสามร้อย…”  

 

 

“สี่ร้อย…”  

 

 

ดูท่าทางราคายิ่งต่อยิ่งสูง  

 

 

อวิ๋นเจี่ยว ” …”  

 

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที เดินขึ้นหน้าไปตัดการส่งสารของยันต์ในมือของชายแก่ หันหลังเดินออกไปทางประตูเมือง เสียงฝีเท้าเดินกระแทกดังปึงปัง  

 

 

“เดี๋ยว เจ้าหนู เจ้าจะไปไหน” ชายแก่เอ่ยถาม  

 

 

ได้ยินเพียงนางตอบกลับมาว่า “กลับ บ้าน ปรับ ราคา!”  

 

 

เฮ้ย! นอกจากโกงข้อสอบให้คนตอบข้อสอบแทนก็พอแล้ว ยังมีคนคิดจะเป็นนายหน้า!  

 

 

แม้แต่ค่าคอมมิชชันยังไม่มี นางไม่ยอมเด็ดขาด!

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด อวิ๋นเจี่ยว ศัลยแพทย์ปริญญาเอกจากคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ถึงคราวต้องกุมขมับเมื่อทำดีกลับไม่ได้ดี ช่วยเหลือคนแก่ที่หกล้มกลับโดนรีดไถและสาปแช่งให้เห็นผี! ยังไม่พอยันต์ที่ยายแก่คนนั้นสาปเธอยังทำให้เธอทะลุมิติไปยังโลกยุคโบราณและโดนล่อลวง (?) ให้เข้าเป็นศิษย์สำนักเต๋าที่ทำหน้าที่ปราบปีศาจผดุงคุณธรรมอีกด้วย เล่าลือกันว่าท่านปรมาจารย์เจ้าสำนักอารามชิงหยางนั้นสำเร็จเป็นเซียนและโบยบิน ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อหลายแสนปีก่อน แต่หากเป็นอย่างนั้นจริงเงาร่างหล่อเหลาเปล่ง รัศมีเจิดจ้าที่กำลังนั่งเล่นควันธูปอยู่นี่คือใครกันเล่า?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset