สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 150 วางใจ สตรีปากร้ายทำให้ลำบากใจ

      “เกิดเรื่องอันใดขึ้น? ”

        ซูจิ่นซีรีบออกมาจากเรือนอวิ๋นไค

        แม่นมฮวาเป็นห่วงเยี่ยโยวเหยาเช่นกัน จึงรีบออกมาจากห้องเครื่องเล็ก

        พ่อบ้านมองไปยังเหล่าทหารองครักษ์ในเรือนชิงโยว สายตาเป็นประกายวาววับ

        “พ่อบ้าน เข้ามาพูดในเรือนเถิด” ซูจิ่นซีเข้าไปที่เรือนอวิ๋นไค

        พ่อบ้านจึงเดินถามเข้าไป “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! ด้านนอกมีข่าวลือว่าเมื่อคืนพระชายาบังคับให้คุณหนูเหม่ยเจียออกไปจากหนานย่วน คุณหนูเหม่ยเจียอยู่ด้านนอกถูกคนล่วงละเมิดและได้สูญเสียความบริสุทธิ์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

        “กระไรนะ? ”

        แม่นมฮวาตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

        สวรรค์ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน?

        แม้ว่านางจะไม่ได้ชอบเว่ยเหม่ยเจียมากนัก ทว่าในยุคนี้เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือนช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่งนัก

        “เกิดเรื่องกระไรขึ้นกันแน่? ” ซูจิ่นซีถามขึ้น

        ใบหน้าของพ่อบ้านลังเล “เรื่องนี้คงเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ คนทางหนานย่วนบอกว่าเว่ยกั๋วกงกับฮูหยินเว่ยกั๋วกงมาแล้ว และให้ท่านอ๋องกับพระชายาไปที่นั่น ตอนนี้ที่ประตูจวนโยวอ๋องเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเพื่อต่อสู้ความยุติธรรมให้แก่คุณหนูเหม่ยเจีย พวกเขาเรียกหาคำอธิบายจากพระชายาพ่ะย่ะค่ะ! ”

        เว่ยกั๋วกงเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเฉินไท่เฟย และเป็นบิดาของเว่ยเหม่ยเจีย ฮูหยินเว่ยกั๋วกงเองก็เป็นมารดาของเว่ยเหม่ยเจีย

        อย่างไรก็ตาม แม้ท่านชายเว่ยจะเป็นพระญาติของฮ่องเต้ ทว่าก็ได้รับฐานันดรศักดิ์ท่านชาย เนื่องจากเป็นคนของฝั่งสกุลเฉินไท่เฟย แท้จริงแล้วไม่มีอำนาจอันใดเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ ท่านชายเว่ยและครอบครัวของเขาได้ย้ายออกจากเมืองตี้จิงเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกังขา

        เกิดอันใดขึ้นเมื่อคืนนี้ หากเช้านี้พ่อบ้านไม่มารายงาน แม้แต่ซูจิ่นซีก็คงไม่มีทางรู้ กล่าวตามเหตุผลแล้ว ทางท่านชายเว่ยไม่ควรได้รับข่าวอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่มาถึงเมืองตี้จิงอย่างรวดเร็ว?

        “JX1 JX2 JX3 JX4”

        “พ่ะย่ะค่ะพระชายา! ”

        ทันใดนั้นองครักษ์ทั้งสี่นายก็ปรากฎตัวที่หน้าประตูเรือนอวิ๋นไค

        “พวกเจ้าคนหนึ่งไปตรวจสอบว่าเมื่อคืนนี้ผู้ใดเป็นคนกระจายข่าวและยังรายงานไปที่จวนท่านชายเว่ย อีกหนึ่งคนไปตรวจสอบว่าเมื่อคืนตอนที่เว่ยเหม่ยเจียเกิดเรื่องขึ้น ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ใด และอีกสองคนตามข้าออกไปสังเกตว่าผู้ใดพูดพล่ามในฝูงชนและจับคนที่พูดพล่ามทั้งหมดให้ข้า”

        “พ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์ทั้งสี่นายตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน

        นางไม่เชื่ออีกต่อไปแล้วว่าศักดิ์ศรีของเว่ยเหม่ยเจียในสายตาของคนทั่วไปจะดีถึงเพียงนี้ คาดไม่ถึงว่าแม้แต่จวนโยวอ๋องยังกล้าที่จะห้อมล้อม หากไม่ใช่เพราะมีคนจงใจยุยงให้เกิดความไม่ลงรอยและก่อความวุ่นวาย จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเกิดฝูงชนขึ้นเองได้

        “พ่อบ้าน ท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีกหรือ? ” ก่อนจะไป ซูจิ่นซีเอ่ยถามขึ้น

        “พ่ะย่ะค่ะพระชายา ตั้งแต่ท่านอ๋องเข้าวังไปเมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ทางในวังก็ไม่มีข่าวคราวอันใด ข้าน้อยได้จัดการให้คนไปตรวจสอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

        “เจ้าไปตรวจสอบด้วยตนเองดีกว่า! ”

        ตั้งแต่เมื่อคืน ซูจิ่นซีก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีมาโดยตลอด ตอนที่เยี่ยโยวเหยาจากไปได้กล่าวแล้วว่าจะกลับมารับประทานอาหารกับนางในตอนเช้า ไม่มีเหตุผลที่เขาจะผิดสัญญากับนาง!

        ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้ยังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นกับเว่ยเหม่ยเจีย หากเยี่ยโยวเหยาได้รับข่าวก็ต้องกลับมาแต่เช้าแล้วเช่นกัน นางกังวลอยู่เสมอว่าจุดประสงค์ในครั้งนี้ที่ฮ่องเต้เรียกเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในวังกลางดึกนั้นไม่บริสุทธิ์

        ในเวลานี้ประตูจวนโยวอ๋องถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมายยิ่งกว่าตอนที่สอบสวนคดีวางยาพิษของฮองเฮาครั้งที่แล้วเสียอีก

        “ซูจิ่นซี ออกมาเถิด! เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? ออกมาอธิบายสักหน่อยเถิด! ”

        “เสียแรงที่ทุกคนเข้าข้างท่านมาโดยตลอด เชื่อใจท่าน คิดว่าท่านเป็นคนดี คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะทำเรื่องเช่นนี้ได้”

        “ใช่! อย่างไรเว่ยเหม่ยเจียก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งออกเรือน บัดนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ต่อไปจะให้นางจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? ”

        “จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? ได้ยินมาว่าคุณหนูเหม่ยเจียพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแล้ว หากไม่ใช่ท่านชายเว่ยกับฮูหยินเว่ยกั๋วกงมาถึงทันเวลา ไม่แน่ว่านางอาจตายไปแล้ว ยังจะมีชีวิตอยู่กระไรกันเล่า? ”

        “ซูจิ่นซี ท่านมันเป็นสตรีขี้อิจฉา! ”

        “ซูจิ่นซี คาดไม่ถึงว่าท่านจะเป็นคนเช่นนี้! ”

        “ซูจิ่นซี ท่านรีบออกมาเถิด ออกมาอธิบายให้ทุกคนฟังสักคำ! ”

        “ออกมา ออกมาเถิด ซูจิ่นซีออกมา! ”

        ท่ามกลางถ้อยคำด่าทอต่อว่าของทุกคน ประตูใหญ่จวนโยวอ๋องที่สุขุมและสง่างามก็เปิดออกอย่างเชื่องช้า แม้ซูจิ่นซีจะแต่งหน้าเรียบง่าย ทว่ามองไปแล้วกลับดูมีชีวิตชีวายิ่ง นางก้าวออกมาจากด้านในทีละก้าวอย่างทรงพลัง

        ทันใดนั้นใบผัก ไข่เน่า ผลไม้เน่าเสีย และอื่นๆ จากฝูงชนก็ถูกโยนเข้ามาที่ร่างของซูจิ่นซีอย่างรวดเร็ว

        ทหารอารักขา องครักษ์ลับที่อยู่ด้านหลังของซูจิ่นซีรีบเข้ามาปกป้องซูจิ่นซีที่อยู่ตรงกลางทันที พวกเขาใช้ดาบฟันชับชับสองครั้งเพื่อป้องกันการโจมตี

        ซูจิ่นซีผลักเหล่าองครักษ์ออกไปด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม นางยืนอยู่ต่อหน้าฝูงชนอย่างทรงพลังยิ่ง มองลงไปยังพื้นที่ไม่เป็นระเบียบเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกเหลือทน ซูจิ่นซียิ้มเยาะที่มุมปากพลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าข้า…ซูจิ่นซีในสายตาของทุกท่านจะเป็นคนเช่นนี้ บัดนี้ข้ายืนอยู่ตรงนี้ มีสิ่งใดต้องการจะถาม ทุกท่านก็พูดออกมาให้หมดเถิด! ”

        แม้ซูจิ่นซีจะเป็นสตรีที่มีร่างกายบอบบางทว่านางยังคงยืนหยัดให้ทุกคนพิพากษา ความดื้อรั้นของนางนั้นไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่กำลังถูกพิพากษา กลับกันนางเหมือนดั่งจิ่วเทียนเซวียนหนิ่ว [1] ที่จ้องมองผู้คนอยู่

        หลายคนที่เมื่อครู่ยังตะโกนต่อว่าซูจิ่นซี ครานี้กลับก้มหน้าลงด้วยความกลัวเกรงในรัศมีของนาง ไม่กล้าพูดอันใดแม้แต่น้อย

        ทว่ายังมีผู้ที่มีความกล้าและพลังอันยิ่งใหญ่ พวกเขายืนขึ้นและกล่าวว่า “ซูจิ่นซี เมื่อวานตอนกลางคืน ขณะที่ท่านอยู่ที่หนานย่วน ท่านได้กล่าวว่าชั่วชีวิตนี้ตราบใดที่ซูจิ่นซียังมีชีวิตอยู่ ข้างกายของโยวอ๋องจะมีเพียงท่านที่เป็นสตรีนางเดียวเท่านั้น ใช่หรือไม่? ”

        นี่คือคำพูดดั้งเดิมของซูจิ่นซี ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าคำพูดนี้ไปถึงหูของคนเหล่านี้ภายในช่วงเวลาอันสั้นได้อย่างไร ทว่าคำพูดที่ซูจิ่นซีพูดออกไปแล้วนางก็ไม่ปฏิเสธ

        “ข้าเคยพูด! ”

        ทันใดนั้น สตรีในฝูงชนที่คลั่งไคล้เยี่ยโยวเหยา ตั้งตารอเยี่ยโยวเหยา และอยากเป็นสตรีของเยี่ยโยวเหยจนแทบคลั่ง ต่างลุกฮือขึ้นมาเตรียมบดขยี้ซูจิ่นซีเพื่อเยี่ยโยวเหยาด้วยความมั่นใจโดยมิได้นัดหมาย ทุกคนที่เหลือชี้ไปที่ซูจิ่นซีและตะโกนด่าทอต่อว่า

        “ในเมื่อท่านเคยพูด เช่นนั้นยังจะต้องพูดกระไรอีก ซูจิ่นซี ท่านเป็นสตรีขี้อิจฉา เป็นท่านที่ทำร้ายเว่ยเหม่ยเจียให้กลายเป็นเช่นนี้! ”

        “ใช่ โยวอ๋องเป็นผู้ใดกัน? จะเป็นไปได้อย่างไรที่ข้างกายเขาจะมีท่านเป็นสตรีเพียงนางเดียว? นี่มันไร้สาระสิ้นดี ซูจิ่นซี ท่านกำลังฝันอยู่กระมัง? ”

        “ใช่ อย่าว่าแต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านอื่นเลย แม้กระทั่งซูจ้ง…บิดาของท่าน ในจวนมีอนุตั้งกี่คนกัน! ท่านขอให้โยวอ๋องอภิเษกกับสตรีเช่นท่านเพียงคนเดียว ซูจิ่นซี ท่านคิดว่าท่านเป็นผู้ใดกัน เป็นจิ่วเทียนเซวียนหนิ่วที่ลงมายังโลกเช่นนั้นหรือ? ”

        “ฮาฮาฮา! ข้าว่านะ ซูจิ่นซีเพียงคิดไปเองว่าใช่ นางถูกโยวอ๋องยกยอเสียจนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

        ซูจิ่นซีรู้ดีว่าในยุคสมัยนี้ บุรุษหนึ่งคนสามารถแต่งกับสตรีได้หลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษที่มีฐานะสูงศักดิ์ สตรีที่อยู่ข้างกายเขาก็ยิ่งมีมากเท่านั้น

        แม้ซูจิ่นซีสามารถเข้าใจแนวคิดดังกล่าวได้ ทว่านางไม่สามารถยอมรับได้แม้แต่น้อย เช่นเดียวกับที่ผู้คนเหล่านี้ไม่เข้าใจซูจิ่นซี…สตรีที่ข้ามภพมา นางต้องการให้สามีมีความคิดเช่นเดียวกับนาง ให้ทั้งชีวิตของสามีมีนางเพียงผู้เดียว

        ซูจิ่นซีคร้านอธิบายอันใดให้มากความเช่นกัน

        ซูจิ่นซีก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว การวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนพลันหยุดลงทันที บรรยากาศในตอนนี้เงียบสงัด ฝูงชนทั้งหมดต่างรอให้ซูจิ่นซีเปิดปากพูด

        คาดไม่ถึงว่าขณะที่ซูจิ่นซีพูด นางกลับทำให้ทุกคนสั่นสะท้าน ผู้คนทั้งหลายต่างประหลาดใจจนไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใดออกมา

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset