สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 230 แสดงความรัก เอาอกเอาใจจนตัวลอย

ความจริงแล้วเยี่ยโยวเหยาไม่ได้ใจแคบ แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้หมอเทวดาหวายังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ตอนกลางคืนซูจิ่นซีจัดเตรียมห้องพักที่เรือนฮั่นเซียงให้กับเยี่ยโยวเหยาโดยไม่ได้พูดอันใด พวกเขาทั้งสองต่างคนต่างนอนหลับอย่างสงบสุข

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากแน่ใจว่าฮูหยินปี้ฟื้นแล้วและไม่เป็นอันตรายอันใด ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาจึงกลับไปยังจวนโยวอ๋อง

ครั้งก่อน หลังจากที่ซูจิ่นซีออกมาจากหุบเขาร้อยบุปผา ถังเสวี่ยได้มอบสมุนไพรล้ำค่าเหล่านั้นให้นาง นางเลือกสมุนไพรหนึ่งชนิดที่เหมาะกับอาการบาดเจ็บของฮูหยินปี้ในตอนนี้ และให้ลวี่หลีนำมามอบให้

เมื่อเยี่ยโยวเหยากลับไปที่ตำหนักฝูอวิ๋น เขาก็สั่งการให้องครักษ์ไปยังวิหารวิญญาณและกลับมารายงาน ผ่านไปไม่นาน องครักษ์ก็มาบอกซูจิ่นซีว่า เยี่ยโยวเหยาจะมอบหมอเทวดาหวาให้นางใช้งานตลอดไปโดยไม่ต้องส่งคนมาคืน ทว่านางต้องรอไปอีกสักระยะหนึ่ง หมอเทวดาหวาจึงจะมาได้

ซูจิ่นซีไม่ได้รีบร้อนอันใด ขอเพียงสามารถนำคนมาได้ก็พอแล้ว

ทว่าสิ่งที่ทำให้ซูจิ่นซีแปลกใจก็คือ นางไม่คิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะมอบหมอเทวดาหวาให้กับนาง

ชายผู้นี้ ช่างมอบสิ่งของได้ไม่เหมือนผู้ใดเลยจริงๆ!

ผู้อื่นส่งดอกไม้ ส่งสร้อยคอ คิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะมอบคนให้

ซูจิ่นซีมีแม่นมฮวาคนหนึ่ง องครักษ์เงาสี่คน ตอนนี้ยังมีหมอเทวดาหวาเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ทีมงานข้างกายของซูจิ่นซีนับวันยิ่งใหญ่โตมากขึ้น

ทว่าในใจของนางยังคงอบอุ่น

เกือบถึงเวลาเที่ยง พ่อบ้านก็มาถึงเรือนชิงโยว

ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยากำลังดื่มชาอยู่ภายในเรือน

พ่อบ้านส่งบัตรเชิญใบหนึ่งให้ ด้านบนประทับตราของกรมพิธีการ เป็นจดหมายที่มาจากพระราชวัง

เยี่ยโยวเหยาดูเสร็จก็โยนให้ซูจิ่นซีดูต่อ

ซูจิ่นซีเปิดบัตรเชิญออกดู ที่แท้อีกสามวันจะมีงานวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา ซึ่งจัดขึ้นที่ตำหนักวั่นโซ่ว ทั้งยังมีการเชิญเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนางให้เข้าร่วมงาน

“เหตุใดจึงส่งมาช้าถึงเพียงนี้? ”

ซูจิ่นซีทราบดี การจัดงานเลี้ยงประเภทนี้ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่ได้เรียบง่ายนัก

เหล่าเชื้อพระวงศ์ อ๋อง องค์ชาย องค์หญิง และขุนนางชนชั้นสูงต่างสามารถพาภรรยาและบุตรธิดาในครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงฉลองได้

เหล่าเชื้อพระวงศ์ องค์หญิง องค์ชายรุ่นใหม่ในแวดวงชนชั้นสูง มักใช้โอกาสนี้แสดงความโดดเด่น

บรรดาสตรีสูงศักดิ์มักใช้โอกาสนี้หมายปองคู่ครองให้แก่บุตรธิดาของตน

จะว่าไปแล้ว เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา

ทว่าในงานเลี้ยงก็มีการเปรียบเทียบกันระหว่างเหล่าบุรุษเช่นกัน!

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เชื้อพระวงศ์เช่นเยี่ยโยวเหยา ของขวัญที่ประทานแด่ไทเฮาจะต้องไม่น้อยหน้าหรือด้อยค่ากว่าผู้อื่น

อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างไทเฮากับเฉินไท่เฟยนั้นอ่อนไหวมาก ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับเยี่ยโยวเหยาก็อ่อนไหวเช่นกัน เรื่องการมอบของขวัญไม่ควรให้ผู้ใดนำมาเป็นประเด็นสร้างเรื่องราวได้

ด้วยเหตุนี้ เวลาเพียงสามวันจึงกระชั้นชิดเกินไปจริงๆ

เห็นได้ชัดว่า คนจากพระราชวังตั้งใจส่งบัตรเชิญมาล่าช้า ทั้งยังตั้งใจวางหลุมพรางแก่เยี่ยโยวเหยา!

“ท่านอ๋อง เรื่องนี้เป็นความประมาทของบ่าว บ่าวควรเตือนท่านอ๋องตั้งแต่แรก”

ทว่าก่อนหน้านี้เยี่ยโยวเหยากับซูจิ่นซีอยู่ที่แคว้นหนานหลี หลังจากที่พวกเขากลับมา ต่างคนก็ไปจัดการกับธุระของตนเอง พวกเขาไม่ได้พบพ่อบ้านเลยและลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท จนเช้าวันนี้ที่พระราชวังส่งบัตรเชิญมาจึงนึกขึ้นมาได้

“ท่านอ๋อง… ของขวัญที่จะมอบให้ในปีนี้… ” พ่อบ้านถามเยี่ยโยวเหยาด้วยใบหน้าลำบากใจ

“เยี่ยโยวเหยา เช่นนั้นก็คัดยาสมุนไพรดีๆ สักสองชนิดที่ถังเสวี่ยมอบให้เป็นของขวัญแด่ไทเฮาเถิด ไทเฮาพระชันษามากแล้ว หากมอบยาสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อพระวรกายสักสองสามชนิดให้คงไม่เลว อีกทั้งยาสมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะหามาได้”

แม้ซูจิ่นซีจะไม่เต็มใจนัก ทว่าเพื่อเยี่ยโยวเหยาแล้ว นางก็ยินดี

กลับนึกไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง… เจ้าออกไปก่อนเถิด! ”

พ่อบ้านทำได้เพียงถอยออกไป

ซูจิ่นซีไม่รู้ว่าเยี่ยโยวเหยาคิดเช่นไร หากเยี่ยโยวเหยาไม่กังวลใจกับเรื่องนี้ ซูจิ่นซีก็คร้านเข้าไปยุ่งเช่นกัน

คืนก่อนงานฉลองวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮาหนึ่งวัน เยี่ยโยวเหยาให้แม่นมฮวาส่งชุดมาให้ มันเป็นชุดสีม่วงสูงศักดิ์สง่างาม มองแล้วงดงามยิ่งนัก

แม่นมฮวารบเร้าให้ซูจิ่นซีลองสวมใส่ ทว่าซูจิ่นซีไม่ชอบเสื้อผ้าโบราณที่มีขั้นตอนการใส่ที่ยุ่งยากซับซ้อนเช่นนี้ หากลองสวมใส่จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วยาม นางจึงปฏิเสธทันที

วันรุ่งขึ้น ซูจิ่นซีตื่นเช้าเป็นพิเศษ กลับคิดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะให้แม่นมฮวามาบอกนางว่าไม่ต้องรีบ

ดังนั้นซูจิ่นซีจึงรอให้เยี่ยโยวเหยาออกมาจากตำหนักฝูอวิ๋น ทั้งสองรับประทานอาหารเช้าร่วมกันอย่างสบายใจ หลังจากดื่มชาตอนเช้าเสร็จ เยี่ยโยวเหยาก็สั่งให้แม่นมฮวากับลวี่หลีเปลี่ยนชุดเข้าวังให้ซูจิ่นซี

บุรุษผู้นี้ไม่รู้คิดเช่นไร หากไปสายในโอกาสเช่นนี้คงไม่เหมาะสมกระมัง?

ซูจิ่นซีเปลี่ยนชุดเข้าวังเรียบร้อยก็ใกล้จะถึงยามซื่อแล้ว

“พระชายา ท่านสวมใส่ชุดเช่นนี้งดงามมากจริงๆ เพคะ ยิ่งสวมใส่เครื่องแต่งกายของเชื้อพระวงศ์ยิ่งงดงามมากขึ้น วันนี้ภายในงานเฉลิมฉลอง ท่านจะต้องโดดเด่นเหนือผู้ใดอย่างแน่นอน”

ซูจิ่นซียกยิ้มเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดอันใด

ขณะที่เปิดประตูออกไป เยี่ยโยวเหยาก็ยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

เยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซีอยู่พักใหญ่ ใบหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

ซูจิ่นซีมองเยี่ยโยวเหยาในชุดแต่งกายสีม่วงที่งามสง่าและกลับมามองชุดที่ตนสวมใส่อีกครั้ง นอกจากจะรู้สึกอบอุ่นหัวใจแล้ว แก้มของนางยังแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว

บุรุษผู้นี้จัดเตรียมเสื้อผ้าสองชุด ทว่าเหตุใดจึงเหมือนกับชุดคู่รักไปได้?

ด้านในของซูจิ่นซีสวมชุดคลุมยาวสีม่วง ด้านนอกเป็นเสื้อคลุมปล่อยชายยาวระพื้นสีเทาอมชมพูอ่อน ด้านในของเยี่ยโยวเหยาสวมเสื้อคลุมสีขาวนวลจันทร์ เสื้อชั้นนอกเป็นชุดสีม่วงซึ่งเป็นสีเดียวกับกระโปรงของซูจิ่นซี

นี่เป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง เรียกว่าเสื้อนอกของข้าเป็นสีเดียวกับกระโปรงของภรรยาข้า

เยี่ยโยวเหยา ท่านแน่ใจหรือว่าจะใส่ชุดเช่นนี้ออกไป ท่านจงใจทำให้ข้าเป็นที่เกลียดชังใช่หรือไม่?

น่าเสียดาย เยี่ยโยวเหยาไม่ปล่อยให้ซูจิ่นซีได้มีเวลาครุ่นคิดนาน

เขาหันหลังเดินออกไปจากเรือนชิงโยว เมื่อเห็นซูจิ่นซียังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ก็หันกลับไปมองพลางขมวดคิ้ว “ซูจิ่นซี ยังไม่ไปอีกหรือ? ”

“ไป! ไปไป! ไปเดี๋ยวนี้เพคะ! ”

ซูจิ่นซียกกระโปรงขึ้นก้าวข้ามธรณีประตูและเดินตามเยี่ยโยวเหยาไปทันที

ขณะที่พวกเขามาถึงตำหนักวั่นโซ่ว งานเลี้ยงฉลองในวังก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ทันทีที่ซูจิ่นซีเดินเข้าประตูมา นางก็รู้สึกหนาวสะท้านในใจ

เพราะนางมองเห็นเหล่าผู้คนในสถานที่แห่งนี้ เป็นผู้ที่นางไม่ต้องการพบ

ท่านหญิงหวาหรง เว่ยเหม่ยเจีย และคุณหนูฮั่วอวี้เจียว

ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้มีพระบัญชาสั่งขังท่านหญิงหวาหรงไว้ในตำหนักเย็นแล้วมิใช่หรือ?

ส่วนคุณหนูฮั่วอวี้เจียวก็มีรอยแผลจากไฟไหม้ปรากฏตามร่างกาย ในสถานการณ์เช่นนี้ ตามหลักแล้วนางควรหลบไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้ เหตุใดยังกล้ามาที่นี่อีก?

ทว่าผู้ที่ทำให้ซูจิ่นซีประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือเว่ยเหม่ยเจีย นางคงถูกโยงไปเกี่ยวพันกับเรื่องของจงอู่โหวไม่น้อย นางมีความผิดติดตัวเช่นนี้ ควรหลีกเลี่ยงให้ไกลจากเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้จึงจะถูก นึกไม่ถึงว่านางยังใจกล้ามางานอีก

ไม่เพียงมาร่วมงานเท่านั้น นางยังมาพร้อมกับไหวหยางจวิ้นจู่อีกด้วย

เมื่อก่อน แม้เว่ยเหม่ยเจียจะเป็นสาวน้อยปากร้าย ทว่าตัวนางกลับมีพลังของหญิงสาวเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน นางช่างสดใส สง่างาม และไร้เดียงสา ทว่าเว่ยเหม่ยเจียในวันนี้กลับเกล้าผมยกสูง จัดแต่งทรงผมดั่งสตรีที่แต่งงานแล้ว หว่างคิ้วดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเว่ยเหม่ยเจียจะเปลี่ยนไปเช่นไร ไม่ว่าผู้ใดจะมาร่วมงาน ขอเพียงวันนี้ทุกคนสามัคคีกันดีก็พอ

หากผู้ใดกล้ายั่วยุนาง…

เยี่ยโยวเหยาจูงมือซูจิ่นซีเดินเข้ามาที่ตำหนักวั่นโซ่ว ทันใดนั้นดวงตาซับซ้อนจำนวนมากต่างจับจ้องมาที่ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยา

มีทั้งตกตะลึงในความงาม ทั้งเคารพนอบน้อม ยังมีแววตาที่แสดงความอิจฉาริษยา และเย็นชาขึงขัง… ทว่าขาดอยู่สิ่งหนึ่ง นั่นคือสายตาเหยียดหยาม!

แม้ในอดีตผู้คนจะดูหมิ่นซูจิ่นซี ทว่าซูจิ่นซีในเวลานี้ พวกเขาไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะเยี่ยโยวเหยาที่ยืนอยู่ข้างกายซูจิ่นซี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ล้วนทำให้ผู้คนหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซียังมีสายตาที่เฉียบแหลม ในงานเฉลิมฉลองเช่นนี้มีสตรีจำนวนมาก โดยเฉพาะสตรีประเภทเดียวกับคุณหนูฮั่วอวี้เจียว ดวงตาทั้งคู่ของพวกนางจับจ้องมายังนิ้วมือที่สอดประสานกันของซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา มอง ‘ชุดคู่รัก’ ของพวกเขาที่ราวกับตั้งใจสั่งทำ แววตาแสดงออกถึงความอิจฉาริษยาอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset