สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 182 เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น

        ใจของซูเซียนฮุ่ยกระตุกวูบทันที รู้สึกชาวาบตั้งแต่ศีรษะไปจนถึงแผ่นหลัง นางเหลือบมองไปทางซูจิ่นซี แน่นอนว่านางเห็นสายตาที่ซูจิ่นซีมองมาอย่างมีนัยลึกซึ้ง

        “ซูจิ่นซี ท่าน… ท่านคิดจะทำสิ่งใด? ”

        ขณะนั้น เสียงพูดของซูเซียนฮุ่ยพลันสั่นสะท้านเล็กน้อย

        “ข้าทำกระไร? ” ซูจิ่นซีหัวเราะเยาะเย้ย “เมื่อครู่นี้ได้เดิมพันต่อหน้าทุกคน พี่หญิงใหญ่ ท่านคงไม่ลืมเร็วถึงเพียงนั้นกระมัง? ตอนนี้ท่านแพ้แล้ว ถึงคราวทำตามกฎการเดิมพัน ท่านรู้จักเดิมพันก็ต้องรู้จักยอมรับความพ่ายแพ้! ”

        เดิมทีซูเซียนฮุ่ยภูมิใจมาก นางคิดว่าต้องชนะการแข่งขันในครานี้ แม้จะไม่ได้ตำแหน่งผู้นำสกุลซู ทว่านางจะต้องเหยียบย่ำเหล่าขยะของสกุลซูทีละคนๆ อย่างแน่นอน การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศรอบที่สามนี้จะต้องเป็นของนางสองคนพี่น้องที่แย่งชิงอำนาจเป็นแน่

        ซูเซียนฮุ่ยและซูจวิ้นเกิดจากมารดาเดียวกัน ผู้ใดเป็นผู้นำของสกุลซูก็เหมือนกัน แม้ในการแข่งขันรอบที่สามนางจะแพ้ให้กับน้องชายแท้ๆ นางก็เต็มใจ

        ทว่าซูเซียนฮุ่ยกลับคาดไม่ถึงว่านางจะแพ้ในรอบที่สอง และยังแพ้ให้กับขยะทางการแพทย์อย่างซูอวี้ที่ตนไม่เคยมองเห็นในสายตา

        ก่อนหน้านี้นางแสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าทุกคน ตอนนี้ราวกับถูกตบด้วยความเยาะเย้ยที่สาดเข้าสู่ใบหน้าของตนอย่างรุนแรง

        ซูเซียนฮุ่ยรู้สึกอัปยศอย่างยิ่ง

        ในตอนนี้ ตรงที่นางกำลังยืนอยู่นั้น นางรู้สึกราวกับตนถูกเปลื้องผ้าเปลือยกายและถูกผู้อื่นชี้นิ้ว

        ทว่าสิ่งที่ทำให้ซูเซียนฮุ่ยยิ่งรับไม่ได้ก็คือนางเดิมพันแพ้ซูจิ่นซีเสียแล้ว

        ซูเซียนฮุ่ยคิดอย่างแน่วแน่ว่าต้องชนะการเดิมพันครั้งนี้อย่างแน่นอน คาดไม่ถึงว่านางจะแพ้ได้

        เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรงอีกครั้ง อวัยวะภายในของนางล้วนเจ็บปวดไปหมด

        “พี่หญิงใหญ่ แพ้แล้วก็รีบทำตามเดิมพันเถิด! ทุกคนต่างรอชมการแข่งขันในรอบต่อไป! ไม่ได้มีเวลามากมายมาเสียไปกับท่าน ว่องไวหน่อย! ”

        ซูจิ่นซีเอ่ยด้วยเสียงก้อง ขณะเดียวกันก็สั่งให้คนมาย้ายเก้าอี้ให้ซูอวี้ ซูจวิ้น และคนอื่นๆ

        ซูจวิ้นไม่เป็นอันใด สาเหตุหลักคือซูอวี้ที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส

        เหตุผลที่ซูจิ่นซีตามใจซูเซียนฮุ่ยโดยการแทรกบทสนทนาเล็กๆ น้อยๆ ก็เพื่อซื้อเวลาให้ซูอวี้ได้พักผ่อน นางรู้ว่าซูอวี้เข้าร่วมการแข่งขันด้วยอาการบาดเจ็บและต้องลำบากมากมาโดยตลอด

        “ใช่ คุณหนูใหญ่ซู ท่านอย่าดึงเวลาให้ล่าช้าเลย ทุกคนยังรอชมการแข่งขันรอบที่สามอยู่นะ! ”

        “ใช่! คุณหนูใหญ่ซู เมื่อสักครู่ไม่ใช่ว่าท่านมั่นใจในตนเองมาก เย่อหยิ่งมากหรอกหรือ? ตอนนี้ก็จริงจังหน่อยสิ! ”

        “คุณหนูใหญ่ซู ไม่ใช่ว่าท่านกลัวหรอกกระมัง? หากกลัวก็เพียงพูดออกมาตรงๆ และก้มหัวให้พระชายาสิ! ท่านคุกเข่าอ้อนวอนพระชายา เชื่อว่าพระชายาต้องไม่ถือโทษท่านเป็นแน่”

        ……

        ฝูงชนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับซูจิ่นซีเริ่มใช้วิธีกระตุ้นซูเซียนฮุ่ยเสียแล้ว

        ซูเซียนฮุ่ยกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง นางกัดฟันเสียงดังกรอด

        ให้นางไปขอร้องอ้อนวอนซูจิ่นซี?

        ชาติหน้าเถิด!

        ไม่มีทาง!

        ชีวิตนี้ถึงตายนางก็ไม่ขอร้องอ้อนวอนซูจิ่นซี

        อย่างไรเสียซูจิ่นซีก็ไม่หวังว่าซูเซียนฮุ่ยจะขอร้องนาง

        หากซูเซียนฮุ่ยขอร้องนางจริงๆ นางคงรู้สึกเบื่อแย่ และเกมเหล่านี้ก็จะหมดสนุกนะสิ!

        “หมอหลวงอวิ๋น หมอหลวงหวัง ท่านหมอสวี่! ขออภัย! ” ซูเซียนฮุ่ยกัดฟันกล่าวกับคณะกรรมการตัดสินทั้งสามท่าน

        ท่าทางของอวิ๋นจิ่นนั้นเฉยชามาก หมอหลวงหวังพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและหันกลับมา แม้หมอสวี่จะเป็นหมอของเหรินเหอถัง ทว่าแท้จริงแล้วก็เป็นผู้รับใช้ในจวนสกุลซูที่มีอนาคตไกล เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

        “คุณหนูใหญ่ซู ทำผิดแล้วกระมัง? ที่พระชายาพูดก่อนหน้านี้คือท่านสมควรคุกเข่าขอโทษ” ใครบางคนในฝูงชนตะโกนขึ้น

        “ใช่! ยืนอยู่เช่นนี้แล้วขอโทษ ผู้ใดจะทำไม่ได้เล่า? อย่างไรเสีย ใจของคนโง่อยู่ที่ปาก ปากของคนฉลาดอยู่ที่ใจ ทั้งยังไม่มีความซื่อสัตย์อันใดแม้แต่น้อย ไม่ขอโทษยังจะดีเสียกว่า! ”

        ซูเซียนฮุ่ยเหลือบมองไปที่ฮั่วซื่อเพื่อขอความช่วยเหลือ

        ทว่ายังไม่ทันรอให้ฮั่วซื่อเอ่ยปาก ซูจิ่นซีก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านแม่ เรื่องนี้ท่านอย่าเข้ามายุ่งดีกว่า! สายตาของผู้คนต่างจับจ้องอยู่นะ! หากท่านแม่ยื่นมือเข้ามา อาจทำให้ทุกคนคิดว่าท่านแม่ไม่ยุติธรรมกับบุตรสาวทั้งสองของตน”

        ฮั่วซื่อกัดฟัน คำพูดมาถึงปากแล้วกลับถูกกลืนลงไปเสียอย่างนั้น

        “คุณหนูใหญ่ซู ว่องไวหน่อยเถิด! สามารถเดิมพันได้ ทว่าไม่กล้ายอมรับความพ่ายแพ้หรือ? ยิ่งมองเจ้าก็ยิ่งไร้ค่า! ” มีคนตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง

        ดวงตาของซูเซียนฮุ่ยแดงก่ำ นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ “พรึบ” ซูเซียนฮุ่ยคุกเข่าลงบนพื้น

        “หมอหลวงอวิ๋น หมอหลวงหวัง ท่านหมอสวี่! ขอโทษด้วย! ”

        อวิ๋นจิ่นและหมอหลวงหวังยังคงทำเหมือนก่อนหน้านี้

        หมอสวี่ที่ยืนอยู่อีกด้านรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “คุณหนูใหญ่ ท่านทำกับข้าเช่นนี้ช่างเกินไปแล้วจริงๆ หมอชรารับไม่ไหว ท่านรีบลุกขึ้นเถิด! ”

        ไม่มีผู้ใดสนใจปฏิกิริยาของหมอสวี่ อย่างไรเสียคนส่วนใหญ่ต่างคิดว่าซูเซียนฮุ่ย เด็กสารเลวผู้นี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำในที่สุดนางก็ไม่สามารถเย่อหยิ่งได้แล้ว ช่างสุดยอดเสียจริง

         “คุณหนูใหญ่ซู ยังมีนายน้อยอวี้ด้วย! ก่อนหน้านี้ท่านดูถูกนายน้อยอวี้ไม่น้อยเลยนี่! ”

        “ใช่ ยังมีนายน้อยอวี้ด้วยนี่! ”

        ซูเซียนฮุ่ยกัดฟันอย่างแรงจนฟันทั้งปากแทบแตก นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของซูอวี้ จากนั้นก็คุกเข่าลงแล้วพูดว่า “น้องชาย ขอโทษด้วย! ”

        “ลุกขึ้นเถิด! ”

        ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้เด็กน้อยซูอวี้จะมีจิตวิญญาณกล้าหาญ เขายอมรับคำขอโทษของซูเซียนฮุ่ยอย่างตรงไปตรงมา

        คำพูดทั้งสามพยางค์นั้นช่างถ่อมตัวกับซูเซียนฮุ่ยเป็นอย่างมาก

        “พอแล้วใช่หรือไม่? ”

        ซูเซียนฮุ่ยยืนขึ้นพลางส่งสายตามองซูจิ่นซีด้วยดวงตาแผดเผา นางใกล้จะร้องไห้แล้ว

        “พอแล้ว? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่ทำตามสัญญาและข้อตกลงก่อนหน้านี้แล้วหรือ? ”

        “ไม่นี่! ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง ตามข้อตกลงการเดิมพันก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ซู ท่านจะต้องถอดเสื้อผ้าและวิ่งรอบถนนฉางอันสามรอบ! ”

        “ใช่! วนรอบถนนฉางอันสามรอบ! ”

        “ถอดเลย! ”

        “ถอดเลย! ”

        “รีบถอดสิ! ”

        “ถอดสิ… ”

        ผู้ชมเริ่มส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นผู้ชาย พวกเขาต่างมองมาที่ซูเซียนฮุ่ยด้วยสายตาลามก บางคนถึงกับผิวปากขณะที่มองมาทางซูเซียนฮุ่ย

        เวลานี้ ในที่สุดซูเซียนฮุ่ยก็กลัวเสียแล้ว!

        นางมองอย่างขลาดกลัว ไม่กล้ามองย้อนกลับไปยังฝูงชนที่อยู่ปากประตู แผ่นหลังเย็นวาบ ขาทั้งสองอ่อนแรงแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว

        ซูเซียนฮุ่ยนึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นอย่างไรหากนางทำตามสัญญา ถอดเสื้อผ้าออกให้ผู้ชายข้างนอกเหล่านั้นได้เห็น

        ในเวลานี้ ท้ายที่สุดซูเซียนฮุ่ยก็ตระหนักแล้วว่านางไม่สามารถเอาชนะซูจิ่นซีได้

        ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่ซูจิ่นซีเริ่มมีสติสัมปชัญญะ การต่อสู้ระหว่างพวกนาง ไม่เคยมีสักครั้งที่ซูเซียนฮุ่ยจะชนะเลย

        “จิ่นซี แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว! ทำเช่นนี้มากเกินไปหน่อยกระมัง? ” ในที่สุดฮั่วซื่อก็ลุกขึ้นพูดแทนบุตรสาวของตน

        สายตาของซูจิ่นซีเฉียบคม “ช่างมันอย่างนั้นหรือ? ฮั่วซื่อ ท่านคิดว่าข้าล้อเล่นต่อหน้าคนจำนวนมากอยู่หรือ? ”

        “อย่างไรเสียเซียนฮุ่ยก็เป็นพี่สาวเจ้า เป็นคนในสกุลซูของพวกเรา นางไม่มีเกียรติยศและชื่อเสียง สำหรับเจ้าแล้วจะได้ประโยชน์อันใด? ”

        “หึ ที่แท้ท่านแม่ยังจำคนในครอบครัวของเราได้หรอกหรือ? เมื่อครู่ที่ท่านกับพี่ใหญ่ทำให้อวี้เอ๋อร์ลำบากนั้น ข้ายังคิดว่าพวกท่านลืมแล้วเสียอีก! ในเมื่อต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเหตุใดพี่ใหญ่ถึงเดิมพันเช่นนี้กับข้าเล่า? ในเมื่อเดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้”

        การแสดงออกที่ดุร้ายในดวงตาของซูจิ่นซี ทำให้ฮั่วซื่อตกใจเล็กน้อย

        ไม่รอให้ฮั่วซื่อกล่าวสิ่งใด ซูจิ่นก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “ซูเซียนฮุ่ย เจ้าสามารถทำข้อตกลงที่เดิมพันไว้ได้หรือไม่? หากทำไม่ได้ ข้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”

        เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น?

        เปลี่ยนเป็นสิ่งใด?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset