สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน – ตอนที่ 18 แม่นมฮวาท่านอ๋องอยู่ที่ใด

       “คุณหนู ท่านฟื้นแล้ว ในที่สุดท่านก็ฟื้น! ”

        ยาต้มปั้นซย่าเซี่ยซิน [1]

       1.ปั้นซย่า 2 เหลี่ยง [2]

        2.หวงฉิน กานเจียง

        3.โสมก้อน 3 เหลี่ยง

        4.ต้าหวาง 1 เหลี่ยง

        5.กานจ้าว 20 เหมย [3]

        6.กานเฉ่า 3 เหลี่ยง

        รวมทั้งหมดนี้เป็นสูตรยาที่ใช้ปรับความสมดุลคลายความร้อนในร่างกาย

        ทันทีที่ระบบถอนพิษบอกชื่อชนิด องค์ประกอบและผลลัพธ์ของยาเหล่านี้ ซูจิ่นซีจึงทันได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นจนน้ำตาไหลของลวี่หลีขณะถือถ้วยแก้วสีเขียวมรกตที่มีส่วนผสมของยาดำข้นและกำลังหยดลงบนพื้นเดินตรงเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว

        ซูจิ่นซีจับหน้าผากที่ปวดของตน “ลวี่หลี เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ”

        “คุณหนู ในที่สุดท่านก็ฟื้นเสียที! ท่านสลบไปเกือบจะครึ่งเดือนแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยตกใจจนจะตายให้ได้ มองท่านที่สลบไม่ยอมตื่นเช่นนี้หมอเทวดาหวากับท่านหมอคนอื่นๆ ในโรงหมอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แล้ว ท่านอ๋องจึงส่งคนไปที่จวนสกุลซูเพื่อถามถึงอาการของท่าน ข้าน้อยเลยได้มาอยู่ดูแลคุณหนูที่นี่เจ้าค่ะ! ”

        เยี่ยโยวเหยา……

        เขาปฏิบัติต่อข้าดีเพียงนี้เชียวหรือ?

        ช้าก่อน!

        ข้อมูลที่ระบบถอนพิษรายงานเมื่อสักครู่นี้…

        ทันใดนั้นซูจิ่นซีก็หยิบถ้วยแก้วสีเขียวมรกตจากมือของลวี่หลีมาดมกลิ่นยาต้มสมุนไพรที่อยู่ข้างใน จิบอีกครั้งและยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเป็นส่วนผสมที่รายงานโดยระบบถอนพิษจริงๆ ไม่ผิดไปแม้แต่น้อย

        ระบบถอนพิษมีความสามารถนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

        เหมือนว่าความสามารถจะสูงขึ้นด้วยหรือนี่!

        ก่อนหน้านี้ระบบถอนพิษอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการออกจากโรงผลิตเท่านั้น มันทำได้เพียงแค่เตือนนางว่าสารพิษคืออะไรและวัสดุยาชนิดใดที่จำเป็นสำหรับการถอนพิษเมื่อพิษเข้ามาใกล้หรือต้องเผชิญกับพิษที่ซับซ้อนมากขึ้น หากระบบก็ไม่ได้ว่องไวมากนัก ซูจิ่นซีจึงต้องกำจัดสิ่งรบกวนทั้งหมด โดยการนั่งทำสมาธิและวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนจึงจะสามารถตรวจพบได้

        ถึงขนาดที่ว่าในบางครั้งก็ยากที่จะระบุชื่อยาถอนพิษได้ ซูจิ่นซีเองจึงจำเป็นต้องใช้ทักษะพื้นฐานที่เรียนในโรงเรียนมาเพื่อวินิจฉัยว่าควรใช้ยาชนิดใด

        กระทั่งปัจจุบัน ระบบการถอนพิษสามารถวิเคราะห์ส่วนผสม ปริมาณของยาว่าเป็นพิษชนิดใดได้  ไม่เพียงเท่านั้นนางยังรู้สึกได้ชัดเจนว่าระบบมีความว่องไวและใช้งานได้อย่างราบรื่นกว่าคราก่อน อย่างน้อยความเร็วก็เพิ่มเป็นสองเท่าในระหว่างการทดสอบ

        หรือว่านี่เป็นการเลื่อนขั้นของระบบถอนพิษ?

        ซูจิ่นซีนึกอยู่นานถึงเหตุผลที่ว่าเหตุใดการทำงานของระบบนี้จึงเลื่อนขั้นอย่างกะทันหัน สุดท้ายนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก

        ไม่เพียงแต่หลายวันมานี้นางเองไม่ได้เผชิญเรื่องอันใดที่สามารถทำให้ระบบเลื่อนขั้นได้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดกลับโชคร้ายไม่รู้สิ้น ทั้งข้ามมิติ เกือบโดนทำร้าย ถูกใส่ร้าย แต่งงาน และตอนนี้ซี่โครงก็หักไปสองซี่

        จะมีก็เพียงแต่การรักษาที่ดีขึ้น เหมือนว่าการกินยาอายุวัฒนะล้ำค่าหลิงเซียวตานรักษาโรคหัวใจและตับ ซูจิ่นซีได้ยินมาว่าในยุคนี้ หลิงเซียวตานเป็นยาวิเศษรักษาอาการบาดเจ็บที่ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างแย่งชิง

        หรือว่านี่จะมีความเกี่ยวข้องกับยาหลิงเซียวตาน?

        หลังจากนั้นค่อนวันซูจิ่นซีก็ตัดสินใจที่จะไม่กังวลกับปัญหานี้อีกต่อไป นางบิดกายยืดเอวอย่างแรง อารมณ์ดีเสียนี่กระไร

        อากาศข้างนอกดูเหมือนจะไม่เลวเลย ซูจิ่นซีจึงคิดจะออกไปเดินเล่นผ่อนคลาย จะได้คลายกล้ามเนื้อและกระดูกที่ใกล้จะพังทลายนี้เสียหน่อย

        เดี๋ยว ช้าก่อน!!!

        ซูจิ่นซีก้มศีรษะลงอย่างไม่เชื่อตนเองว่านางจะสามารถกระโดดลอยตัวได้เป็นเวลานาน ทว่ากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเอวและอวัยวะของนางแม้แต่นิด

        ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันใด

        “ลวี่หลี เจ้าพูดว่าข้าหลับไปนานเท่าไรนะ? ”

        “ครึ่งเดือนเจ้าค่ะ! คุณหนู”

        ครึ่งเดือน???

        สวรรค์!!!

        ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบวัน นางก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติแล้ว ซี่โครงที่หักก็ดูเหมือนจะหายดีอีกด้วย อีกทั้งไม่มีความรู้สึกแตกหักหรือเจ็บปวดแต่อย่างใด

        ยาของหมอเทวดาหวานั่นช่างสมชื่อยาวิเศษเสียจริง!

        นางไม่จำเป็นต้องกังวลกับการนอนอยู่บนเตียงเหมือนศพแข็งทื่อเป็นเวลาสามเดือนอีกต่อไป

        ซูจิ่นซีตื่นเต้นมากจนควบคุมตนเองไม่ได้ นางกระโดดลงจากเตียงอย่างมีความสุขและกระโดดบนพื้นอีกหลายรอบราวกับนกน้อยที่ตอนท้ายสุดก็หลุดพ้นจากกรงอย่างไรอย่างนั้น

        ซี่โครงหายดีแล้ว ระบบถอนพิษก็เลื่อนขั้นขึ้น นี่มันเป็นโชดดีในความโชคร้ายชัดๆ มีความสุขสองเท่าเลย!

        หมอเทวดาหวาและแม่นมฮวาที่เฝ้าอยู่ชั้นล่างต่างก็รีบลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว

        เมื่อเห็นซูจิ่นซีกระโดดบนพื้นอย่างมีความสุข หัวใจที่ประหม่าของแม่นมฮวาก็เกือบจะเด้งทะลุคอหอยออกมาทันที

        “พระชายาเพคะ ไม่ได้ ไม่ได้นะเพคะ! ท่านยังป่วยอยู่แถมร่างกายก็ยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย! ”

        ซูจิ่นซีปล่อยให้แม่นมฮวาพาตนเองนั่งลงบนเตียงขณะที่นางเม้มริมฝีปาก ทว่ายังไม่ได้อธิบายว่าอาการป่วยของตนดีขึ้นมากแล้ว

        เพื่อคอยดูแลรักษาซูจิ่นซี หมอเทวดาหวาที่ไม่ได้นอนมาหลายคืน กระดูกแก่ๆ แทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเห็นซูจิ่นซีที่จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาแถมยังสามารถวิ่งได้ ทันใดนั้นเขาก็กระฉับกระเฉงราวกับกินสิ่งกระตุ้นบางอย่างเข้าไปเช่นกัน

        หมอเทวดาหวาจับชีพจรของซูจิ่นซีด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน

        “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? ” แม่นมฮวาถามหมอเทวดาหวาถึงอาการป่วยด้วยความเป็นห่วง

        “แม่นางซู เอวของท่านยังปวดอยู่หรือไม่? เมื่อครู่ที่กระโดดรู้สึกเจ็บปวดส่วนใดบ้างหรือไม่เล่า? ”

        หมอเทวดาหวาไม่รีบเร่งที่จะตอบคำถามของแม่นมฮวา สีหน้าของเขาดูแปลกใจเล็กน้อยและถามซูจิ่นซี

        “ไม่มีเจ้าค่ะ! ” ซูจิ่นซีส่ายหัว

        หมอเทวดาหวาจ้องเข้าไปในดวงตาของซูจิ่นซีด้วยความรู้สึกที่ไม่น่าเชื่ออยู่นาน

        เหตุใดกัน… เป็นไปได้อย่างไร?

        แม้ว่ายาหยกดำต่อกระดูกนี้จะเป็นยาวิเศษ ทว่าไม่มีเหตุผลเลยที่จะวิเศษถึงขั้นนี้!

        ปีนั้นตอนที่ท่านอ๋องทำสงครามอยู่ที่จวนเสินโหว มณฑลยูนนานร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระดูกหัก ต้องใช้ยานี้เป็นเวลาถึงเดือนกว่าๆ จึงจะหายดี

        ทว่าซูจิ่นซีในเวลานี้กลับใช้เวลาเพียงไม่ถึงยี่สิบวัน เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มากกว่าหนึ่งเดือน!

        ไม่มีเหตุผลใดเลยว่าเหตุใดร่างกายที่แข็งแกร่งของฝ่าบาทจึงด้อยกว่าสาวน้อยที่อ่อนแออย่างซูจิ่นซี หรือว่าร่างกายของซูจิ่นซีผู้นี้มีความพิเศษ?

        หมอเทวดาหวาอดคิดไม่ได้ถึงพิษดูดเลือดในร่างกายของเยี่ยโยวเหยาซึ่งมีความยากเกินกว่าที่ว่าคนอย่างเขาจะรักษาได้ คาดไม่ถึงว่าเลือดของซูจิ่นซีจะสามารถระงับอาการพิษนี้ได้

        เขาต้องการนำเลือดของซูจิ่นซีไปตรวจสอบและวิเคราะห์ในทันที ทว่าท้ายที่สุดแล้วด้วยฐานะของซูจิ่นซีนั้น หมอเทวดาหวาที่เป็นเพียงแค่ข้ารับใช้เจ้านาย เช่นนั้นเขาจึงไม่กล้าล่วงเกินและไม่ให้เกียรตินางอย่างแน่นอน

        เรื่องนี้… ทำได้เพียงปรึกษาระยะยาวกับท่านอ๋องแล้ว

        “ท่านหมอเทวดาหวา อาการของพระชายาสรุปแล้วเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ? ”

        แม่นมฮวาเห็นว่าท่านหมอไม่พูดเป็นเวลานานจึงถามด้วยความกังวล

        หมอเทวดาหวารู้สึกตัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อาการของแม่นางซูไม่มีอันใดน่ากังวลแล้วละ ในเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวเมื่อครู่แล้วก็ไม่มีเรื่องใดให้ต้องกังวล ดูเหมือนว่าซี่โครงเกือบจะหายดีแล้ว เพียงแต่อย่างไรมันก็ยังไม่หายดีเสียทีเดียว ดังนั้นแม่นางซูยังคงต้องระมัดระวังตอนขยับร่างกายหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน! ”

        การเป็นหมอนั้น ปกติแล้วจะไม่พูดเยอะเสียเท่าไร

        เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่นมฮวาก็ตกตะลึงและปลาบปลื้มใจ ยกย่องยาหลิงเซียวตานและยาหยกดำต่อกระดูกของหมอเทวดาหวาว่าเป็นยาชั้นยอด

        แม้ว่าซูจิ่นซีจะเป็นหมอพิษ ทว่าหมอและยาพิษเดิมทีเป็นของคู่กัน ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจศิลปะของการแพทย์ ยิ่งว่านั้นการเรียนในมหาวิทยาลัย ซูจิ่นซีก็เลือกเรียนแพทย์แผนจีน นางจึงสามารถวินิจฉัยโรคบางอย่างได้ โรคนั้นดีไม่ดีอย่างไร ตัวนางเองรู้ดีที่สุด

        ขณะนี้สิ่งที่นางอยากทำมากที่สุดคือจับเยี่ยโยวเหยามาวิเคราะห์พิษในร่างกายของเขา

        ก่อนหน้านี้ระบบถอนพิษแม้ว่าจะตรวจพบพิษมากกว่าหนึ่งชนิดในร่างกายเยี่ยโยวเหยา ทว่าระบบถอนพิษบางระบบสามารถตรวจพบว่าพิษนั้นคือชนิดใด บางระบบก็ไม่สามารถตรวจหาพบ ที่ผ่านมานางยังคงสงสัยมาโดยตลอด

        แล้วตอนนี้ระบบถอนพิษได้เลื่อนขั้นแล้ว นางต้องการที่จะทดสอบประสิทธิภาพกับเยี่ยโยวเหยาเป็นคนแรก

        “แม่นมฮวา ท่านอ๋องเล่า? ช่วงนี้ท่านอ๋องกลับมาที่จวนบ้างหรือไม่? ”

……

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน สามพันปีก่อนที่แผ่นดินเทียนเหอจะได้รับการจดบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สกุลซู ตระกูลแพทย์ที่เก่าแก่และร่ำรวยแห่งแคว้นจงหนิง ภายในห้องที่รกร้างทรุดโทรมห้องหนึ่ง บุตรสาวคนที่เจ็ด ‘ซูจิ่นซี’ เสื้อผ้าขาดลุ่ย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกมัดติดกับเสา ข้างกายคือสาวงามนางหนึ่ง นางสวมอาภรณ์หรูหรา ในมือถือกริชค่อยๆ เฉือนลงบนร่างกายของซูจิ่นซี “ไอ้โง่ เจ้ายังไม่ยอมอ้าปากพูดอีกหรือ หยกกิเลนอยู่ที่ใด” ร่างของซูจิ่นซีสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ทว่าปากก็ยังถูกปิดสนิทให้ไม่สามารถพูดได้แม้แต่คำเดียว ดวงตาสีเข้มมืดมนคลอด้วยหยาดน้ำตา ส่งสายตาวิงวอนต่อสาวงามนางนั้น หญิงสาวยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงผ้าที่อุดปากซูจิ่นซีออก สาวงามตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “พูด! ” แต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะร้องไห้ส่งเสียงดังสนั่นราวกับเด็กน้อยขึ้นมา “พี่หญิงเป็นคนหลอกลวง ฮือ…ฮือฮือ…บอกว่าจะให้ข้ากินปลา ท่านพี่หลอกข้า ฮือฮือ ลวี่หลี… ข้าเจ็บเหลือเกิน! ลวี่หลี…ฮือฮือฮือ…ข้าเลือดไหล ลวี่หลี…” ดวงตาส่องประกายของสาวงามหม่นแสงลงทันที กริชในมือยกขึ้นจ่อคอของซูจิ่นซีอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “หุบปาก! หากยังตะโกนอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสียตอนนี้! ” ซูจิ่นซีหวาดกลัวเสียจนหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันใด อีกทั้งยังมองสาวงามด้วยแววตาขยาด ทว่าในขณะที่ดวงตาอันสับสนของซูจิ่นซีมองทะลุผ่านสาวงามไปยังบุรุษผู้มีรังสีมืดมนบนเก้าอี้ไม้จันทน์สีแดงแปดเหลี่ยมข้างหลังนาง ซูจิ่นซีก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset