สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 203 ความภาคภูมิใจของซูจิ่นซี

เยี่ยโยวเหยาไม่มีนิสัยชอบพกกระบี่ไว้คู่กาย จึงไม่มีอาวุธอื่นใดติดตัว ในเวลานั้นทำได้เพียงใช้แขนเสื้อบังเอาไว้

เขาใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวซูจิ่นซี ใช้มือเดียวปัดลูกธนูไม้ไผ่อย่างว่องไว ร่างทั้งสองค่อยๆ ทะยานขึ้นบนอากาศ จากนั้นก็เหาะไปยังริมหน้าผาเหนือหุบเขา

“ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ

แม้ปากจะบอกว่าไม่กลัว ทว่าเมื่อพบกับสถานการณ์เมื่อครู่ หากไม่หวาดกลัวย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน

ซูจิ่นซีไม่มีวรยุทธ์ หลายต่อหลายครั้งที่ธนูไม้ไผ่พุ่งเข้าใส่เฉียดใบหูของนางไปไม่ถึงหนึ่งนิ้ว อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวจริงๆ นางก็จะเสียชีวิต

ซูจิ่นซีมองไปยังหุบเขาใต้ฝ่าเท้าด้วยใบหน้าขาวซีด ความสูงจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ห่างจากหุบเขาด้านล่างหลายสิบจั้ง [1] กำแพงหินสองข้างในหุบเขายังคงมีธนูไม้ไผ่ยิงออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ฉากนั้นช่างอันตรายและน่าตื่นเต้น

“ไปเถิด! ”

หลังจากที่เยี่ยโยวเหยาแน่ใจแล้วว่าซูจิ่นซีไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็ดึงมือของซูจิ่นซีให้เดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทว่าเดินไปได้ไม่นาน ระบบถอนพิษ จู่ๆ ก็มีเสียงดัง ‘บี๊บ’

“มีพิษ! ”

ซูจิ่นซีรีบเตือนเยี่ยโยวเหยา

อย่างไรก็ตาม มันสายไปเสียแล้ว

ลูกธนูไม้ไผ่ที่มีความหนาเท่าข้อมือถูกยิงออกมาจากทางด้านหลัง เยี่ยโยวเหยาดึงซูจิ่นซีหลบไปด้านข้าง ขณะที่ลูกธนูไม้ไผ่ยิงผ่านด้านหน้าของพวกเขาไปนั้น จู่ๆ มันก็ระเบิดขึ้นเอง

ผงสีขาวจำนวนมากกระจัดกระจายออกมาจากกระบอกไม้ไผ่

ทั้งหมดนั้นเป็นพิษ

รวดเร็วเกินไป ซูจิ่นซีไม่มีเวลาถอนพิษได้ทัน นางทำได้เพียงช่วยเหลือตัวเอง ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับถูกพิษเสียแล้ว

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีถอยออกไป ระบบถอนพิษรีบตรวจสอบสารพิษในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาทันที

พิษชนิดนี้แปลกมาก ขณะที่แพร่กระจายออกจากกระบอกไม้ไผ่เป็นรูปแบบหนึ่ง หลังจากได้รับพิษเข้าสู่ร่างกายมนุษย์แล้วก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง อีกทั้งพิษยังเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ตามเวลาที่ผ่านไปทุกวินาที ระบบถอนพิษได้ติดตามวิเคราะห์ข้อมูลสารพิษในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาอยู่ตลอด จึงไม่มีเวลาบอกวิธีการถอนพิษ

ทันใดนั้น ระบบถอนพิษก็ส่งเสียง ‘บี๊บ บี๊บ บี๊บ’ ดังขึ้น เตือนว่ามีพิษเข้ามาใกล้อีกครั้ง

จากนั้น ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาก็มองเห็นฝุ่นหมอกขนาดใหญ่เคลื่อนตัวมาทางพวกเขาทั้งสอง

ความเร็วนั้นเร็วอย่างยิ่ง คิดจะหลบก็หลบไม่ทัน

ซูจิ่นซีพลิกฝ่ามือ ทันใดนั้นก็ปรากฏใบไม้สีเขียวสองใบในมือ

“นำสิ่งนี่ใส่ไว้ในปาก พยายามหายใจให้น้อยที่สุด ในฝุ่นหมอกเหล่านั้นมีพิษ”

ซูจิ่นซีแสดงท่าทางจริงจังเป็นอย่างมาก ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับมองการแสดงออกของซูจิ่นซีด้วยท่าทีตกใจ ในแววตาเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

หากมีซูจิ่นซีเพียงผู้เดียวก็พอทำเนา ทว่าตอนนี้ยังมีเยี่ยโยวเหยาที่ได้รับพิษไปแล้วอีกหนึ่งคน ซูจิ่นซีร้อนใจมาก นางร้อนใจจนลืมปกปิดอำพราง เผลอนำสิ่งของออกมาจากระบบถอนพิษต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา

นี่เป็นครั้งแรกที่เยี่ยโยวเหยาได้เห็นซูจิ่นซีนำตัวยาเหล่านั้นออกมาจากระบบถอนพิษโดยตรง

สตรีนางนี้ทำเช่นนั้นได้อย่างไร?

ตัวยา… เหตุใด จู่ๆ ถึงออกมาจากมือของนางได้ราวกับเป็นเวทมนตร์?

หรือว่า…

“ตกตะลึงอันใดหรือ? ”

ซูจิ่นซีเคร่งขรึมจริงจังเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าสถานการณ์ที่ตนเองเป็นมืออาชีพ เมื่อเห็นเยี่ยโยวเหยาไม่เคลื่อนไหวอันใด นางจึงเปิดปากของเยี่ยโยวเหยาอย่างแรงและนำใบไม้ยัดใส่เข้าไปในปากเขา

จากนั้น ซูจิ่นซีก็พลิกฝ่ามืออีกครั้ง ในฝ่ามือพลันปรากฏผงสีขาวกำมือหนึ่ง ซูจิ่นซีลุกขึ้นยืนและสาดผงนั้นไปรอบๆ พวกเขาทั้งสอง

ในวินาทีที่ซูจิ่นซีโปรยผงสีขาวเหล่านั้นจนหมด ฝุ่นหมอกเหล่านั้นก็ปกคลุมรอบๆ พวกเขาทั้งสองคนแล้ว

“ใบไม้และผงยาเหล่านี้ทนอยู่ได้ไม่นานนัก ข้าต้องรีบถอนพิษจากร่างกายของท่าน หลังจากนั้นจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้” ซูจิ่นซีหันมาพูด

ทว่านางพบว่าสายตาที่เยี่ยโยวเหยามองนางนั้นมีบางอย่างผิดปกติ

ทันใดนั้น ซูจิ่นซีก็เพิ่งเข้าใจว่านางได้ทำอันใดออกไปบ้าง

การกระทำที่ฉับพลันเช่นนี้ ทำให้ซูจิ่นซีสับสนเล็กน้อย

“เยี่ยโยวเหยา… ข้า… ข้า… เมื่อครู่… ”

นางไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี

“รีบถอนพิษเถิด! ”

ใบหน้าที่ผิดปกติของเยี่ยโยวเหยาหายไปในทันที ราวกับว่าซูจิ่นซีไม่ได้ทำอันใด และเขาก็ไม่เห็นอันใด

ในช่วงเวลาวิกฤต ซูจิ่นซีไม่ได้คิดอันใดมาก นางรีบนั่งขัดสมาธิบนพื้นและหลับตาลง

ซูจิ่นซีรวบรวมสติสัมปชัญญะทั้งหมดไว้ในระบบถอนพิษ นางรวบรวมสมาธิตรวจสอบยาพิษที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในร่างกายของเยี่ยโยวเหยา

“อย่าขยับ! ”

เยี่ยโยวเหยาเพียงแค่เคลื่อนตัวเล็กน้อย ซูจิ่นซีก็ว่ากล่าวอย่างดุดัน เพราะหากเยี่ยโยวเหยาขยับตัวแม้เพียงนิด พิษก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น

ทว่าขณะที่ระบบถอนพิษกำลังแสดงวิธีการถอนพิษนั้น จู่ๆ ซูจิ่นซีก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นที่ข้างหู เนื่องจากนางเปิดการทำงานของอาคมกำไลปี่อั้นอยู่ตลอดเวลา จึงได้ยินเสียงผิดปกตินี้ดังขึ้น

เป็นเสียงผึ้ง

และพวกผึ้งเหล่านี้ ในตัวของมันยังมีพิษที่ร้ายแรงอีกด้วย

ทำอย่างไร?

ทำอย่างไร??

ทำอย่างไร???

หากไม่ขวางไว้ นางกับเยี่ยโยวเหยาจะถูกพิษอีกครั้ง หากขวางไว้ ระบบถอนพิษที่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดจากร่างกายของเยี่ยโยวเหยาจะต้องถูกยกเลิก

พวกเขาควรทำอย่างไร?

เสียงนั้นยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซูจิ่นซีค่อนข้างแน่ใจว่าผึ้งมีพิษจำนวนมากกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเขาแล้ว เยี่ยโยวเหยากำหมัดแน่น จนได้ยินเสียงกึกๆ ของข้อต่ออย่างชัดเจน

“เยี่ยโยวเหยา ท่านอย่าขยับ! ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว

ใกล้เสร็จแล้ว อีกครู่เดียว นางต้องการเวลาอีกครู่เดียว ระบบถอนพิษกำลังบอกวิธีรักษาและตัวยาแล้ว

ทันใดนั้น เสียงฝูงผึ้งก็ดังขึ้นอย่างผิดปกติ เห็นได้ชัดว่า พวกมันทั้งฝูงหันมาโจมตีซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นยืนในทันที เขาสะบัดแขนเสื้อและใช้กำลังภายในระเบิดวงแหวนแสง กวาดฝูงผึ้งจำนวนมากตกลงมา

แทบจะในเวลาเดียวกัน จู่ๆ ซูจิ่นซีก็เปิดตาทั้งสองข้างขึ้น นางยกมือทั้งสองข้างและสาดผงยาพิษออกไปสองกำมือ

“เยี่ยโยวเหยา อุ้มข้า! ” ซูจิ่นซีพูดเสียงต่ำ

สิ้นเสียงของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็โอบเอวนางและพาทะยานขึ้นไปบนอากาศพร้อมกัน ซูจิ่นซีสาดผงยาสีชมพูไปอีกสองกำมือ

ปาฏิหาริย์ปรากฏขึ้นเช่นนี้จริงๆ …

เหล่าฝูงผึ้งที่เปื้อนผงยาสีชมพู ไม่รู้เป็นอย่างไร จู่ๆ พวกมันก็เหนียวหนืดติดกันเป็นก้อน จากนั้นฝูงผึ้งจำนวนมากก็ราวกับใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงที่ถูกลมพัด พวกมันตกลงไปบนพื้นอย่างต่อเนื่องและตายทั้งฝูง

ซากศพของผึ้งกลายเป็นก้อนแป้งอย่างรวดเร็ว ส่วนผึ้งที่เหลือที่ไม่เปื้อนผงยาสีชมพูก็ราวกับถูกร่ายเวทมนตร์ พวกมันบินลงใส่ศพฝูงผึ้งบนพื้นอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็ตกลงมา กลายเป็นก้อนแป้งเหมือนกับศพฝูงผึ้งก่อนหน้า

เป็นฉากที่น่าตื่นเต้นมาก

ฝูงผึ้งที่บินเข้าโจมตีซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา จู่ๆ ก็เริ่มต่อสู้กันเอง อีกทั้งพวกมันแต่ละตัวยังสู้กันจนตาย

“ซูจิ่นซี ข้าจะจดจำความชอบใหญ่หลวงของเจ้า! ” เยี่ยโยวเหยามองดูเหตุการณ์นั้น พลางกล่าวชมซูจิ่นซีไม่ขาดปาก

ซูจิ่นซียิ้มให้เยี่ยโยวเหยาด้วยความภาคภูมิใจ

สตรีนางนี้เป็นเช่นนี้เอง เพราะนางมีความสามารถ มีความรู้ ดังนั้นนางจึงมีคุณสมบัติพอที่จะภาคภูมิใจ โดยเฉพาะเวลาที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน นางยังได้ใช้ประโยชน์จากความรู้ในวิชาชีพของตนมาแก้ไขปัญหา

“กล้ามาก เป็นผู้ใดที่บุกรุกเข้ามาในหุบเขา ทั้งยังกล้าทำร้ายผึ้งในหุบเขาร้อยบุปผาของข้า! ”

ทันใดนั้น น้ำเสียงเดือดดาลรุนแรงของผู้เฒ่าท่านหนึ่งก็ดังมาแต่ไกล

ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาหันหน้าไปมองพร้อมกัน

……

เชิงอรรถ

[1] จั้ง เป็นหน่วยวัดของจีนโบราณ เทียบได้ประมาณ 3.333 เมตร

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset