สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 208 พิษจักจั่นทอง ฮูหยินต้องเลือก

เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของถังเสวี่ย แววตาของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพลันขึงขัง

“พี่เป่าอวี้ รีบหนีไป! ” ถังเสวี่ยตะโกนบอก จากนั้นนางก็พูดกับฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง “ท่านแม่ หากท่านยังไม่ออกคำสั่งให้พวกนางหยุดลงมือ ลูกจะปลิดชีพตนเองเดี๋ยวนี้จริงๆ ! ”

ถังเสวี่ยพูดพลางกดมีดพกที่อยู่ในมือลึกเข้าไปในลำคออีกครั้ง

“หยุด! ”

อย่างไรเสีย ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยังคงรักและเอ็นดูบุตรสาวของตน นางรีบออกคำสั่งให้ทุกคนหยุดมือ

“พี่เป่าอวี้ ยังไม่รีบหนีไปอีก! ” ถังเสวี่ยตะโกนบอกจอมวายร้ายไป๋เฉ่า

ทันใดนั้น จอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็ใช้วิชาตัวเบาเหินออกจากหุบเขาร้อยบุปผาไปอย่างไม่มีท่าทีลังเล

สตรีที่ถือกระบี่ยาวเหล่านั้นคิดจะไล่ตาม ทว่าถังเสวี่ยที่มือยังคงถือมีดพกอยู่ตะโกนเสียงดังว่า “ลองดูสิ ใครหน้าไหนกล้าไล่ตามไป! ผู้ใดกล้าไล่ตามพี่เป่าอวี้ ข้าจะฆ่าตัวตายทันที”

สตรีเหล่านั้นหันมองฮูหยินเตี๋ยเมิ่งด้วยท่าทีลังเล

ถังเสวี่ยเห็นเพียงร่างเงาสีเหลือง ทว่าเห็นไม่ชัดว่าเกิดอันใดขึ้น ทันใดนั้นฮูหยินเตี๋ยเมิ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของถังเสวี่ยแล้ว นางจับข้อมือของถังเสวี่ยที่ถือมีดพกไว้แน่น

มือของถังเสวี่ยถูกกดแน่น นางไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ นิ้วมือพลันไร้เรี่ยวแรงคลายออก มีดพกในมือจึงร่วงลงบนพื้น

แววตาเย็นชาของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งไม่สบอารมณ์ นางเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกล่าวว่า “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าเป็นบุตรสาวของแม่ แม่ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเจ้ากับถังเป่าอวี้จะกระทำเรื่องที่น่าละอายเสียชื่อเสียงเช่นนี้ เป็นดั่งที่คาดไว้ คิดไม่ถึงว่าเพื่อเจ้าเด็กคนนั้น แม้แต่ชื่อเสียงของเจ้าก็ยังไม่สนใจ โชคยังดี… ที่นี่เป็นหุบเขาร้อยบุปผา คำพูดที่เจ้าพูดมาทั้งหมด ไม่มีผู้ใดกล้าเผยแพร่ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ต่อไปใครจะกล้ามาขอเจ้าแต่งงาน? ”

ในขณะเดียวกันกับที่ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งบีบข้อมือของถังเสวี่ย นางก็ได้ทำการจับชีพจรในมือของถังเสวี่ย จังหวะชีพจรบอกให้ทราบว่า ถังเสวี่ยไม่ได้ตั้งครรภ์

ถังเสวี่ยแสดงสีหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นางพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ข้า… ถังเสวี่ย ชั่วชีวิตนี้จะแต่งงานกับพี่เป่าอวี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่แต่งกับใครทั้งสิ้น! ไม่แต่ง! ไม่แต่ง! ”

“ฮึ แต่งหรือไม่แต่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า! ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง แสดงสีหน้าเย็นชา “พาคุณหนูออกไปเดี๋ยวนี้ หากข้าไม่อนุญาต ห้ามคุณหนูออกจากห้องพักแม้แต่ก้าวเดียว”

“เจ้าค่ะ! ”

สาวรับใช้จำนวนหนึ่งเดินเข้ามา พวกนางพาถังเสวี่ยเข้าไปยังเรือนด้านใน

ขณะที่ถังเสวี่ยถูกสาวรับใช้คุมตัวเข้าไปด้านในนั้น นางยังหันไปตะโกนใส่หน้าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งว่า “ท่านแม่ ถังเสวี่ยแต่งงานกับพี่เป่าอวี้คนเดียวเท่านั้น ผู้อื่นข้าไม่แต่ง ใครหน้าไหนก็ไม่แต่ง! ” ถังเสวี่ยร้องตะโกนด้วยน้ำตาที่ไหลนอง

“ฮูหยิน ให้ข้าน้อยกับพวกออกไปจับตัวถังเป่าอวี้กลับมาดีหรือไม่? ” สตรีนางหนึ่งกล่าวขึ้น

“ไม่ต้อง! ”

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งหันหลังกลับ นางเพิ่งสังเกตเห็นเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีที่ยืนอยู่ในเรือนโบตั๋นเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใคร? ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งถาม

เฒ่าลวี่รีบเอ่ยแนะนำทันที “ฮูหยิน สองท่านนี้คือโยวอ๋องและพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งสำรวจเยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีอย่างละเอียด

ซูจิ่นซีพูดด้วยน้ำเสียงเมตตาว่า “ในเมืองจงหนิง มีชาวบ้านถูกพิษเผ่าเหมียวจำนวนมาก ข้าต้องการสมุนไพรสามชนิด คือ ใบชีเย่ ซงหมา และหญ้าเถาเซียน เพื่อนำกลับไปช่วยชีวิตผู้คน ฮูหยินกรุณามอบสมุนไพรให้ด้วย”

ซูจิ่นซีตั้งใจปิดบังเรื่องกองกำลังในค่ายทหารถูกพิษ นี่คือเรื่องสำคัญในค่ายทหาร ไม่สามารถแพร่งพรายให้ใครรู้ได้ ซูจิ่นซีรู้ดีว่าสิ่งใดควรพูด

“ชาวบ้านแคว้นจงหนิงเกี่ยวอันใดกับข้าหรือ ในเมื่อใต้เท้าเป็นถึงโยวอ๋อง ข้าก็จะไม่ขัดขวางท่าน พวกท่านกลับไปเถิด! ”

เยี่ยโยวเหยาในเวลานี้ช่างเย็นชาน่ากลัวยิ่งนัก ใบหน้าของซูจิ่นซีเองก็ไม่พอใจอยู่บ้าง

ดูเหมือนสิ่งที่พวกเขาคาดไว้ก่อนหน้านี้จะถูกต้อง คิดจะขอสมุนไพรจากฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ

ซูจิ่นซีชักสีหน้า “คุณหนูจากหุบเขาของท่านรับปากกับพวกเราว่า ขอเพียงพวกเราจับตัวจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามาให้ได้ นางจะมอบสมุนไพรทั้งสามชนิดนี้ให้กับพวกเรา ฮูหยิน ท่านคงไม่คิดจะบิดพลิ้วคำสัญญาใช่หรือไม่? ”

“โอ้? ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งคิ้วกระตุก “ข้าคิดไว้แล้วเชียว! ถังเป่าอวี้ เจ้าเด็กคนนั้นเหตุใดถึงใจกล้ามาถึงหุบเขาร้อยบุปผา ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้าที่จับตัวเขามา! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บัญชีนี้ข้าคงต้องชำระกับพวกเจ้า! ”

ซูจิ่นซีรู้ว่าฮูหยินเตี๋ยเมิ่งกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่ามีความแค้นต่อกัน นางเพียงคิดใช้วิธีกระตุ้นเพื่อบีบบังคับฮูหยินเตี๋ยเมิ่งให้มอบสมุนไพรแก่พวกตน กลับไม่คิดว่าจะเป็นการทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีก มันยิ่งกระตุ้นให้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเดือดดาลมากขึ้น

“ใครก็ได้! จับตัวพวกเขาทั้งสองคนไว้! อ่างเก็บน้ำหลังเรือนยังขาดของบางอย่างไว้ทำปุ๋ย จับพวกเขาทั้งสองคนออกไปกรอกยาพิษและโยนลงไปให้เป็นปุ๋ยดอกไม้ในบ่อ”

“เจ้าค่ะ! ”

เหล่าสตรีก่อนหน้านี้ ซึ่งถือกระบี่ยาวล้อมจอมวายร้ายไป๋เฉ่า พริบตาเดียวก็เข้ามาล้อมซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาคิดลงมืออยู่นานแล้ว

เขากับซูจิ่นซีสบตากัน ต่างบรรลุข้อตกลงร่วมกัน เยี่ยโยวเหยาใช้มือโอบเอวของซูจิ่นซี

ภายในมือทั้งสองข้างของซูจิ่นซีกำผงยาไว้พร้อมแล้ว

อาศัยจังหวะที่เหล่าสตรีถือกระบี่เข้ามาโจมตี เยี่ยโยวเหยาพลันเหวี่ยงซูจิ่นซีให้ทะยานขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ จากนั้นซูจิ่นซีก็สาดผงยาพิษในมือทั้งสองใส่สตรีเหล่านั้น

จากนั้นเยี่ยโยวเหยาก็รีบเหวี่ยงซูจิ่นซีอีกครั้ง เพื่อให้นางเข้าไปใกล้ฮูหยินเตี๋ยเมิ่ง

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที นางเห็นท่าไม่ดี จึงคิดจะหลบฉาก ทว่าไม่ทันกาลแล้ว

เยี่ยโยวเหยารวดเร็วมาก แม้จะมีซูจิ่นซีในอ้อมกอดอีกคน ทว่าไม่มีผลกระทบอันใด ทุกคนล้วนมองไม่ชัดนักว่าร่างของเยี่ยโยวเหยาหมุนเปลี่ยนไปเช่นใด บัดนี้ร่างของเขาพุ่งเข้ามาอยู่ด้านหน้าของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งแล้ว ซูจิ่นซีที่อยู่ในอ้อมกอดของเยี่ยโยวเหยา ใช้เข็มเหมันต์เทวะเล่มหนึ่งที่ฉาบด้วยยาสีฟ้าอ่อนเรืองแสง ฝังเข้าไปที่คอของฮูหยินเตี๋ยเมิ่งโดยไม่ลังเลสักนิด

“พิษจักจั่นทอง? ”

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง มันคือพิษจักจั่นทอง ข้าใช้เข็มเหมันต์เทวะฝังไปพร้อมกับพิษจักจั่นทอง พิษจะรุนแรงขึ้นอีกเท่าตัว ฮูหยินคงทราบดี ข้ารู้ดีว่าด้วยความสามารถของหุบเขาร้อยบุปผา การปรุงยาถอนพิษจักจั่นทองนั้นไม่ยาก ทว่าต้องให้ฮูหยินมีโอกาสกินยาถอนพิษเสียก่อน อย่างไรก็ตาม อาศัยวรยุทธ์ของท่านอ๋องคอยขัดขวางไม่ให้ลูกสมุนของท่านเข้าใกล้ ขอเพียงให้เวลาผ่านไปแค่หนึ่งชั่วยาม ฮูหยินก็จะพิษกำเริบจนเสียชีวิตอย่างแน่นอน ควรตัดสินใจเช่นใด ฮูหยินเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมคงจะทราบดี”

ซูจิ่นซีพูดน้ำเสียงเรียบเฉย

“เหตุใดพวกเจ้าไม่สังหารข้าไปเสีย”

“เราทั้งสองไม่มีเจตนาทำร้ายฮูหยิน ยิ่งไม่คิดจะทำร้ายฮูหยินถึงชีวิต เพียงต้องการขอสมุนไพรเท่านั้น”

“ฮึ ไม่ต้องพูดถึงการใช้วิธีเช่นนี้บีบบังคับข้า แม้พวกเจ้าจะสังหารข้าให้ตาย หากไม่มีสมุนไพรก็คือไม่มี! ” ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางสะบัดหน้าหนี

ดูท่าแล้วนางคงเป็นคนดื้อรั้นหัวแข็งจริงๆ

ภายในดวงตาของซูจิ่นซีเผยอารมณ์ดุดัน

ภายในดวงตาของเยี่ยโยวเหยายิ่งแสดงถึงความเกลียดชัง

ซูจิ่นซีหันไปพูดกับเฒ่าลวี่ “ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยอมตายไม่ยอมแพ้ พวกเจ้าต้องการดูเจ้านายของตนตายต่อหน้าต่อตาเช่นนี้หรือ? ”

ใบหน้าเฒ่าลวี่เต็มไปด้วยความลังเลและลำบากใจ

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งชักสีหน้า “พระชายาโยวอ๋อง เจ้าดูแคลนหุบเขาร้อยบุปผาของข้ามากเกินไปแล้ว แม้ข้าจะตาย หากไม่มีคำสั่งจากข้า ก็ไม่มีผู้ใดกล้าตัดสินใจโดยพลการ”

ดูท่าการบังคับขู่เข็ญเช่นนี้คงไม่สำเร็จ ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเป็นคนดื้อรั้น ไม่ว่าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม้แข็ง ล้วนไม่สำเร็จ

ควรทำเช่นไร?

ซูจิ่นซีมองหน้าเยี่ยโยวเหยา

ในเวลานี้ใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาดุดันเย็นชาอย่างมาก

ฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเป็นสตรีผู้มีชื่อเสียง น้อยนักที่เยี่ยโยวเหยาจะลงมือกับอิสตรี หากเปลี่ยนเป็นบุรุษ ซูจิ่นซีกล้ายืนยันว่า เยี่ยโยวเหยาต้องสังหารนางให้ตายไปนานแล้ว

“ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งกาน้ำชาเดือด ทางที่ดีก็มอบสมุนไพรทั้งสามชนิดมาให้ข้า ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าจะเหยียบหุบเขาร้อยบุปผาให้ราบเป็นหน้ากลอง”

ครั้งนี้เยี่ยโยวเหยาให้ทางเลือกกับฮูหยินเตี๋ยเมิ่งเป็นครั้งสุดท้าย หากฮูหยินเตี๋ยเมิ่งยังมีท่าทีแข็งกร้าว เขาก็จะใช้ความรุนแรงแล้ว

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset