สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 76.2 ที่แท้ชายหนุ่มชุดขาวก็คือ… (2)

ขณะเล่อเหยาเหยาก่นด่าในใจ ทางหนานกงจวิ้นซีเมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยายังกล้าเล่นลิ้น พลันโกรธเป็นฝืนเป็นไฟ คำพูดที่เอ่ย แทบจะทะลุซอกฟันออกมา
“เจ้าว่าหนึ่งเดือนจะไม่เป็นไรหรือ!? นั่นเจ้าไม่ใช่ข้า หากเป็นเจ้า เกิดเรื่องกับสิ่งนั้นของตน เจ้ายังจะพูดอย่างสบายใจเช่นนี้อยู่หรือ!?”
หนานกงจวิ้นซีร้องตะโกนดังก้อง จนกระเบื้องบนหลังคาสั่นไหว
ทว่าหลังเขาเอ่ยจบ เล่อเหยาเหยากลับเพียงกระพริบตากลมโตสุกใสอย่างบริสุทธิ์ครู่หนึ่ง ก่อนเบะริมฝีปากแดง เอ่ยอย่างไม่ได้รับความธรรมอย่างยิ่งว่า
“องค์ชายเจ็ด สิ่งนั้นของบ่าวไม่มีแล้วขอรับ แม้วันหน้าจะนันกลับมาก็ใช้การไม่ได้อยู่ดี”
“เอ้อ”
หนานกงจวิ้นซีคิดไม่ถึงว่าเล่อเหยาเหยาจะตอบเช่นนี้ออกมา ใบหน้างดงามอดมึนงงไม่ได้ ก่อนพลันมีรู้ทำเช่นไรดี
อันที่จริงเขาลืมไปว่า ตรงหน้านี้คือขันที สิ่งนั้นจึงไม่มีอยู่แล้ว
ขณะหนานกงจวิ้นอวี๋เขินอายไม่รู้ควรจะตอบเช่นไร เล่อเหยาเหยาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ กระพริบดวงตางดงามไม่หยุดชั่วครู่ จากนั้นแอบใช้มือบีบต้นขาตน ก่อนภายในดวงตางดงามพลันพรั่งพรูม่านน้ำขมุกขมัวขึ้นมา
ทำให้ท่าทางของเธอดูน่าสงสารยิ่งขึ้น
หนานกงจวิ้นซีที่กำลังเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะคำพูดเมื่อครู่ของเล่อเหยาเหยาตกตะลึงเล็กน้อย ยังไม่ได้สติ เห็นดวงตากลมโตงดงามสุกใสคู่นั้นของเล่อเหยาเหยาเข้าพอดี ในใจพลันสั่นไหว
อันที่จริงเมื่อครู่เขาเอาแต่โมโห จึงไม่สนใจท่าทางของขันทีน้อยผู้นี้ เวลานี้เมื่อมองอย่างละเอียดจึงพบว่า ที่แท้ขันทีน้อยนี้หน้าตาจิ้มลิ้มยิ่งนัก!
ใบหน้าเล็กขนาดเท่าฝ่ามือ ผิวขาวราวหิมะ อวัยวะบนใบหน้าทั้งห้าดูประณีต หน้าตางดงามดุจหยก ฟันขาวริมฝีปากแดง
สิ่งที่ต้องตาที่สุดคือ ดวงตาโตคู่นั้น
ทั้งใหญ่ทั้งกลม ราวเพชรตาแมวที่แวววาวงดงาม
หนานกงจวิ้นซีเห็นหญิงงามมาไม่น้อย เพราะภายในวังหลวง หญิงงามดุจเมฆ อ่อนช้อยงดงาม เพริศพริ้งบริสุทธิ์ จนนับไม่ถ้วน
แต่กลับไม่เคยเห็นผู้ใดมีดวงตาที่โตน่ามองเช่นนี้มาก่อน!
โดยเฉพาะเมื่อขันทีน้องตรงหน้าเบะริมฝีปากแดง ดวงตางดงามคู่นั้น ภายในมีหยดน้ำแวววาวสุกใสเกลือกกลิ้งไปมาไม่หยุด คล้ายพร้อมจะไหลออกมาได้ทุกเวลา
ท่าทางดุจหยาดน้ำฝนบนดอกแพร์ น้ำค้างบนยอดไม้ยามฤดูใบไม้ผลินั้น งดงามจับใจโดยมิอาจกล่าวได้อย่างหมดจด อีกทั้งคล้ายกับว่าหากเขาลงโทษเขา จะกลายเป็นคนบาปนับพันปีทำชั่วที่อภัยไม่ได้
หลังรบรู้ถึงเรื่องนี้ ทำให้หนานกงจวิ้นซีรู้สึกราวคนใบ้กินอึ่งโน้ย ขมแต่พูดไม่ออก
อันที่จริงหากคนอื่นปฏิบัติเช่นนี้กับเขา เขาไม่รีรอที่จะลงโทษบ่าวรับใช้ผู้นั้นแน่ แต่เพราะเหตุใดเมื่อเห็นแววตาสุกใสน่าสงสารคู่นั้น เขากลับพลันห้ามใจเอาไว้ไม่ได้!?
ขณะหนานกงจวิ้นซีสับสนในใจ แววตาปรากฏความยุ่งยากใจขึ้นมา และท่าทางเช่นนี้ของเขาถูกเล่อเหยาเหยาจับได้พอดี จนอดดีใจไม่ได้
อันที่จริงฝีมือการแสดงของเธอ จะพูดอย่างไร ก่อนหน้านี้เคยได้รับรางวัลจากการแสดงของโรงเรียน ดังนั้นเมื่อครู่เธอจึงใช้กลยุทธเจ็บกาย เพราะคุณสมบัติของร่างนี้ เพียงกระพริบตาโต ขมวดคิ้ว ท่าทางแลดูน่าสงสาร แม้เธอจะฝึกแสดงกับกระจกทองเหลือง ยังถูกท่าทางงดงามจับใจในกระจกหลอกลวงเข้า
และอุบายนี้ เดิมทีเธอฝึกฝนไว้ใช้กับพญายม
อันที่จริงการอยู่ข้างกายพญายม เท่ากับศีรษะเธอแขวนอยู่บนเข็มขัด แม้อาจจะมีความเป็นได้ที่จะรักษาไว้ไม่ได้ ดังนั้นในตอนขับคันหากใช้อุบายนี้ อยากน้อยสามารถทำให้คนใจอ่อน ไม่ลงโทษหนักกับเธอ
ดังเช่นเวลานี้ แม้องค์ชายเจ็ดตรงหน้าคิดจะลงโทษเธอ แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเธอ ก็ไม่ใช่ใจอ่อนแล้วหรือ!?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาดีใจอย่างยิ่ง เดิมทีคิดว่าอุบายนี้ของตนจะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น กลับคิดไม่ถึง ประกายความดีใจในดวงตาเธอเมื่อครู่ จะถูกพญายมที่นั่งอยู่ด้านข้างมาตลอดเห็นเข้า
เห็นขันทีน้อยตรงหน้ากระพริบตาไม่หยุดเพื่อแสร้งทำท่าทางน่าสงสาร เหลิ่งจวิ้นอวี๋อดยิ้มมุมปากไม่ได้
แม้ใบหน้าจะยังราวภูเขาน้ำแข็งเช่นเดิม แต่หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าสายตาที่เขามองเล่อเหยาเหยา ราวกับหยดน้ำที่ไหลกลิ้งอย่างอ่อนโยน
เฮอเฮอ เด็กนี้ฉลาดเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
ในใจเหลิ่งจวิ้นอวี๋อ่อนยวบ ทันใดนั้นกวาดหางตามองยังศิษย์น้องของตนที่พลันปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง
หลายวันก่อน เขาเพิ่งได้รับข่าวว่าศิษย์น้องผู้นี้ได้หนีการอภิเษกมา คิดจะซ่อนตัวอยู่ในจวนของเขา คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเร็วเช่นนี้
อีกอย่างพอมาถึงที่นี่ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
หากขันทีผู้อื่นล่วงเกินเจ้านายเช่นนี้ เขาไม่สนใจอย่างแน่นอน ให้ศิษย์น้องลงโทษได้ตามใจ ทว่าการลงโทษขันทีน้อยตรงหน้านี้ เขากลับไม่สนใจไม่ได้
หลังคิดถึงเรื่องนี้ เหลิ่งจวิ้นอวี๋ไอเบาๆ ออกมา รอให้ทุกคนมองมาที่ตน จึงเผยอริมฝีปากแดง ก่อนหันไปเอ่ยกับหนานกงจวิ้นซีที่นอนอยู่บนเตียง
 “ข้าว่ากระต่ายน้อยคงไม่ได้ตั้งใจ ครั้งนี้เจ้าให้อภัยเขาเถอะ อีกอย่างเจ้าก็จริงๆ เลย มีประตูกลับไม่เดินเข้ามา จำต้องปีนข้ามกำแพง เจ้าทำเช่นนี้ ไม่ให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นหัวขโมยได้เช่นไร กระต่ายน้อยทำเช่นนี้ ถือว่าเหมาะสมแล้ว”
คำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ เห็นชัดว่าแอบช่วยเล่อเหยาเหยา
ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงประหลาดใจ ใบหน้าพลันตกตะลึงชั่วขณะ สายตาที่มองยังเหลิ่งจวิ้นอวี๋ปรากฎความแปลกใจขึ้นมา
สวรรค์!
เธอฟังไม่ผิดใช่หรือไม่!
พญายมเอ่ยปากช่วยเหลือเธอ!
ช่างทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
อีกทั้งตอนนี้เธอจึงรู้ว่าเดิมทีพญายมก็เป็นคนดี
ตรงข้ามกับเล่อเหยาเหยาที่ประหลาดใจ ทางด้านหนานกงจวิ้นซีก็ประหลาดใจไปไม่น้อยกว่าเล่อเหยาเหยา
เพราะเขากับเหลิ่งจวิ้นอวี๋คือศิษย์พี่ศิษย์น้อง ฝึกวรยุทธในเทียนซานร่วมกันมาไม่ต่ำกว่าห้าปี ดังนั้นเขาที่เป็นศิษย์น้องของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ จึงรู้นิสัยใจคอของศิษย์พี่ตนเป็นอย่างดี
ในสายตาเขา ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนเย็นชา เย่อหยิ่งเคร่งขรึม แต่ความจริงเขากลับมีหัวใจที่เปราะบาง
ดังนั้นปกติเขาจึงมักใช้หน้ากากที่เย็นชากันให้ผู้คนออกห่างเป็นพันลี้
อีกทั้งผู้อื่นและเรื่องราว เพียงไม่เกี่ยวข้องกับตน ก็ไม่เข้าไปยุ่ง
ดังนั้นตอนนี้ ศิษย์พี่ใหญ่ของเขากลับออกโรงปกป้องขันทีน้อยผู้หนึ่ง นี้ มันช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก!
หรือช่วงเวลาที่เขากับศิษย์แยกจากกันไป เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับศิษย์พี่ใหญ่? ถึงนิสัยเปลี่ยนไปเช่นนี้!?
คิดถึงตรงนี้ สายตาของหนานกงจวิ้นซีอดมองเล่อเหยาเหยาที่ยืนอยู่ด้านหน้าตนไม่ได้ ภายในแววตาปรากฎความประหลาดใจและครุ่นคิดแวบขึ้นมา
หรือจะเป็นขันทีน้อยตรงหน้านี้!?
อาจเพราะสายตามองเห็นบางสิ่งจากสายตาของหนานกงจวิ้นซี ดวงตาเหลิ่งจวิ้นอวี๋วาบขึ้น ก่อนพลันเปลี่ยนข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว
 “จวิ้นซี เพราะเหตุใดเจ้าต้องปีนกำแพงเข้ามา?”
 “เอ้อ เรื่องนี้ พูดแล้วยาวพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งจวิ้นอวี๋ หนานกงจวิ้นซีมีสีหน้ามึนงง แม้จะรู้ว่าเหลิ่งจวิ้นอวี๋ตั้งใจเปลี่ยนข้อสนทนา แต่เมื่อศิษย์พี่ใหญ่ไม่อยากให้เขาลงโทษขันทีน้อยผู้นี้ เขาจะให้เกียรติศิษย์พี่ใหญ่ วันนี้จะไม่ลงโทษขันทีน้อยผู้นี้
เพราะถึงอย่างไรวันข้างหน้ายังมีอีกมากมิใช่หรือ!?
อีกอย่างเรื่องเขาปีนกำแพงเข้ามานี้ พูดไปแล้วขายหน้าอยู่บ้าง ทว่าเขายังอธิบายให้ศิษย์ฟังอย่างละเอียด
อันที่จริงเขามาที่นี่เพื่อหลบภัย จึงต้องพูดความลำบากของตนออกมาถึงจะดูดี อีกอย่างอนาถมากเพียงใดต้องพูดออกมา พยายามให้ได้ความเห็นใจ
 “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ เฮ้อ ชีวิตข้าลำบากยิ่งนัก! ข้าไม่รู้เพราะเหตุใดหมู่โฮวจึงชื่นชอบเด็กเวรนั้นขนาดนั้น เด็กเวรนั้นทั้งเตี้ยทั้งขี้เหร่ทั้งชอบพัวพันคนอื่น เห็นแล้วช่างน่ารังเกียจ แต่ไม่รู้นางวางยาเสน่ห์ใดกับหมู่โฮว ถึงทำให้หมู่โฮวอยากให้ข้าอภิเษกกับนาง ฮึๆ คิดให้ข้าอภิเษกกับเด็กเวรนั้น นางคิดผิดเสียแล้ว!”
เอ่ยจบ หนานกงจวิ้นซีกัดฟันกรอด
……………………………………….

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset