สอนสวาทคุณอาที่รัก – ตอนที่ 13

“คุณเสือกลับมาดึกเชียวนะคะ”

ป้าแก้วที่ยังไม่ได้นอนเอ่ยทักเมื่อเห็นชาติพยัคฆ์ก้าวเข้ามาภายในบ้าน ชายหนุ่มระบายยิ้มให้ก่อนจะเดินผ่านแม่บ้านสูงวัยตรงไปยังบันได

“คุณเสือชอบคุณมนจริงๆ เหรอคะ”

คำถามของป้าแก้วทำให้คนที่เดินอยู่ชะงัก เขาหยุดนิ่ง ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเจ้าของคำถามสูงวัยด้วยท่าทางเย็นชาไร้ความรู้สึก

“ยังไม่ใช่ครับ”

“ยังไม่ใช่ แล้วทำไมคุณเสือออกไปกับเธอนานแบบนี้ล่ะคะ นี่ถ้าคุณหนูวดีรู้เรื่องเข้าจะโกรธจะงอนเอานะคะ เธอยิ่งหวงคุณเสืออยู่”

ใบหน้าหล่อลากดินยังคงเรียบเฉย มีแต่แววตาเท่านั้นที่สะท้อนวาบขึ้น แต่ชั่วขณะก็มืดมิดเช่นเดิม

“นี้มันเรื่องส่วนตัวของผม เด็กอย่างวดีไม่เกี่ยว”

ชายหนุ่มตอบและจะเดินหนี แต่ป้าแก้วเรียกเอาไว้อีก

“อย่าหาว่าป้าสอดเลยนะคะ แต่ป้าไม่อยากให้คุณเสือกับคุณหนูวดีบึ้งตึงกันแบบนี้เลยค่ะ เมื่อเห็นที่นี่มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคุณหนูวดี แต่ตอนนี้ไม่เหลือสิ่งเหล่านั้นเลย คุณเสือก็ไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง ส่วนคุณหนูวดีก็ออกไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง”

แส้แห่งความเงียบฟาดใส่เนื้อหัวใจอย่างรุนแรง ชาติพยัคฆ์ยืนนิ่ง เนื้อตัวเกร็งเครียด เจ็บปวดกับความรู้สึกที่ไม่สามารถแสดงมันออกไปได้ เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่เขาถึงจะสิ้นทุกข์ทรมานแบบนี้เสียที เมื่อไหร่นะหัวใจของเขาจะเลิกร่ำร้องหาแต่ราชาวดีเสียที

“มันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือครับป้าแก้ว”

“มันถูกต้องที่ไหนกันล่ะคะ คุณเสือต้องคู่กับคุณหนูวดี”

ชาติพยัคฆ์เลื่อนสายตามาจับจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นกังวลของคู่สนทนา

“มันเป็นไปไม่ได้ครับ ผมกับวดีเป็นได้แค่อากับหลานเท่านั้น”

“ทำไมจะเป็นไม่ได้คะ ถ้าคุณเสือยอมรับหัวใจตัวเอง ไม่ใช่วิ่งหนีอยู่แบบนี้”

“ป้าแก้ว…”

ชาติพยัคฆ์เค้นเสียงดุคู่สนทนา แต่ป้าแก้วหยุดไม่ได้แล้วจริงๆ

“สักวัน… ถ้าคุณเสือยังคงปากแข็งใจแข็งอยู่แบบนี้ สักวันคุณหนูวดีจะจากไปจริงๆ แล้วเมื่อนั้นแหละคุณเสือจะเสียใจที่สุดในชีวิต”

ป้าแก้วพูดจบก็สะบัดหน้าแล้วเดินหนีไปอย่างเสียใจ

ชาติพยัคฆ์มองตามไป ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

“ถ้าผมทำได้… ผมทำไปนานแล้วป้าแก้ว แต่นี่… วดีคือสิ่งต้องห้ามสำหรับโคแก่อย่างผม”

ชายหนุ่มพึมพำออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไป

 

รถที่แล่นมาดีๆ เกิดกระตุกและส่ายเลื้อยเป็นงู ก่อนที่จะดับสนิทลง และนั่นก็ทำให้สาวน้อยที่นั่งน้ำตาไหลอาบแก้มมาตลอดทางต้องหันไปถามด้วยความตกใจ

“หยุดรถทำไมคะพี่อรรถ”

“พี่ก็ไม่แน่ใจ เดี๋ยวขอลงไปดูก่อนนะครับ”

หญิงสาวพยักหน้ารับ และควานมือลงไปในกระเป๋าสะพายเพื่อหาโทรศัพท์มือถือ แต่หาตั้งนานก็ไม่เจอซึ่งนั่นก็ทำให้ราชาวดีรู้ตัวว่าลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้บนหัวเตียง

“บ้าจริง ลืมได้ยังไง”

ราชาวดีบ่นอุบให้กับความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง ก่อนจะก้าวลงจากรถไปหยุดอยู่ข้างๆ กับร่างของอรรถพรที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ล้อรถด้านหน้า

“พี่อรรถคะ วดีขอยืมมือถือหน่อยได้ไหมคะ จะโทรหาป้าแก้วน่ะค่ะ กลับดึกเกรงใจป้าแก”

“ได้ครับ”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน และล้วงโทรศัพท์มือถือส่งให้หญิงสาว จากนั้นก็ก้มลงไปพิจารณาล้อรถของตัวเองต่อไป

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวกล่าวขอบคุณ และกำลังจะหาป้าแก้ว แต่จู่ๆ เครื่องก็ดับลง

“พี่อรรถ… แบตหมดค่ะ”

“ใช่… แบตพี่ใกล้หมดตั้งแต่เรานั่งอยู่ริมน้ำแล้วล่ะ”

ดวงหน้านวลเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“แล้วโทรศัพท์ของน้องวดีล่ะครับ แบตหมดเหมือนกันหรือ”

หญิงสาวส่ายหน้า

“วดีลืมเอามาค่ะ ป่านนี้ป้าแก้วเป็นห่วงนั่งไม่ติดแล้วแน่เลยค่ะ วดีนี่แย่จริงๆ เลย”

“น้องวดีไม่แย่หรอกครับ รถพี่ต่างหากกำลังแย่”

ท่าทางเป็นกังวลของอรรถพรทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อย

“รถพี่อรรถเป็นอะไรเหรอคะ หรือว่าน้ำมันหมด”

ชายหนุ่มส่ายหน้า

“ยางแตกน่ะครับ แล้วยางอะไหล่ของพี่ก็ไม่ได้เอาติดมาเสียด้วย”

ดวงหน้านวลที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดขึ้นไปอีก

“แล้วนี่เราจะทำยังไงดีคะ อาเสือน่ะคงไม่ห่วงวดีหรอก แต่ป้าแก้วน่ะสิ คงไม่ได้นอนทั้งคืนหากวดียังไม่กลับไปบ้าน”

เสียงถอนใจเบาๆ ของอรรถพรยิ่งทำให้ราชาวดีใจแป้วมากยิ่งขึ้น

“เราคงต้องโบกรถ ไม่งั้นก็ต้องรอจนเช้า”

หญิงสาวพูดไม่ออก ทำได้แค่เพียงยืนหน้าเศร้าเท่านั้น

ป่านนี้ชาติพยัคฆ์จะเป็นห่วงหล่อนบ้างหรือเปล่านะ ที่หล่อนยังไม่กลับบ้าน แต่คงไม่หรอก เพราะเขาคงกำลังสนุกอยู่กับผู้หญิงคนสวยคนนั้น ราชาวดีน้ำตาไหล และเดินกลับขึ้นไปนั่งเงียบๆ ในรถ อรรถพรมองตามไปด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบในอก คนตาบอดยังมองออกเลยว่าราชาวดีรักชาติพยัคฆ์มากแค่ไหน เขาหมดหวังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นจีบเลยด้วยซ้ำ

 

 

“ป้าแก้ว! ป้าแก้วครับ!”

เสียงเคาะประตูดังลั่นปลุกให้ป้าแก้วที่เผลอหลับไปให้สะดุ้งตื่น หญิงสูงวัยรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องเพราะจำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของชาติพยัคฆ์

“มีอะไรกับป้าเหรอคะคุณเสือ”

ชาติพยัคฆ์ในชุดนอนสีน้ำเงินนั้นหล่อลากดิน แต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งโทสะร้ายกาจ

“ก็แม่คุณหนูตัวดีของป้าแก้วน่ะสิ ป่านนี้ยังไม่กลับมาบ้านเลย จะเช้าอยู่แล้ว”

“นี่คุณหนูวดียังไม่กลับมาอีกเหรอคะ”

ชายหนุ่มขบกรามแน่น ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองว่าไม่มีสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์อะไรเลยในตัวของราชาวดี แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ หึงหวงจนแทบบ้า

“ก็ยังน่ะสิครับ ป่านนี้คงไประเริงอยู่ในโรงแรมกับเจ้าอรรถ”

น้ำเสียงนั้นถูกเค้นลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา

“คุณหนูวดีไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกค่ะ”

“จะไม่ใช่ได้ยังไงกันป้าแก้ว! ในเมื่อนี่มันตีสามแล้ว แต่แม่นั่นก็ยังไม่เห็นโผล่หัวกลับมาเลย”

ป้าแก้วมองเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาหวาดกลัว หล่อนไม่เคยเห็นชาติพยัคฆ์โกรธน่ากลัวแบบนี้มาก่อนเลย

“คุณเสือใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เรื่องอาจจะไม่ใช่อย่างที่คุณเสือคิดก็ได้”

คนที่ยืนตัวเกร็งเครียดด้วยความเดือดดาลหันมาตวัดตาจ้องมอง

“ผู้หญิงกับผู้ชายหายกันไปทั้งคืนแบบนี้ มันจะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ ถ้าไม่ใช่…”

เขาหยุดพูดแค่นั้น ก่อนจะสบถออกมาด้วยความขุ่นเคือง

“ระยำ! ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย”

ป้าแก้วมองชาติพยัคฆ์ด้วยความเป็นกังวล

“แล้ว… ลองโทรเข้ามือถือของคุณหนูวดีดูหรือยังคะ”

“ผมโทรเป็นพันรอบแล้วป้าแก้ว แต่คุณหนูคนดีของป้าไม่ยอมรับสาย”

ยิ่งพูดอารมณ์ของชาติพยัคฆ์ก็ยิ่งเดือดดาล เขาเดินเป็นเสือติดจั่น ความหวงแหนแพร่ซ่านกระจายอยู่ทั้งเรือนกาย เขาทนไม่ได้ ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มือใหญ่กำแน่นจนเป็นหมัด

“แล้ว… คุณอรรถล่ะคะ”

“ปิดเครื่อง”

ป้าแก้วพูดอะไรไม่ออก แต่ถึงยังไงซะหล่อนก็มั่นใจว่าราชาวดีเป็นผู้หญิงที่ดีไม่มีทางทำเรื่องเสื่อมเสียแน่ และที่สำคัญราชาวดีรักชาติพยัคฆ์ไม่ใช่อรรถพร

“บางทีอาจจะเกิดเหตุร้ายขึ้นก็ได้นะคะ เดี๋ยวป้าจะให้โทรเช็คตำรวจกับโรงพยาบาล…”

“ไม่ต้องป้า… ผมทำหมดแล้ว ตั้งแต่เที่ยงคืน และทุกโรงพักรวมถึงทุกโรงพยาบาลไม่มีสองคนนี้อยู่”

“แล้ว… สองคนนั่นไปไหนกันคะ ป้าเป็นห่วง…”

รอยยิ้มหยันผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าหล่อลากไส้

“ก็โรงแรมยังไงล่ะครับ”

“ไม่จริงหรอกค่ะ”

“ป้าแก้วหยุดเข้าข้างเด็กใจแตกนั่นเถอะครับ”

ชาติพยัคฆ์กัดฟันแน่น นัยน์ตาลุกเป็นไฟ

“เอาเหล้าไปให้ผมที่ริมสระ”

ชายหนุ่มก้าวยาวๆ จะเดินจากไป แต่ป้าแก้วเรียกเอาไว้

“คุณเสืออย่าดื่มเลยค่ะ เดี๋ยวพอคุณหนูวดีมาจะทะเลาะกัน”

เจ้าของชื่อระบายยิ้มหยัน นัยน์ตายังคงกรุ่นไปด้วยกองไฟที่แดงฉาน

“เชื่อใจผมเถอะครับ ผมจะไม่แม้แต่จะมองหน้าแม่นั่น”

แล้วคุณพูดก็ก้าวยาวๆ เดินจากไปพร้อมๆ กับไฟโทสะ ป้าแก้วมองตามไปด้วยความวิตกกังวล มองก็รู้ว่าชาติพยัคฆ์กำลังหึงหวงราชาวดีมากแค่ไหน และแน่นอนว่านรกเกิดบนดินแน่งานนี้

“คุณหนูขา… คุณหนูวดีไปอยู่ซะที่ไหนกันคะ รู้ไหมว่าคุณเสืออาละวาดแล้ว”

สอนสวาทคุณอาที่รัก

สอนสวาทคุณอาที่รัก

Status: Ongoing
อ่านนิยาย สอนสวาทคุณอาที่รักเสื้อกล้ามสีขาวบนเรือนกายบึกบึนทรงพลังของชาติพยัคฆ์เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ซิกแพ็คสมบูรณ์แบบจึงมองเห็นได้อย่างง่ายดาย และนั่นก็ยิ่งทำให้ราชาวดีต้องรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำลายที่สออยู่มุมปากอย่างรวดเร็ว แต่สายตากลับแหงะออกจากมาจากกำยำของคุณอานอกไส้ตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่วินาที ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่ชาติพยัคฆ์คนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลและปกป้องหล่อน จากคำบอกเล่าของเขาก็คือพ่อกับแม่ของหล่อนเสียชีวิตไปตั้งแต่หล่อนเกิดได้มาไม่เพียงกี่เดือน และเขาก็เป็นเพียงญาติคนเดียวของหล่อนจึงต้องทำหน้าที่อุปการะหล่อนเอาไว้ ทุกอย่างมันคงดำเนินไปด้วยดีตามวิถีทางของมันถ้าหล่อนกลับไม่บังเกิดไปหลงรักชาติพยัคฆ์เข้าให้อย่างจังแบบตอนนี้ หล่อนพยายามที่จะตัดใจจากเขา พยายามที่จะไม่สนใจผู้ชายที่แก่กว่าเกือบยี่สิบปี แต่ก็ทำไม่ได้สักที หึงและหวงทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาเข้าใกล้เขา “อาไม่ใช่ข้าวนะ ไม่ต้องมองแบบหิวอย่างนั้นหรอก” คำพูดเตือนสติของผู้ชายตรงหน้าทำให้คนฟังแก้มแดงก่ำ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “อาเสืออย่ามาแซววดีแต่เช้าสิคะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset