สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 184 หมออัจฉริยะตัวน้อย

        ใบหน้าซีดเผือดของซูอวี้ดูลำบากอย่างเห็นได้ชัด

        แม้แต่ซูจิ่นซีก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับซูอวี้ เพราะนางพบว่าซูอวี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เริ่มมีฝีเท้าที่ไม่มั่นคงเล็กน้อย ร่างกายของเขาโอนเอนสั่นไหว อาจล้มลงได้ทุกเมื่อ

        “พานางเข้ามาก่อนเถิด! ”

        สาวใช้พาแม่นางน้อยเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ในสนามประลอง ซูอวี้เริ่มตรวจร่างกายนางอย่างจริงจัง

        สายตาของซูจิ่นซีจ้องอยู่ที่ร่างกายของซูอวี้ตลอดเวลา นางพบว่าหลังจากที่ซูอวี้เห็นเด็กหญิงแล้ว การแสดงออกบนใบหน้าเล็กๆ ของซูอวี้ก็ปรากฏความไม่สบายใจ

        เมื่อหันมามองทางซูจวิ้นอีกครั้ง

        ซูจวิ้นมีการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้ายของการทดสอบพิษแล้ว กำลังเขียนรายการวัตถุดิบยาที่จำเป็นและส่งให้เจ้าหน้าที่จัดยา

        ความคืบหน้าของซูอวี้นั้นช้ากว่าซูจวิ้นอยู่มาก ทุกคนเริ่มกังวลเกี่ยวกับซูอวี้

        ช่องว่างที่ชัดเจนถึงเพียงนี้ พระชายาโยวอ๋องที่ยกย่องให้ความสำคัญกับซูอวี้จะสามารถชนะการแข่งขันในรอบนี้ได้หรือไม่?

        ซูอวี้ใช้เวลาครู่ใหญ่กว่าจะตรวจร่างกายของแม่นางน้อยเสร็จ ขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว ซูอวี้เขียนรายการวัตถุดิบยาและมอบให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นจึงขอเข็มเงินคู่หนึ่งสำหรับการฝังเข็ม

        หลังจากได้วัตถุดิบยาทั้งหมดแล้ว ซูอวี้ก็ขอให้ผู้ช่วยของเขาต้มยาให้เด็กสาวดื่ม เขานำยาน้ำสมุนไพรมาห่อด้วยผ้าตาข่ายแล้วทาลงบนใบหน้าของแม่นางน้อย

        อาการของแม่นางน้อยค่อนข้างซับซ้อน ซูอวี้ใช้ทั้งยาภายนอกและยาภายใน สิ่งต่อไปคือการฝังเข็ม

        ซูจิ่นซีมองการเคลื่อนไหวของซูอวี้ที่ราวกับเมฆเหินดั่งสายน้ำ นางอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ซูอวี้ไม่ใช่เด็กน้อยธรรมดา

        แท้จริงแล้วทักษะทางการแพทย์ของซูจวิ้นนั้นดีมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาแก่กว่าซูอวี้ไม่กี่ปี ทว่าไม่สามารถแสดงความพิเศษของเขาออกมาต่อหน้าทุกคนได้

        “ชุนหง นำถ้วยชาไปให้จวิ้นเอ๋อร์และอวี้เอ๋อร์” ฮั่วซื่อพูดขึ้นทันที

        สาวใช้ข้างฮั่วซื่อขานรับ และรีบไปเตรียมชา

        “พระชายา การแข่งขันติดต่อกันสามครั้ง ข้าเองรู้สึกสงสารบุตรชาย จึงให้คนนำชาไปให้เขาสักถ้วย คงไม่มีปัญหาหรอกกระมัง? ”

        หลังจากที่ซูจิ่นซีหักขาของซูเซียนฮุ่ย การปฏิบัติของฮั่วซื่อต่อซูจิ่นซีจึงไม่สุภาพเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แม้แต่การขานนามก็เปลี่ยนไปด้วย

        “ไม่มีปัญหา! ” ซูจิ่นซียกยิ้มแผ่วเบาที่มุมปาก

        ในจุดที่ทุกคนมองไม่เห็น มุมปากของฮั่วซื่อพลันเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาชั่วขณะ

        สาวใช้ชุนหงนำชามามอบให้ซูจวิ้นและซูอวี้ตามคำสั่งของฮั่วซื่อ ซูจวิ้นหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาแล้วดื่มจนหมด ส่วนซูอวี้ที่กำลังยุ่งกับการฝังเข็มและการรมยาให้แม่นางน้อย ไม่มีเวลาว่าง ดังนั้นจึงให้ชุนหงวางถ้วยชาไว้ด้านข้าง

        เนื่องจากซูจวิ้นได้ดื่มชาอีกถ้วยที่มีลักษณะเหมือนกันทุกประการไปแล้ว ความสนใจของทุกคนจึงมุ่งไปที่การแข่งขันของทั้งสองคน ไม่มีผู้ใดสนใจถ้วยชาของซูอวี้ว่ามีสิ่งใดแปลกไป

        เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามโดยไม่รู้ตัว

        ความคืบหน้าของซูจวิ้นนำหน้าซูอวี้มาโดยตลอด หลังจากชโลมยาให้กับผู้ป่วยแล้ว อาการปวดของผู้ป่วยก็บรรเทาลงมาก เขาสามารถหายใจได้อย่างไม่เจ็บปวดแล้ว นอกจากนั้นซูจวิ้นยังได้นำยาสำหรับรับประทานมาให้ผู้ป่วยดื่มด้วย

        ทว่าทางด้านของซูอวี้ฝั่งนี้ดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นเลย

        ซูอวี้พยายามสื่อสารกับแม่นางน้อยหลายครั้ง ทว่านางยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้แม้แต่น้อย

        “การแข่งขันรอบนี้ คงไม่ถูกนายน้อยจวิ้นเอาชนะไปได้หรอกกระมัง? ”

        “พูดยาก! วันนี้นายน้อยอวี้ดูเหมือนจะมีอาการไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันก็ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งตอนนี้ยังจับฉลากได้สถานการณ์ของผู้ป่วยที่ซับซ้อนมากอีกด้วย นี่เป็นเพราะพระเจ้าจงใจทำให้เขาลำบาก! ”

        “นายน้อยอวี้ไม่สามารถชนะนายน้อยจวิ้นได้ ทว่าไม่ได้หมายความว่าพระชายาโยวอ๋องจะแพ้ให้กับฮูหยินฮั่วใช่หรือไม่? ”

        “เอ๋… ผู้ใดจะไปรู้เล่า! ข้าก็หวังว่าพระชายาโยวอ๋องและนายน้อยอวี้จะชนะ ทว่าตอนนี้สถานการณ์ของนายน้อยอวี้… ยาก! หากต้องการชนะคงยากมาก! ”

        ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามแล้ว

        ซูจวิ้นเปลี่ยนยารักษาแผลเน่าเปื่อยบนร่างกายของผู้ป่วยเสร็จแล้ว ใบหน้าของผู้ป่วยดูดีกว่าตอนที่เข้ามาในสนามประลองครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด เขาสามารถพูดคุยกับคนรอบข้างได้อย่างปลอดภัย

        ซูจวิ้นมองไปยังคณะกรรมการตัดสินแล้วยกมือคำนับอย่างภูมิใจยิ่ง “เชิญกรรมการทั้งสามท่านตรวจสอบว่าพิษของผู้ป่วยถูกกำจัดไปหมดแล้ว”

        สวรรค์!

        เร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

        ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วยามก่อนจบการแข่งขัน!

        คาดไม่ถึงว่านายน้อยจวิ้นจะรักษาผู้ป่วยให้หายดีได้ก่อน เช่นนั้นนายน้อยอวี้เล่า?

        ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางซูอวี้

        ระหว่างนี้ซูอวี้ได้เริ่มเก็บเข็มเงินจากแม่นางน้อย ทีละเล่ม… ทีละเล่ม… ทีละเล่ม…

        ทุกคนรอคอยอย่างเงียบเชียบ เฝ้ามองการเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบของซูอวี้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจ ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้นทุกที

        หลังจากเก็บรวบรวมเข็มเงินทั้งหมดแล้ว ซูอวี้ก็เริ่มแก้ผ้าตาข่ายบนใบหน้าของแม่นางน้อยอีกครั้ง หนึ่งรอบ… หนึ่งรอบ… และอีกหนึ่งรอบ…

        ผ้าตาข่ายถูกถอดออกทั้งหมดแล้ว ใบหน้าของแม่นางน้อยยังคงมีส่วนผสมของยาอยู่

        “พวกท่านโปรดช่วยล้างหน้าให้แม่นางน้อยด้วย! ” ซูอวี้บอกสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างของนาง

        ผู้ชมที่เฝ้ามองเหตุการณ์อดไม่ได้ที่จะกระชับลำคอและไหล่เข้าหากันเพื่อชะเง้อมองเข้าไปด้านใน กลัวว่าหากประมาทจะพลาดส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดไป

        “เป็นอย่างไรบ้าง? เป็นอย่างไรบ้าง? ผู้ป่วยของนายน้อยอวี้ได้รับการรักษาจนหายดีแล้วหรือไม่? ”

        “อย่าเบียด อย่าเบียด ให้ข้าดูด้วย! ”

        “เช็ดเสร็จแล้ว เช็ดเสร็จแล้ว… ”

        “โอ้…โห… “

        ทุกคนต่างร้องอุทานด้วยความตกใจเป็นระยะเวลานาน

        “หมออัจฉริยะ! นายน้อยอวี้เป็นแพทย์อัจฉริยะตัวน้อยที่มีพรสวรรค์จริงๆ คาดไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องที่เปลี่ยนจากแก่ให้กลับมาเด็กเช่นนี้ยังสามารถทำได้อีกด้วย”

        หลังจากที่สาวใช้เช็ดยาน้ำทั้งหมดออกจากใบหน้าของแม่นางน้อยแล้ว ใบหน้าของนางก็ไม่ปรากฏรอยย่นเหมือนก่อนหน้านี้อีก ในทางตรงกันข้าม ใบหน้านั้นกลับนุ่มชุ่มชื่น เนียนใส มีน้ำมีนวล ฟื้นคืนผิวเปล่งปลั่งอย่างที่เด็กในวัยนี้ควรจะมีได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก

        ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหญิงยังมีสันจมูกโด่ง ดวงตาโตสีดำดั่งระฆังทองแดง ริมฝีปากเล็กที่มีสีแดงของเลือดฝาด แม้นางยังไม่เติบโตเต็มวัย ทว่าผู้คนต่างมองออกว่าเมื่อโตขึ้นแล้วนางจะต้องเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างสง่างามอย่างแน่นอน

        คาดไม่ถึงว่าซูอวี้จะสามารถรักษาคนไข้ที่มีอาการยากลำบากถึงเพียงนี้ให้หายได้?

        ซูจวิ้นกำหมัดแน่นอย่างอดรนทนไม่ไหว

        ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิด ฮั่วซื่อยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา พลางกล่าวว่า “การรักษาเพียงใบหน้าจะมีประโยชน์อันใด? หากรักษาให้หายจากอาการตาบอดและหูหนวกร่วมได้จึงจะถือว่าผ่าน”

        จริงสิ!

        ทุกคนตื่นเต้นมากที่นายน้อยอวี้รักษาใบหน้าของเด็กหญิงให้หายได้ แต่กลับลืมไปว่านางยังมีอาการหูหนวกและตาบอดร่วมด้วย

        “แม่นางน้อย เจ้ามองเห็นแล้วหรือไม่? หากสามารถมองเห็นได้ก็กล่าวออกมาสักคำเถิด”

        “ใช่! กล่าวออกมาสักคำเถิด! สามารถมองเห็นหรือไม่? ”

        เวลาล่วงเลยผ่านไปนานก็ไม่ได้ยินเสียงของแม่นางน้อย หัวใจของทุกคนเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาบ้างแล้ว

        ทันใดนั้นดวงตาของซูจิ่นซีพลันฉายแววเศร้าหมอง ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นก็ดูไม่ดีนัก

        “คุณหนู ท่านสามารถมองเห็นหรือไม่? คุณหนู! ”

        สาวใช้ของแม่นางน้อยยื่นมือออกไปแกว่งที่เบื้องหน้าของนาง ทว่าดวงตาของนางยังคงไม่จับจุด และนางยังคงไม่ตอบรับ

        “หึ ที่แท้ก็ยังรักษาไม่หาย! ซูอวี้ เจ้าแพ้แล้ว! ”

        ในที่สุดหัวใจที่วิตกกังวลของซูจวิ้นก็สงบลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา แม้เขาจะกล่าวกับซูอวี้ ทว่าสายตากลับมองไปที่ซูจิ่นซีอย่างภาคภูมิใจและยั่วยุยิ่งนัก

        เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?

        นายน้อยอวี้แพ้ให้กับนายน้อยจวิ้นแล้วจริงๆ หรือ?

        เหตุใดจึงน่าเหลือเชื่อเช่นนี้?

        ผู้ที่พระชายาโยวอ๋องโปรดปราน เหตุใดจึงแพ้ได้เล่า?

        ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบและพูดคุยกันถึงผลการแข่งขัน ทันใดนั้น…

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset