สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 125 จะตบหน้าคนก็ต้องตบซ้ำๆ ให้สุด

        “ซูจิ่นซี จะให้ข้า… ให้ข้าทำเรื่องสกปรกเช่นนั้น เจ้าอย่าได้คิดเลย! ”

        ฮั่วอวี้เจียวแทบจะกัดฟันกรอด

        “จิ่นซี ตอนนี้อวี้เจียวได้เป็นคู่หมั้นของข้าแล้ว กล่าวได้ว่านางเป็นพระชายาของไท่จื่อ ให้ทำเรื่องเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง? ข้าเคยพูดแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะทำอันใด สุดท้ายอวี้เจียวก็คือผู้ที่ข้ารัก ต่อให้เจ้าจะทำลายชื่อเสียงของนางด้วยวิธีนี้ ข้าก็ยังจะรักนางและอภิเษกกับนาง เหตุใดเจ้าต้องทำเช่นนี้อีก! ”

        ไท่จื่อเยี่ยเซินผู้แสนเย่อหยิ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมองซูจิ่นซีอยู่ในสายตา ไปที่ใดแล้วเล่า?

        ซูจิ่นซีเริ่มสงสัยบ้างแล้วว่า เยี่ยเซินข้ามภพมาเหมือนกันกับนางหรือไม่

        คาดไม่ถึงว่าวันนี้เขาจะไม่อารมณ์เสียใส่ซูจิ่นซี

        “ไท่จื่อ หรือว่าเช่นนี้ดีหรือไม่ ท่านรับการเดิมพันแทนคุณหนูฮั่ว! ข้าไม่ให้ท่านยืนอยู่ที่ประตูจุ้ยหงหรอก ท่านเป็นถึงชูจุนคงไม่เหมาะสมเท่าใดนักที่จะปรากฏตัวในสถานที่เช่นนั้น ให้ท่านยืนอยู่ที่ถนนหลักฉางอันก็แล้วกัน! เป็นอย่างไร? ”

        ซูจิ่นซียิ้มอย่างเดียงสา

        “ซูจิ่นซี! ”

        เยี่ยเซินขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าดูไม่เต็มใจ นอกจากนั้นยังมีบางสิ่งที่ทำให้ซูจิ่นซีคลางแคลงใจเช่นกัน ทว่าเยี่ยเซินยังคงไม่มีความเดือดดาล

        “เป็นอย่างไรเล่า? ไท่จื่อ! ขอเพียงการเดิมพันนี้เสร็จสิ้น ข้ารับปากท่านว่า หลังจากนี้ตราบใดที่คุณหนูฮั่วไม่มายั่วยุข้า ข้าก็จะไม่ทำให้นางลำบากใจอีก”

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็คิดวิธีเล่นสนุกขึ้นมาได้ นางรู้สึกว่าแกล้งเยี่ยเซินน่าสนุกกว่าฮั่วอวี้เจียวมาก

        “จิ่นซี เจ้าอย่าทำเกินไปนัก ข้าเป็นไท่จื่อ! ”

        ไท่จื่อเป็นตัวแทนของอำนาจและเกียรติของราชวงศ์ จะมาเปลื้องผ้าในที่สาธารณะได้อย่างไรกัน?

        หากข่าวนี้แพร่ไปถึงเมืองอื่นจะให้คนมองจงหนิงอย่างไร?

        เยี่ยเซินตอบรับคำขอของซูจิ่นซีสิถึงจะแปลก

        “หากไท่จื่อไม่ยินยอม เช่นนั้นคุณหนูฮั่วก็ต้องทำด้วยตนเองแล้ว! ” ซูจิ่นซีจงใจถอนหายใจ “น่าเสียดาย… คุณหนูฮั่ว ไท่จื่อดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจเจ้าอย่างที่เขาพูด”

        “ซูจิ่นซี เจ้าอย่ามายุให้รำตำให้รั่ว! ”

        ในที่สุดเยี่ยเซินก็โมโหขึ้นมาบ้างแล้ว

        ซูจิ่นซีกางมือออกทั้งสองข้าง ใบหน้ายังคงไร้เดียงสา “ข้าพูดความจริงหรือไม่เล่า! หากท่านรักคุณหนูฮั่วจริงก็ต้องทนไม่ได้ที่นางเปลื้องผ้าให้ผู้อื่นเห็นกระมัง? ถูกต้องหรือไม่ ทุกคน! ”

        สองประโยคแรกสำหรับเยี่ยเซิน หนึ่งประโยคหลังสำหรับผู้ชมที่มุงดูโดยรอบ

        รถม้าของไท่จื่อและรถม้าของพระชายาโยวอ๋องชนกันกลางถนน ทั้งยังอยู่บนถนนหลักฉางอันซึ่งเป็นถนนที่พลุกพล่านที่สุดในเมืองตี้จิง บริเวณโดยรอบห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมายที่คอยจับตาดูอยู่เป็นเวลานานแล้ว

        ซูจิ่นซีตะโกน ทุกคนต่างก็เห็นด้วยในทันที

        “ใช่! พระชายาโยวอ๋องกล่าวถูกต้อง ไท่จื่อ แท้จริงแล้วท่านรักคุณหนูฮั่วเพียงใดกัน! ”

        “กล่าวมากความแล้วได้อันใด? ทำให้ทุกคนเห็นสิ! ”

        “ใช่! พูดอย่างเดียวแต่ไม่ทำก็ไร้ประโยชน์นะ! ”

        “ข้าว่านะ! สำหรับไท่จื่อแล้ว คุณหนูฮั่วอาจจะเป็นของเล่นใหม่ เมื่อได้มาแล้วก็ล้วนไม่มีอันใด อย่างไรก็ตาม ตงกงก็ไม่อาจมีคุณหนูฮั่วอวี้เจียวเป็นสตรีเพียงคนเดียวได้ตลอดไป! ”

        “บุรุษเพศชอบใหม่ลืมเก่าเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก คำพูดอ่อนหวานไพเราะ ออดอ้อนชวนใจไหวหวั่น เพื่อทำให้สตรีเบิกบานใจ ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด”

        ตอนนี้ชื่อเสียงของฮั่วอวี้เจียวดังกระช่อนไปทั่วเมืองตี้จิง หลายคนจงใจกล่าวเกินจริงเพื่อช่วยซูจิ่นซีกระตุ้นเยี่ยเซินและฮั่วอวี้เจียว

        ใบหน้าของเยี่ยเซินและฮั่วอวี้เจียวแปรเปลี่ยนไปในทันที

        “ไท่จื่อ พระองค์ถอดเสื้อก็ไม่เป็นอันใดหรอก พวกเราพสกนิกรเมื่อทำงานก็มักจะถอดเสื้อไม่ใช่หรือ? พระองค์ดูช่างตีเหล็กซุนสิ เขาถอดเสื้อมาหลายปีแล้ว”

        ชายคนหนึ่งพูดพลางชี้ไปที่ช่างตีเหล็กข้างถนนที่กำลังตีเหล็กอยู่

        ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนใส่ชายผู้นั้น “พูดอันใดกัน? ไท่จื่อจะเหมือนพวกเราได้อย่างไร? ”

        “เหตุใดจึงไม่เหมือนกัน? ทุกวันฮ่องเต้ตรัสถึงการใกล้ชิดประชาชนและรักประชาชน ตอนที่ยังไม่ขึ้นครองราชย์ พระองค์มิได้ทรงถอดฉลองพระองค์และเสด็จลงมาช่วยทำนากับชาวบ้านอย่างเหน็ดเหนื่อยหรือ? เหตุใดกัน? เมื่อเป็นไท่จื่อแล้วกลับมองไม่เห็นหัวพวกเราประชาชนแล้วหรือ? ”

        ในไม่ช้า ประชาชนต่างก็เริ่มพูดคุยถึงปัญหาความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเยี่ยเซินและฮั่วอวี้เจียวอย่างหมดจด และขยายไปสู่ประเด็นทางการเมืองระดับชาติ

        ฮ่องเต้ที่รักพสกนิกรดั่งบุตรและชูจุนที่ดูถูกประชาชนของตนเอง?

        นั่นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก

        หลายคนใช้สายตามองเยี่ยเซินแปลกๆ มีทั้งความคับข้องใจและความคลางแคลงใจ

        “ไท่จื่อ? ยังไม่เข้าพระทัยอีกหรือ? หากพระองค์ยังไม่เข้าพระทัย เช่นนั้นก็หลีกทาง ข้ายังต้องกลับจวนอีกนะ! ” ซูจิ่นซีกล่าวขึ้น

        หมัดของเยี่ยเซินกำแน่นจนข้อต่อส่งเสียงดังกร๊อบ ทว่าเขายังคงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะอดทนต่อหน้าซูจิ่นซี

        “จิ่นซี เจ้ากล่าวแล้วนะ เพียงข้ารับการเดิมพันระหว่างพวกเจ้าแทนอวี้เจียว หลังจากนี้เจ้าจะไม่ทำให้นางลำบากใจอีก”

        “ได้! ขอเพียงนางไม่เข้ามาหาเรื่องก่อน”

        ซูจิ่นซีเน้นย้ำข้อตกลงของตนเอง

        “ได้! ”

        เยี่ยเซินพูดจบ ดวงตาเปล่งประกายด้วยความเย็นชาและโกรธเกรี้ยว เขาถอดเสื้อผ้าของตนออกในคราวเดียว

        โอ้…

        สวรรค์!

        คาดไม่ถึงว่าไท่จื่อจะถอดเสื้อผ้าในที่สาธารณะจริงๆ

        หลายคนที่กำลังล้อมชมล้วนอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

        นอกจากนี้ยังมีสตรีบ้าผู้ชายหลายนางที่มองดูร่างกายอันแข็งแรงของเยี่ยเซินด้วยสองตาเบิกบานใจ

        ยังมีบางคนลอบถ่มน้ำลาย

        ถุย!

        ไท่จื่อกระไรกัน?  ก็เพียงเท่านี้! คาดไม่ถึงว่าแม้แต่สตรีนางเดียวก็สู้ไม่ได้ ศักดิ์ศรีของจงหนิงแห่งเขาเจียงชาน

        นอกจากนั้นยังมีคนที่ต่อต้านการเปลื้องผ้าของเยี่ยเซินอยู่ด้วย สวรรค์ ไท่จื่อทำสิ่งนี้ในที่สาธารณะได้อย่างไร? นั่นมัน… ไร้ยางอายเกินไปแล้ว

        ฮั่วอวี้เจียวยืนอยู่ด้านข้างของเยี่ยเซิน

        นางฟังเสียงนินทา รับรู้ได้ถึงการจ้องมองที่รุนแรง และความประหลาดใจของผู้คน หากเปรียบเทียบเป็นนางที่ยืนถอดเสื้อผ้าอยู่ตรงนั้นก็ยังน่าเกลียดน้อยกว่านี้

        เยี่ยเซินเมื่อเทียบกับเยี่ยโยวเหยาแล้วยังห่างไกลกันนัก หากเป็นเยี่ยโยวเหยาจะต้องไม่ทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน

        เมื่อนึกถึงพระราชโองการของฮ่องเต้ก็พานให้เจ็บปวดใจยิ่งนัก นางคงไม่มีวันได้เป็นสตรีของเยี่ยโยวเหยาอีกต่อไป

        ทั้งหมดนี้ต้องโทษซูจิ่นซี หากไม่ใช่เพราะนาง ฮั่วอวี้เจียวก็คงไม่ต้องหนีการไปอารามอวิ๋นเยวี่ยโดยการจำนนต่อเยี่ยเซิน

        ซูจิ่นซี เป็นเจ้าที่ทำลายทุกอย่างของข้า

        ความเจ็บปวดทั้งหมดที่เจ้ามอบให้กับข้า ข้าจะคืนให้เจ้าสิบเท่า ร้อยเท่า หนึ่งพันเท่า!

        เจ้ารอดูข้าให้ดี!

        ซูจิ่นซีมองไปยังดวงตาที่โกรธเคืองและยั่วยุของฮั่วอวี้เจียว และกลับมาแสดงสีหน้าท่าทางเช่นเดิม

        หลังจากนั้น ซูจิ่นซีก็เดินลงมาจากรถม้าอย่างสง่างาม “ไท่จื่อ ในเมื่อท่านได้กระทำแทนคุณหนูฮั่วก็ไม่จำเป็นต้องยืนเป็นเวลาสามวัน เพียงสามชั่วยามก็แล้วกัน! เจ้ายืนที่นี่ก่อน ข้าจะไปหาสถานที่อบอุ่น วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวทีเดียว”

        ซูจิ่นซีพูดจบ ทั้งยังจงใจทำตัวหนาวสั่นอีกด้วย

        หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น

        เยี่ยเซินยังคงยืนอยู่บนถนนหลักฉางอันซึ่งเป็นถนนที่พลุกพล่านที่สุดในเมืองตี้จิง โดยมีฮั่วอวี้เจียวยืนอยู่ข้างกาย รอบข้างรายล้อมไปด้วยฝูงชนที่มารับชมการแสดงดีๆ

        ซูจิ่นซีนั่งลงริมหน้าต่างโรงน้ำชาที่อยู่ไม่ไกลนัก ฟังเพลง ดื่มน้ำชา และแทะเมล็ดแตงโมอย่างสบายใจ นางสามารถมองเห็นสถานการณ์บนท้องถนนได้อย่างชัดเจน ไม่มีสิ่งใดมากั้น

        อย่าคิดว่าเยี่ยเซินทำตามเดิมพันแทนฮั่วอวี้เจียวแล้ว ซูจิ่นซีจะยอมปล่อยฮั่วอวี้เจียวไปเช่นนี้

        ไม่มีทาง!

        ผู้ใดมีบัญชีหนี้แค้น ซูจิ่นซีบันทึกไว้ในใจอย่างชัดเจน!

        ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องความแค้นเหล่านี้ ซูจิ่นซีหาใช่ผู้ที่ทำเพียงครั้งเดียวแล้ววางมือ การจะตบหน้าคนก็ต้องตบซ้ำๆ ให้ถึงที่สุด

        ใช่หรือไม่?

        ดังนั้น ในขณะที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ซูจิ่นซีก็ได้นำสิ่งของที่สำคัญมากออกมาจากระบบถอนพิษ

        นางยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

        เยี่ยเซิน ฮั่วอวี้เจียว พวกเจ้าจบสิ้นแล้ว!

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset