สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 94 ผจญภัยถ้ำมหัศจรรย์

        ซิ่งหลิวหลีขมวดคิ้ว นางถูกซูจิ่นซีทำให้สำลักจนพูดไม่ออก

        “ผู้คุมกฎซิ่ง นางไม่เป็นวรยุทธก็ดีสิ ท่านอย่าใจอ่อน จับนางมาให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”

        ทางด้านทูตซ้ายหัวใส สายตาเปล่งประกายดั่งคบเพลิง ในมือถือดาบยาว เขาก้าวเข้าไปชิดด้านข้างของซิ่งหลิวหลี พร้อมต่อสู้เคียงบ่ากับนาง

        ดวงตาของซิ่งหลิวหลีเฉียบคมราวกับหมาป่า ถือดาบยาวไว้ในมือแน่น ทั้งสองพุ่งเข้าโจมตีซูจิ่นซีพร้อมกัน

        ดวงตาสองข้างของซูจิ่นซีหรี่ลง ร่างกายเล็กๆ เอนตัวหลบไปด้านข้างอย่างคล่องแคล่วว่องไว องครักษ์ฝีมือดีปรากฏตัวขึ้นมาจากทางด้านหลัง ยืนเป็นแนวเรียบร้อยสม่ำเสมอ จากนั้นจึงพุ่งเข้าต่อสู้พัวพันกับฝ่ายซิ่งหลิวหลีทั้งสองคน

        บนหน้าผาด้านนอกมีทหารองครักษ์ชั้นยอดจากค่ายหู่เปินที่ฮ่องเต้ส่งมา แม้ไม่ได้มาครบทั้งหมดห้าร้อยนาย ทว่าทหารหลายสิบนายที่มาถึงถ้ำแล้ว กอปรกับองครักษ์ที่ซูจิ่นซีนำมาจากวัง ก็เพียงพอที่จะต่อต้านซิ่งหลิวหลีกับทูตซ้ายชุดดำ

        ในถ้ำคับแคบ ไม่เพียงพอให้บรรจุคนเข้าไปจำนวนมาก ทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการใช้วรยุทธอีกด้วย

        แม้ว่าซิ่งหลิวหลีและทูตซ้ายจะมีวรยุทธที่ไม่เลว ทว่าด้วยข้อจำกัดนานัปการ กอปรกับผู้มีฝีมือจำนวนมากทางฝั่งซูจิ่นซี อีกทั้งซูจิ่นซีที่ไม่เป็นวรยุทธก็แอบใช้กลอุบายบางอย่างทำให้ทั้งสองคนร่างกายอ่อนแรง พวกเขาจะต้านทานไม่ไหวแล้ว

        เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี ทูตซ้ายชุดดำก็ปาผงสีขาวออกมาหนึ่งกำมือ

        ‘ปี๊บปี๊บปี๊บ’

        “ระวัง มันมีพิษ! ”

        ซูจิ่นซีได้รับสัญญาณเตือนจากระบบถอนพิษ ในขณะเดียวกันนางก็รีบโรยผงถอนพิษจำนวนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

        สำหรับซูจิ่นซีที่มีของวิเศษปราบมาร ยาสลบชั้นต่ำพวกนี้ เป็นเพียงเรื่องปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้น

        แม้ซูจิ่นซีจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และผงถอนพิษที่ใช้ก็มีประสิทธิภาพสูงทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับพิษ ทว่าเมื่อผงพิษสลายหายไป ซูจิ่นซีกลับไม่พบแม้แต่เงาของซิ่งหลิวหลีและทูตซ้ายชุดดำ พวกเขาคงถือโอกาสตอนที่เกิดหมอกยาสลบถอยทัพไป อีกทั้งศพของฮองเฮาก็หายไปด้วย

        “แยกกันตามหา อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้แม้แต่ผู้เดียว” ซูจิ่นซีออกคำสั่ง

        ที่ปากถ้ำได้ถูกซูจิ่นซีและเหล่าทหารยึดครองไว้ ไม่ว่าอย่างไรซิ่งหลิวหลีและทูตซ้ายชุดดำก็ไม่สามารถออกไปทางปากถ้ำได้ พวกเขาต้องหลบอยู่ในถ้ำอย่างแน่นอน

        หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้ตะโกนขึ้นว่า “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ทางนี้พบเส้นทางลับพ่ะย่ะค่ะ”

        “พระชายา ให้กระหม่อมลงไปก่อน! ”

        ก่อนที่ซูจิ่นซีจะก้าวผ่านไป ทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างกายก็ขวางนางไว้ทันที ซูจิ่นซีไม่เป็นวรยุทธ พวกเขาต้องปกป้องซูจิ่นซีให้ดีตลอดเวลา มิเช่นนั้น… อย่าคิดหวังที่จะมีชีวิตอยู่

        ทหารองครักษ์ผู้นั้นมั่นใจว่ามันเป็นเพียงเส้นทางลับธรรมดาเท่านั้น หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีกลไกอันตรายใดๆ จึงพยักหน้าให้กับซูจิ่นซีและยอมให้ซูจิ่นซีเดินผ่านไป

        ทันทีที่เดินไปถึงทางเข้าเส้นทางลับ ระบบถอนพิษก็ส่งสัญญาณเตือนว่าด้านในมีพิษ ทั้งยังมีพิษหลายชนิดเสียด้วย ในจำนวนนั้นเห็นว่าเป็นพิษงูซึ่งเป็นพิษที่แข็งแกร่งที่สุด

        “ในถ้ำนี้ไม่มีเส้นทางออกอื่นแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกระโดดออกจากถ้ำนี้ไปแล้ว องครักษ์เหลิ่ง เจ้านำคนส่วนหนึ่งวิ่งไล่ตามจากด้านบนไปอีกฝั่งหนึ่งของหน้าผา ข้าคิดว่าที่นั่นจะต้องมีทางออกอีกทาง ส่วนข้าจะนำคนอีกกลุ่มหนึ่งตามเข้าไปจากตรงนี้ พวกเราต้องรีบแล้ว เหลือเวลาอีกไม่มาก” ซูจิ่นซีกล่าวกับทหารองครักษ์ที่ติดตามมาตั้งแต่แรก

        ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วยามก่อนจะถึงเวลาที่ฮ่องเต้กำหนดและเวลาแห่งการเดิมพันระหว่างซูจิ่นซีและฮั่วอวี้เจียว เวลาช่างกระชั้นชิดเหลือเกิน

        “อย่างไรก็ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ” องครักษ์เหลิ่งปฏิเสธทันที “ที่นี่อันตรายเกินไปพ่ะย่ะค่ะ! พระชายาควรปล่อยให้กระหม่อมและพี่น้องคนอื่นๆ แบ่งกำลังออกเป็นสองทางเพื่อไปสกัดกั้นพวกเขาเอาไว้ กระหม่อมจะให้ทหารส่งท่านกลับไปที่วัดพุทธฝ่า ท่านรอฟังข่าวดีเถิด! กระหม่อมและคนอื่นๆ จะไม่ทำให้ความคาดหวังของพระชายาต้องสูญเปล่าอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

        “ด้านในนี้มีพิษ องครักษ์เหลิ่ง… เจ้าแน่ใจหรือว่าพวกเจ้าจะต้านทานไหว? ” ซูจิ่นซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นอย่างมาก

        เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถ!

        หากเป็นการต่อสู้ด้วยดาบและดินปืน ณ ที่แห่งนี้พวกเขาล้วนเป็นวีรบุรุษที่ต่อสู้บนสังเวียน พวกเขาต่างเคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยตาที่ไม่กระพริบ ทว่าสำหรับพิษเหล่านี้ พวกเขาไม่อาจป้องกันได้

        องครักษ์เหลิ่งไม่มีทีท่าว่าจะชนะได้เลย

        “ในเมื่อไม่สามารถ พวกเจ้าก็พูดจาไร้สาระให้น้อยลง! ในเมื่อฝ่าบาทมอบพวกเจ้าให้ข้าแล้ว พวกเจ้าก็ต้องฟังข้า”

        “พ่ะย่ะค่ะ! พระชายา! ”

        องครักษ์เหลิ่งตอบกลับด้วยความเคารพอย่างยิ่ง จากนั้นจึงจัดแจงมอบผู้ที่มีฝีมือทั้งหมดให้ซูจิ่นซี ส่วนตนเองก็นำคนที่เหลือขึ้นไปบนหน้าผา และนำทหารที่รออยู่ด้านบนตามหาทางออกอีกทาง

        เส้นทางลับในถ้ำนั้นคับแคบและขรุขระ ทำให้เดินลำบาก และมีอันตรายที่ไม่อาจทราบได้ซุกซ่อนอยู่ทุกที่ การตอบสนองและระดับความว่องไวของคนที่เข้ามาในถ้ำจะต้องสูงส่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นซูจิ่นซีจึงไม่ต้องการลูกน้องจำนวนมาก ทว่ามีทักษะยอดเยี่ยมเป็นพอ

        องครักษ์เหลิ่งเหลือกำลังคนไว้ในจำนวนที่พอเหมาะ

        ซูจิ่นซีและคนอื่นค่อยๆ เดินเข้าไปในเส้นทางลับ ภายในเส้นทางลับนั้น ยิ่งเดินเป็นเวลานาน อากาศก็ยิ่งชื้นขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศเบาบางลงทุกที อีกทั้งระบบถอนพิษก็ส่งเสียงเตือนอย่างรุนแรงมากขึ้น

        แสดงให้เห็นว่าพวกนางเข้าใกล้แหล่งพิษมากขึ้น …เรื่อยๆ …เรื่อยๆ

        “ช้าก่อน! ”

        ซูจิ่นซียกมือหยุดการเคลื่อนไหวของทุกคน ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า

        เมื่อครู่ระบบถอนพิษเตือนว่ามีสารพิษจำนวนมากกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกนางอย่างรวดเร็ว

        ซูจิ่นซีสงบสติ แสดงออกด้วยท่าทางจริงจังอย่างยิ่ง

        พวกมีฝีมือที่อยู่ข้างหลังต่างเพิ่มความระมัดระวังตัว ไม่กล้าสะเพร่าแม้แต่น้อย

        “ถอดเสื้อผ้าบนร่างกายออกให้หมด! เร็ว! ” ซูจิ่นซีกล่าว

        ทุกคนต่างไม่กล้าถามให้มากความ รีบทำตามที่ซูจิ่นซีสั่ง โดยการถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกมา

        “เอาเสื้อผ้ามัดไว้บนดาบแล้วโรยสิ่งนี้ ผู้ใดถือคบเพลิงให้ จุดไฟ! ”

        ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ในมือของซูจิ่นซีปรากฏสิ่งของที่เหมือนกับน้ำมันหอมระเหยอยู่ นางแจกจ่ายให้กับทุกคน

        เหล่าทหารต่างรีบผูกเสื้อคลุมของตนเข้ากับดาบตามที่ซูจิ่นซีสั่ง จากนั้นก็โรยของเหลวที่ซูจิ่นซีมอบให้บนเสื้อผ้าแล้วจุดไฟ ทำให้กลายเป็นคบเพลิงชั่วคราว

        ทันทีที่สร้างคบเพลิงสำเร็จ ทุกคนก็ได้ยินเสียง “เวิงเวิงเวิง” ที่มาพร้อมกับเสียงนั้นคือเมฆควันสีดำที่ขดมาตามพื้นทางเดินจากส่วนลึกด้านในเส้นทางลับ

        ความเร็วนั้นรวดเร็วมากจนทุกคนไม่มีเวลาตอบสนอง

        ในคราแรก ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น เพียงคิดว่าเป็นกลุ่มหมอกพิษกำลังเคลื่อนที่มาตรงหน้า แต่เมื่อกลุ่มควันสีดำนั้นเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่หมอกพิษ ทว่าเป็นกลุ่มของแมงมุมพิษ

        โอ้ สวรรค์!

        น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!

        เหตุใดจึงมีแมงมุมมากมายรวมตัวกัน ยิ่งไปกว่านั้นทุกตัวต่างมีขนาดใหญ่เท่ากับไข่ห่าน มันพุ่งเข้ามาพร้อมกัน ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่น่าตกใจ ทำให้ขนลุกไปหมด

        แม้ว่าทุกคนจะมีฝีมือเป็นยอดวรยุทธ ทว่ากลับไม่เคยพบเจอฉากที่น่ากลัวและน่าขยะแขยงเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของทุกคนต่างซีดเผือด ทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร

        “ยังยืนงงทำอันใดอยู่? ยกคบเพลิงขึ้นมาสิ! ใช้คบเพลิง! ”

        ซูจิ่นซีออกคำสั่งเสียงเย็น

        ทุกคนฟื้นคืนสติขึ้นมาในทันที แม้จะยังกลัวอยู่บ้าง ทว่าเพื่อเอาชีวิตรอด จึงทำได้เพียงกัดฟันและทำตามที่ซูจิ่นซีแนะนำเท่านั้น

        เดิมทีคิดว่าคบเพลิงเล็กๆ สองสามอันคงไม่สามารถจัดการกับฝูงแมงมุมที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมากได้ ทว่าคบเพลิงยังไม่ทันแตะต้องกับตัวแมงมุม แมงมุมเหล่านั้นก็พลันแขนขาอ่อนแรงและร่วงลงกับพื้น ไม่มีหนทางที่จะปีนขึ้นไปข้างบนได้อีก

        อันใดกัน?

        นี่มันเกิดเรื่องอันใดกัน?

        เมื่อทุกคนเห็นว่าวิธีการของซูจิ่นซีได้ผล ก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวอีกต่อไป พวกเขาจึงกล้าใช้คบเพลิงเดินฝ่าเข้าหาฝูงแมงมุม

        ผ่านไปไม่นาน แมงมุมกลุ่มใหญ่ก็พากันหล่นลงมาบนพื้นที่มืดมิด ส่วนแมงมุมที่อยู่ด้านบนก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขาอีก บางตัวถึงกับหันกลับไปยังทางที่พวกมันจากมา

        “พระชายา ท่านช่างเก่งกาจเสียจริง คาดไม่ถึงว่าแมงมุมพวกนี้จะถูกท่านจัดการได้ เมื่อครู่พวกเราพี่น้องต่างตกใจไม่น้อยเลยทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ”

        “ใช่พ่ะย่ะค่ะ! พระชายา ชีวิตและความตายจากการต่อสู้ด้วยดาบจริง พวกเราพี่น้องไม่มีเวลาแม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบเจอกับเรื่องราวเช่นนี้ ทำให้รู้ว่าแม้จะมีวรยุทธสูงส่งเพียงใดกลับไม่มีวิถีทางตอบโต้เลยแม้แต่น้อย เมื่อครู่กระหม่อมยังคิดว่าพวกเราจะต้องตายอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ! ”

        “พระชายา ของที่ท่านให้พวกข้าโรยบนเสื้อผ้าคือสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ? ดูเหมือนว่าจะมีกลิ่นหอมจางๆ เมื่อจุดไฟแล้ว หากแมงมุมพิษเหล่านี้ได้กลิ่นนี้ก็จะตายใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”

        “ข้าเพียงเพิ่มน้ำมันบางชนิดลงไปผสมกับผงยาเท่านั้น เป็นเพียงเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงหรอก แม้แมงมุมพวกนี้จะมีพิษ แต่ก็ไม่เท่าไร อันตรายที่แท้จริงยังรออยู่! ทุกคนระวังตัวด้วย พวกเราไปต่อ”

        อะไรนะ?

        นี่ยังไม่นับว่าอันตรายอีกหรือ?

        ยังมีที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้อีกหรือ?

        คืออันใดกัน?

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset