สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 233 การเลือก ใครจะชนะ?

ขณะที่เยี่ยโยวเหยาเรียกชื่อเขา แม่ทัพอวี่เหวินเกิดอาการกล้ามเนื้อมุมปากกระตุกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ท่ามกลางการจับจ้องและความคาดหวังของทุกคน ในที่สุดแม่ทัพอวี่เหวินก็ยืนขึ้นและมาเดินมายังเบื้องพระพักตร์ของฮ่องเต้กับฮองเฮา

เขาจะเลือกใคร?

ทุกคนต่างตั้งตารอด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะฮ่องเต้ ความโกรธก่อนหน้านั้นสลายไปอย่างสิ้นเชิง พระองค์ในเวลานี้มีเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นเต็มแผ่นหลังและหน้าผาก

กระทั่งตอนที่แม่ทัพอวี่เหวินยืนอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ สายพระเนตรของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดพลันปรากฏการร้องขอ

หวังว่าแม่ทัพอวี่เหวินจะไม่ทรยศ ไม่ยอมจำนนต่อการบีบบังคับของเยี่ยโยวเหยา

ความจริงแล้วแม่ทัพอวี่เหวินรู้สึกประหม่าอย่างมาก และสับสนมากเช่นกัน

เขาไม่ทราบว่า หากตนยังยืนอยู่ฝ่ายฮ่องเต้ หลังจากนี้เยี่ยโยวเหยาจะปฏิบัติต่อตระกูลอวี่เหวินของเขาเช่นไร จะปฏิบัติต่อกองทัพอวี่เหวินของเขาอย่างไร

อย่างไรเสีย… ความแข็งแกร่งของเผ่าวิหคนั้นมิอาจประเมินได้

หากทรยศต่อพระราชอำนาจของฮ่องเต้และหันไปอยู่ฝ่ายเดียวกับโยวอ๋อง ทว่าตระกูลอวี่เหวินภักดีต่อฮ่องเต้จากรุ่นสู่รุ่น เขาไม่อาจทำเรื่องที่ผิดต่อบรรพชนของตนได้ ไม่อาจทำให้ประวัติอันดีงามของตระกูลอวี่เหวินต้องเกิดรอยด่างพร้อย

“แม่ทัพอวี่เหวิน… ” ฮ่องเต้ขมวดพระขนงพลางตรัสเรียกด้วยพระสุรเสียงแผ่วเบา

ระหว่างการตัดสินใจเลือกครั้งสุดท้าย ในเวลานั้นแม่ทัพอวี่เหวินมองเห็นพระเนตรของฮ่องเต้เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัวและความคาดหวัง

ทันทีที่เขายกมือขึ้น บ่าวรับใช้คนหนึ่งก็ยกของขวัญอวยพระพรที่เขาเตรียมไว้แต่แรกเข้ามา

“ข้า อวี่เหวินเวิง เพื่อฉลองวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา ขอให้ไทเฮาทรงพระเกษมสำราญ พระชนมายุยิ่งยืนนาน” แม่ทัพอวี่เหวินพูดพลางรับของขวัญอวยพระพรจากบ่าวรับใช้ และถวายไปยังเบื้องพระพักตร์ขององค์ไทเฮาด้วยตนเอง

แม่ทัพอวี่เหวินยังคงเลือกยืนอยู่ฝ่ายฮ่องเต้…

ความรู้สึกอัดแน่นในพระทัยของฮ่องเต้พลันปลอดโปร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้สายพระเนตรไม่ได้แสดงอารมณ์ยั่วยุ ทว่าพระองค์ยังมองเยี่ยโยวเหยาด้วยความภูมิใจ

ซูจิ่นซีเกิดอาการตื่นเต้น นางจับแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยาไว้แน่น

แม่ทัพอวี่เหวินถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก เขาเลือกฝ่ายฮ่องเต้ ขุนนางคนต่อไปจะเลือกอย่างไร?

ต้องทราบว่า การสับเปลี่ยนพระราชอำนาจใหม่ของราชสำนักในวันนี้ หากเยี่ยโยวเหยาไม่สามารถเอาชนะฮ่องเต้ได้ เยี่ยโยวเหยาจะต้องถูกตั้งข้อหากบฏ พวกเขาทั้งสองไม่มีทางได้ออกไปจากตำหนักว่านโซ่วอย่างแน่นอน และต้องตายอย่างอนาถ

ซูจิ่นซีกระวนกระวายใจอยู่ตลอด กลับคิดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะหันหน้ามามองพร้อมรอยยิ้มมุมปาก เขากุมมือนางไว้ในมือของตน

เยี่ยโยวเหยากำลังบอกซูจิ่นซีว่า มีเขาอยู่ นางไม่ต้องกลัว

มือของเยี่ยโยวเหยาใหญ่มาก ทั้งยังทรงพลัง เขาไม่ได้บีบมือซูจิ่นซีจนรู้สึกเจ็บ ทว่ากลับส่งพลังให้นาง ทำให้ใจของนางเข้มแข็ง ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอันใดขึ้น ซูจิ่นซีก็กล้ายืนเคียงข้าง ร่วมเป็นร่วมตายกับเยี่ยโยวเหยา

“แม่ทัพเห่อหลาน! ” เยี่ยโยวเหยาเรียกชื่อแม่ทัพอีกท่านหนึ่ง

ในใจของทุกคนเริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง

เยี่ยโยวเหยาเพิ่งจะเรียกชื่อ คาดไม่ถึงว่าแม่ทัพเห่อหลานจะลุกขึ้นยืนและถือของขวัญอวยพระพรเดินไปยังเบื้องพระพักตร์องค์ไทเฮาด้วยความมั่นใจ “เห่อหลานหย่งขออวยพระพรไทเฮา ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเกษมสำราญ ขออวยพระพรให้องค์ไทเฮามีพระชนมายุยืนนานพันปี พันปี พันพันปี”

แม่ทัพเห่อหลานก็ยืนอยู่ฝ่ายฮ่องเต้เช่นเดียวกัน

กองทัพเห่อหลานและกองทัพอวี่เหวิน เป็นกองทัพหน่วยใต้และหน่วยตะวันออกของแคว้นจงหนิง คิดไม่ถึงว่าทั้งหมดจะยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับฮ่องเต้

“หลี่ถัง! ” เยี่ยโยวเหยาเรียกชื่อจริงของแม่ทัพหลี่โดยตรง เขาก็เป็นแม่ทัพอีกนายหนึ่งเช่นกัน

แม่ทัพหลี่สะดุ้งตกใจ เขาลุกขึ้นยืนด้วยตัวสั่นเทา และเดินถือของขวัญอวยพระพรที่ตนเตรียมมาอย่างดีไปยังเบื้องพระพักตร์องค์ไทเฮา

“หลี่… หลี่ถัง ขอ… ขออวยพระพรให้ไทเฮาทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยืนนาน”

แม่ทัพหลี่ตกใจในความน่าเกรงขามของเยี่ยโยวเหยา ทว่าเขาดูแลกองทัพของหน่วยตะวันตก เมื่อเห็นท่าทีของกองทัพหน่วยใต้และกองทัพหน่วยตะวันออกล้วนเลือกยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับฮ่องเต้ ดังนั้นเขาจึงกล้าเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับฮ่องเต้

ทว่าเขาก็ยังรู้สึกเกรงกลัวอยู่ดี!

กลัวว่าหากพวกเขาเลือกอยู่ฝ่ายฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้ยังจัดการโยวอ๋องไม่ได้ ถึงเวลานั้น โยวอ๋องจะแก้แค้นพวกเขา ดังนั้นมือของแม่ทัพหลี่ที่ถือของขวัญอวยพระพรจึงสั่นเทา และใช้เวลาพักใหญ่จึงจะกล่าวคำอวยพรเสร็จ

อำนาจของกองทัพเป็นหัวใจสำคัญของการปกครอง เยี่ยโยวเหยาได้สูญเสียกองทัพใหญ่ไปแล้วสามหน่วย เขายังมีโอกาสชนะได้อีกหรือ?

จนถึงเวลานี้แล้ว หากพูดว่าซูจิ่นซีไม่กังวลใจ คงเป็นเรื่องโกหก มือของนางที่ถูกเยี่ยโยวเหยากุมไว้เต็มไปด้วยเหงื่อ ฝ่ามือล้วนเย็นเฉียบ

กลับคิดไม่ถึงว่า ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เยี่ยโยวเหยายังให้การดูแลซูจิ่นซี เขาส่งยิ้มเล็กน้อยให้นาง พลางหยิบองุ่นหนึ่งผลป้อนเข้าปากนาง

“มีข้าอยู่! ”

สามคำนี้ราวกับสลักเข้าไปยังส่วนลึกในจิตใจของซูจิ่นซีโดยไม่รู้ตัว ซูจิ่นซีรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง ทว่าไม่รู้จะพูดอันใดดี

ในตำหนักว่านโซ่ว เหล่าสตรีที่ชื่นชอบเยี่ยโยวเหยาหันไปมองซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาด้วยแววตาสับสน

อิจฉา ริษยา และประหลาดใจ…

นึกไม่ถึงว่าผู้ที่เย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งอย่างโยวอ๋องจะยิ้มออกมาได้ ทั้งยังมีมุมอ่อนโยนเช่นนี้ ทว่าเพราะเหตุใด ตนถึงไม่ใช่ผู้ที่อยู่ข้างกายเขาคนนั้น…

“กรมการคลัง! ” เยี่ยโยวเหยาเริ่มจากกรมทั้งหก [1]

โดยไม่มีผู้ใดคาดคิด หลังสิ้นเสียงของเยี่ยโยวเหยา เจ้ากรมการคลังพลันกลอกตาไปมาและเป็นลมหมดสติในทันที

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง…

เหตุใดถึงอ่อนแอเพียงนี้?

ทั้งยังเป็นถึงเจ้ากรม!

ยศสูงส่งถึงเพียงนี้ คนเช่นนี้เลื่อนตำแหน่งขั้นมาได้อย่างไร?

“ลากตัวออกไป… ” เยี่ยโยวเหยาออกคำสั่งด้วยเสียงเย็นชา!

ทันใดนั้นก็มีองครักษ์สองสามนายวิ่งเข้ามาในตำหนักว่านโซ่วและลากตัวเจ้ากรมการคลังออกไป

ในเวลานี้ ผู้ที่มีความกล้าและมีสายตาเฉียบแหลมต่างสังเกตเห็นทันทีว่า องครักษ์สองสามนายที่เข้ามาเมื่อครู่ดูคุ้นตายิ่งนัก

พวกเขาเป็นถึงองครักษ์ของตำหนักว่านโซ่ว! เหตุใดถึงฟังคำสั่งของโยวอ๋อง หรือองครักษ์ในพระราชวังจะถูกสับเปลี่ยนเป็นคนของโยวอ๋องหมดแล้ว?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของขุนนางผู้ใหญ่ทั้งหลายพลันเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะผู้ที่แสดงจุดยืนของตนออกไปแล้ว ทว่ายังมีความกลัวเกรงหลงเหลืออยู่อย่างหลี่ถัง แม่ทัพหลี่ใบหน้าซีดเผือดทันที

“กรมอาญา! ”

เยี่ยโยวเหยาเรียกกรมอาญา ซูจิ่นซีอดมองไปที่ตำแหน่งที่นั่งของเจ้ากรมอาญาไม่ได้

ท่านผู้นี้เป็นคนรู้จักเก่า!

ตอนที่ซูจิ่นซีจัดการกับฮั่วซื่อ เขากับรองเจ้ากรมอาญาเคยให้การช่วยเหลือนางมาก่อน

เจ้ากรมหวัง…เจ้ากรมอาญา ยืนขึ้นท่ามกลางความสนใจของซูจิ่นซีและทุกคน

ซูจิ่นซีคาดหวังอย่างมาก เขาจะเดินนำของขวัญอวยพระพรออกมาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่คาดคิดว่า เจ้ากรมอาญาจะมองมาที่นาง ในขณะที่เขาสบตากับซูจิ่นซี เขาพยักหน้าเล็กน้อยและแย้มยิ้มให้

จากนั้นเจ้ากรมหวังก็คำนับไปทางไทเฮา “กระหม่อมขออวยพระพรให้ไทเฮาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ไม่แก่ชรา ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยืนยาว”

พูดจบก็นั่งลงหรือ?

เท่านี้หรือ???

มีเพียงคำอวยพร ไม่มีของขวัญอวยพร ทั้งยังไม่ออกมาจากที่นั่งอีกด้วย?

ซูจิ่นซีเข้าใจในทันที เจ้ากรมหวัง…เจ้ากรมอาญาเลือกฝ่ายเยี่ยโยวเหยา! เขายืนฝ่ายเดียวกับเยี่ยโยวเหยา

ในใจของซูจิ่นซีตื่นเต้นจนไม่สามารถบรรยายได้

ทุกคนต่างมองเจ้ากรมหวังด้วยความประหลาดใจ

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้และไทเฮาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ทว่า นี่เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น

ท่ามกลางสายตาของทุกคน เจ้ากรมหวังรินสุราในจอกที่อยู่ตรงหน้าและยกขึ้นไปทางเยี่ยโยวเหยา เยี่ยโยวเหยาเงยหน้าขึ้นมอง เขารินสุราใส่จอก จอกสุราทั้งสองอยู่ตรงข้ามกัน พวกเขาต่างยกจอกสุราขึ้นดื่มพร้อมกัน

เจ้ากรมหวังไม่เพียงยืนอยู่ฝ่ายเยี่ยโยวเหยา ทั้งยังทำเช่นนี้เพื่อแสดงออกอย่างจริงใจต่อเยี่ยโยวเหยา

ในที่สุดก็มีผู้ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเยี่ยโยวเหยาแล้ว

ทว่าเยี่ยโยวเหยาได้สูญเสียกองทัพหน่วยตะวันออก หน่วยใต้ และหน่วยตะวันตกไปแล้ว ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เหลือจะเลือกอย่างไร ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร?

……

เชิงอรรถ

[1] กรมทั้งหก ตามโครงสร้างการปกครองของจีนสมัยโบราณจะประกอบไปด้วย ขุนนางระดับมุขมนตรีสามตำแหน่ง (三省ซานเสิ่ง) ประกอบด้วย มุขมนตรีฝ่ายตรวจสอบ (门下省 เหมินเซี่ยเสิ่ง) ราชเลขาธิการ (中书省 จงซูเสิ่ง) และมุขมนตรีฝ่ายบริหาร (尚书省 ซ่างซูเสิ่ง) ตำแหน่งทั้งสามนี้ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ และยังมีกรมทั้งหก (六部 ลิ่วปู้) ประกอบด้วย กรมขุนนาง (吏部 ลี่ปู้) กรมการคลัง (户部 หู้ปู้) กรมพิธีการ (礼部 หลี่ปู้) กรมกลาโหม (兵部 ปิงปู้) กรมยุติธรรมหรือกรมอาญา (刑部 สิงปู้) และกรมโยธาธิการ (工部 กงปู้) โดยทั้งหกกรมนี้จะขึ้นตรงต่อมุขมนตรีฝ่ายบริหาร (ซ่างซูเสิ่ง)

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset