สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 44 การใกล้ชิดของเธอ + ตอนที่ 45 อนุญาตให้อยู่ต่อ

ตอนที่ 44 การใกล้ชิดของเธอ
“ขอรับท่านอ๋อง อาหารทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือบ่าวขอรับ!”
เล่อเหยาเหยาหลุบตาลง พลางเอ่ยตอบด้วยความนอบน้อม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงเลิกคิ้วอันงดงามเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือชี้ไปที่อาหารจากหนึ่งพร้อมเอ่ยถามขึ้น
“นี่คือสิ่งใด?”
“เรียนท่านอ๋อง นี่คือเต้าหู้เปรี้ยวเผ็ดขอรับ จานนี้ใช้มะเขือเทศและเต้าหู้ในการทำ เหมาะอย่างยิ่งที่จะกินในหน้าร้อนขอรับ”
เมื่อได้ยินคำถามของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยเหยารีบตอบทันที นัยน์ตางดงามที่หลุบลง ตอนนี้ค่อยๆ ตกอยู่ที่ใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า อีกทั้งภายในดวงตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
อาหารจานนี้ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของพ่อครัวหลี่เมื่อครู่ จึงรู้ว่าช่วงนี้ท่านอ๋องล้วนไม่ค่อยอยากอาหาร พร้อมทั้งตอนนี้เกือบจะเข้าหน้าร้อนแล้ว อากาศจึงค่อยๆ ร้อนมากขึ้น ถ้าหน้าร้อนได้กินของที่มีรสเปรี้ยวและเผ็ดจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้มากขึ้นแน่นอน ทว่าไม่รู้จะถูกปากท่านอ๋องผู้นี้หรือไม่
หากแต่เหลิ่งจวิ้นอวี๋ที่ได้ยินคำตอบของเล่อเหยาเหยา กลับเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น
อันที่จริง เขายังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเต้าหู้และมะเขือเทศสามารถนำไปทำอาหารรวมกันได้ และไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นเช่นไร ดังนั้นจึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
ทว่าเมื่อสัมผัสถึงความคาดหวังภายในดวงตาที่สดใสคู่นั้นของเล่อเหยาเหยาในใจเขาจึงรู้สึกสั่นไหว มือพลันหยิบตะเกียบหยกคีบอาหารขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
รสชาติที่อยู่ในปาก ทั้งเปรี้ยวและเผ็ด เต้าหู้ยังคงความสดใหม่  แถมรสชาติยังคงหลงเหลืออยู่ในปาก
เหลิ่งจวิ้นอวี๋เคี้ยวเต้าหู้ในปากอย่างช้าๆ คิ้วที่ขมวดเล็กน้อยท่ามกลางการเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อของทุกคน พลันดูผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ
“ท่านอ๋อง จานนี้ถูกปากท่านหรือไม่ขอรับ?”
เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋ผ่อนคลายลง เล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้างจึงกระพริบตาลง ก่อนจะเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ต้องพูดว่า อาหารที่เธอชอบทำที่สุดจานนี้ ทั้งเปรี้ยวทั้งเผ็ด เหมาะกับหน้าร้อนที่สุด ไม่รู้ว่าท่านอ๋องผู้นี้จะชื่นชอบหรือไม่
เมื่อได้ยินเอ่ยถามออกมาอย่างระมัดระวัง เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดที่จะเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่งไม่ได้
เมื่อเห็นใบหน้าของขันทีน้อยตรงหน้ามองตนอยู่อย่างรอคอย ดวงตาสุกใสคู่นั้นทั้งกลมโต คล้ายอัญมณีสีดำสนิทที่งดงามอย่างยิ่ง
พร้อมทั้งแววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังและรอคอย  ทำให้ผู้คนอดกลั้นคำว่า ‘ไม่’ เอาไว้ในใจ
“อืม พอใช้ได้”
“หา แค่พอใช้ได้หรือขอรับ”
เมื่อได้ยินคำตอบของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เล่อเหยาเหยาอดที่จะเม้มริมฝีปากที่ชุ่มฉ่ำคู่นั่นไม่ได้ แววตาดูผิดหวังเล็กน้อย ทันใดนั้นพลันเอ่ยแนะนำอาหารอีกจานขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“งั้นท่านอ๋องลองชิมจานนี้ขอรับ นี่เป็นไก่เผ็ดเปรี้ยวหวาน รสชาติไม่เลวขอรับ!”
เมื่อเห็นเล่อเกยาเหยาเอ่ยแนะนำอย่างกระตือรือร้น เหลิ่งจวิ้นอวี๋ก็ไม่พูดอะไรให้มากความ เพียงคีบเนื้อไก่เข้าปาก พร้อมเคี้ยวอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้นสายตาของเล่อเหยาเหยาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของชายหนุ่ม โดยที่ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ บนใบหน้าของเขา ทว่าเมื่อเห็นท่าทางหยิบตะเกียบอันสง่างามของเขา เธอจึงแอบถอนหายใจออกมา
ไม่แปลกที่เหล่าคนที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ ทุกท่วงท่าล้วนสง่างามโดยธรรมชาติเช่นนี้ แต่ที่น่าเสียดายคือ เธอกลับไม่เคยเห็นสีหน้าที่ชื่นชอบของชายหนุ่มเลย เมื่อเห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาจึงขาดความมั่นใจ
ทว่าเธอยังไม่ถอดใจ ยื่นมือหยิบตะเกียบอีกคู่ขึ้นมาคีบอาหารบนโต๊ะทุกจานวางลงในถ้วยสีทองของชายหนุ่ม ให้เขาได้ลิ้มรสอาหารทุกจาน
ทว่าเมื่อเทียบกับการทำตามอำเภอใจของเล่อเหยาเหยา ทุกคนที่เห็นการกระทำของเธอล้วนต่างกันตกใจจนตาเบิกกว้าง ด้วยแววตาที่ไม่คาดคิด
กระทั่งหัวหน้าขันทีลี่ยังอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยขึ้นมาไม่ได้
เพราะในตำหนักอ๋องแห่งนี้ ผู้ใดล้วนทราบดีว่าเวลาท่านอ๋องเสวย ไม่ชื่นชอบให้ผู้ใดปรนนิบัติใกล้ชิด
นอกจากหัวหน้าขันทีลี่ที่คอยรับใช้อยู่ข้างกายมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นการกระทำแสนบ้าบิ่นของเล่อเหยาเหยา จึงทำให้ทุกคนอดที่จะกังวลแทนเธอไม่ได้ พลางแอบภาวนาให้เธออยู่เงียบๆ ในใจ
…………………………………………………………………..
ตอนที่ 45 อนุญาตให้อยู่ต่อ
ขณะที่ทุกคนมีท่าทีผิดปกติ เล่อเหยาเหยากลับไม่รู้ตัวเลย
เพราะความสนใจทั้งหมดของเธอตอนนี้อยู่ที่ตัวข้องเหลิ่งจวิ้นอวี๋
แม้ความหวังในใจของเธอคือการสามารถออกไปจากตำหนักอ๋องแห่งนี้ ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นฝีมือในการทำอาหารที่ตนแสนภูมิใจ ไม่ได้รับคำชมจากผู้อื่นเลย กระตุ้นใจที่ไม่ยอมแพ้ของเธอขึ้นมา
อันที่จริงเล่อเหยาเหยาผู้นี้เป็นคนที่ชอบเอาชนะอย่างยิ่ง
เมื่อเทียบกับใจที่ไม่ยอมแพ้ของเล่อเหยาเหยา ทางด้านเหลิ่งจวิ้นอวี๋หลังถูกเธอเข้ามาใกล้ชิดอย่างกะทันหัน กลับไม่ทำสิ่งใดออกมา เพียงก้มหน้าลงมองอาหารเต็มถ้วยที่ถูกเธอคีบวางลงไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับสายตาจ้องมองใบหน้าที่เปี่ยมด้วยการรอคอยอย่างไม่ยอมแพ้นั้น
ทันใดนั้นคล้ายนึกบางอย่างขึ้นมาได้ สายตาจึงเปล่งประกายขึ้น
จากนั้นท่ามกลางสายตาที่เหลือเชื่อของทุกคน อาหารทั้งหมดที่เล่อเหยาเหยาคีบวางลงในถ้วยล้วนหมดเกลี้ยง โดยไม่เหลือแม้ชิ้นเดียว!
“ท่านอ๋อง รสชาติเป็นเช่นไรขอรับ? อร่อยหรือไม่?”
เมื่อเห็นเหลิ่งจวิ้นอวี๋กินเสร็จ จากนั้นหยิบผ้าเช็ดห้าในมืออีกข้างเช็ดมุมปาก เล่อเหยาเหยาพลันใช้ดวงตาอันสุกใสคู่นั้นจ้องมองที่เขา
ท่าทางนั้นคล้ายกับเด็กน้อยที่ต้องการได้คำชื่นชมจากผู้ใหญ่
ซึ่งคำพูดของเล่อเหยาเหยา ทำให้สายตาของคนตกไปอยู่ที่ร่างกายอันสง่างามของชายหนุ่มอีกครั้ง
เพราะถึงอย่างไรเพียงประโยคเดียวของชายหนุ่ม สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของผู้คนมากมายได้!
พ่อครัวหลี่ที่อยู่ด้านข้างกังวลอย่างมากจนไม่กล้าหายใจ เพราะเด็กและผู้ใหญ่บ้านเขาจะกินอิ่มนอนหลับหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับครั้งนี้!
แม้ตอนนี้ตนได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ทว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ยังคงสีหน้าเรียบเฉย หลังจากกวาดสายตามองยังเล่อเหยาเหยาหนึ่งรอบ ความเย็นชาในดวงตาของเขาจึงพลันลดลง
 เขาปิดปากเงียบไม่ได้ตอบคำถามของเล่อเหยเหยาในทันที หากรับชาหอมจากหัวหน้าลี่ ค่อยๆ เปิดฝาออกก้มหน้าลงเป่าชาในถ้วย ก่อนที่จะจิบช้าๆ
ทุกการเคลื่อนไหวของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ล้วนสง่างามอย่างไม่เป็นสองรองใคร เปิดเผยกลิ่นอายสูงศักดิ์ออกมา มองแล้วช่างเพลิดเพลิน
หากเป็นเมื่อก่อน เล่อเหยาเหยาต้องมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มรูปงามด้วยความชื่นชมอย่างแน่นอน ทว่าเวลานี้ชายหนุ่มตรงหน้ากลับคล้ายกำลังทดสอบความอดทของเธออยู่
ขณะที่ทุกคนทุรนทุราย เขากลับยิ่งนิ่งเงียบ จนทำให้เล่อเหยาเหยาอกสั่นขวัญแขวน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงพ่อครัวหลี่ที่กังวลจนเหงื่อโซมกาย
กระทั่งไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใดที่ชายหนุ่มสูงศักดิ์นั้นจิบชาหอมถ้วยนั้นหมดลง สายตาที่เย็นชามองยังเล่อเหยาเหยาที่อยู่ด้านข้าง พลางขยับริมฝีปากเล็กน้อยเอ่ยออกมาเบาๆ
“อืม ไม่เลว แม้จะไม่ได้เลิศรสที่สุด ทว่าพอใช้ได้”
แม้คำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋จะไม่ได้ดีเลิศอย่างที่คิดไว้ ทว่าความหมายของเขาคือพ่อครัวหลี่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนที่สีหน้าร้อนรนพลันออกมาอย่างดีใจ
“ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณท่านอ๋อง ต่อไปบ่าวจะพยายามทำให้ดีที่สุดขอรับ! ขอบคุณขอรับ”
“อืม”
เมื่อเห็นพ่อครัวหลี่คำนับขอบคุณตนด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ เหลิ่งจวิ้นอวี๋เพียงส่งเสียงอืมเบาๆ พลางโบกมือให้ออกไป
พ่อครัวหลี่และเสี่ยวมู่จื่อจึงรีบจัดเก็บนำอาหารที่เหลือแล้วถอยออกไปทันที
เมื่อมองสีของท้องฟ้าถึงเวลาที่ต้องเข้าเฝ้าในท้องพระโรง เหลิ่งจวิ้นอวี๋ลุกยืนขึ้นพร้อมลูบที่ชายเสื้อที่ยับย่นเล็กน้อย พลันเหลียวมองเล่อเหยาเหยา พลางก้าวเท้าออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว
โดยที่ด้านนอกประตูได้มีรถม้าอันหรูหราจอดรออยู่แล้ว
…………………………………………………………………..

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset