สอนสวาทคุณอาที่รัก – ตอนที่ 7

“เข้ามา”

เสียงกระด้างดังขึ้นหลังจากที่หล่อนเคาะประตูห้องหนังสือไปได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ราชาวดีกลืนน้ำลายเหนียวลงไปในลำคอด้วยความยากลำบาก กระบอกตายังคงร้อนผ่าวเพราะความปวดร้าวไม่สร่างซา หล่อนไม่อยากจบเจอคนใจร้ายตอนนี้เลย แต่ก็ขัดคำสั่งเผด็จการของพ่อเจ้าประคุณไม่ได้

“อาเสือมีธุระอะไรกับวดีเหรอคะ”

น้ำเสียงทั้งปั้นปึงและแง่งอน แต่ดูเหมือนชาติพยัคฆ์จะไม่สนใจอะไรเลย

“นั่งลงสิ อามีเรื่องจะพูดด้วย”

หญิงสาวเชิดหน้า ทำตัวห่างเหินแบบสุด ทั้งๆ ที่หัวใจเจ็บปวดทรมาน หล่อนกัดฟันเดินตัวตรงไปนั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้ามกับเขา จากนั้นก็ทำเป็นใจกล้าเอ่ยถามออกไป

“อาเสือพูดธุระมาเถอะค่ะ จบแล้ววดีจะได้ไปพักผ่อน”

นึกว่าเขาจะเอ่ยทักท้วงกับความเปลี่ยนแปลงที่หล่อนแสร้งทำขึ้นมาบ้าง แต่เปล่าเลยเขายังคงนิ่งเฉย เป็นชาติพยัคฆ์คนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วล่ะว่าเขาใยดีหล่อนมากพอๆ กับเศษขยะนั้นแหละ ยิ่งคิดกระบอกตาก็ยิ่งร้อนผ่าวเจียนจะระเบิด

‘เข้มแข็งเอาไว้วดี อย่าให้เขาเห็นน้ำตา อย่าให้คนใจร้ายเห็นน้ำตาเธอเด็ดขาด’

หญิงสาวบอกตัวเองลั่นอก และมันก็ช่วยหยุดยั้งหยาดน้ำตาอย่างได้ผล

“พูดมาสิคะ”

ชาติพยัคฆ์จ้องหน้าหลานสาวในปกครองของตัวเองด้วยสายตามืดดำ

“อาไม่รบกวนเวลาของเธอนานนักหรอก”

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวสะบัดหางเสียงใส่ มองเขาด้วยสายตาปวดร้าว ทำไมนะ ทำไมหล่อนถึงอ่านความรู้สึกนึกคิดของผู้ชายตรงหน้าไม่เคยได้เลย หล่อนอยากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ตรงกันข้ามกับเขาที่อ่านทุกความรู้สึกของหล่อนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

“เรื่องหอพักในมหาวิทยาลัย อาจัดการให้เรียบร้อยแล้วนะ พอเปิดเทอมวดีก็ย้ายไปอยู่หอนั้นได้เลย อารับรองว่าปลอดภัยเพราะเจ้าของหอเป็นเพื่อนกับอา”

คนฟังหัวใจระทม เขาต้องการจะผลักไสหล่อนไปให้ไกลนั่นเอง

“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยเหลือ”

หญิงสาวตอบเสียงห่างเหิน และจะลุกขึ้น แต่ชาติพยัคฆ์รั้งเอาไว้เสียก่อน

“จะรีบไปไหน อายังพูดไม่จบ”

“วดีนึกว่าหมดธุระแล้ว”

ร่างอรชรทรุดลงนั่งอีกครั้ง แต่ดวงหน้างามยังคงบูดบึ้งเช่นเดิม

ชาติพยัคฆ์มองหน้าเด็กสาวด้วยสายตาไร้ความรู้สึก

“พรุ่งนี้ลูกชายของเพื่อนอาจะมาเที่ยวที่นี่ อาอยากให้วดีพาหลานของอาเที่ยว วดีทำให้อาได้ไหม”

คนฟังหันขวับกลับมาจ้องหน้าคนพูดทันควัน ดวงตากลมโตฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา ทำไมหล่อนจะไม่รู้ รู้ซึ้งเลยทีเดียวเชียวแหละว่าทำไมชาติพยัคฆ์ถึงพูดกับหล่อนแบบนี้ ได้… ในเมื่อเขาต้องการให้มันเป็นแบบนี้ หล่อนก็จะไม่ขัดข้อง จะทำตามคำสั่งให้ดีที่สุด

“ถ้ามันเป็นคำสั่งของอาเสือ วดีก็ยินดีค่ะ”

หญิงลุกขึ้นยืน นัยน์ตาแดงก่ำ

“แค่นี้ใช่ไหมคะกับธุระของอาเสือ”

ชาติพยัคฆ์พยักหน้าน้อยๆ ในขณะที่ราชาวดีแค่นยิ้มหยันให้กับเขา

“งั้นวดีขอตัวนะคะ จะรีบไปนอน เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไม่สวย แล้วหลานชายของอาเสือจะไม่ถูกใจ”

“อย่าประชดประชันอาแบบนี้”

คนที่กำลังจะเดินไปชะงักเท้า และเค้นเสียงตอบออกมา สุ่มเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ

“วดีไม่ได้ประชดค่ะ แต่วดีหมายความแบบนั้นจริงๆ”

แล้วหล่อนก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา พร้อมกับปั้นยิ้มหยัน

“วดีรับรองค่ะว่าวดีจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้หลานชายของอาเสือตกหลุมรักวดี”

“วดี อาไม่ได้…”

ชาติพยัคฆ์กำลังจะบอกว่าเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่หญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดจนจบ เพราะหล่อนแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“หวังว่าอาเสือจะพอใจ ขอตัวนะคะ”

หญิงสาวหมุนตัวกลับไปพร้อมๆ กับหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบแก้ม หล่อนก้าวเท้าข้ามธรณีประตูห้องหนังสือออกมา มือบางปิดประตูลงเบาๆ และสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ กายสาวแทบทรงตัวยืนไม่อยู่ หล่อนต้องคว้าผนังกำแพงเอาไว้เพื่อพยุงตัว

“อาเสือใจร้าย… ใจร้ายที่สุด”

มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเดินโซซัดโซเซกลับไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ห่างไปอีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ด้วยหัวใจที่อ่อนล้าหมดแรง

ขณะราชาวดีกำลังฟูมฟายด้วยความน้อยอกน้อยใจอยู่นั้น ชาติพยัคฆ์เองก็รู้สึกแย่ไม่ต่างกัน เขาขบกรามจนขึ้นสันนูนเป่ง มือหนากำเป็นหมัดแน่นก่อนจะทุบลงกับต้นขาเต็มแรง

ให้ตายเถอะ! เขาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลยสักนิด ไม่ต้องการเลยจริงๆ แต่มีทางเลือกเหรอ มีทางเลือกให้เขาหรือไง ตัดไฟเสียแต่ต้นลมนี่คือคำสุภาษิตโบราณที่เขาต้องยืมเอามาใช้ในชีวิตยามนี้ ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน

“อรรถเหรอ พรุ่งนี้มาแน่ใช่ไหม”

“ครับอาเสือ พรุ่งนี้ผมไปแน่ครับ”

อรรถพรลูกชายของเพื่อนสนิทอีกคนของเขาตอบมาตามสายด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

“อืม… แล้วเจอกัน”

ชาติพยัคฆ์โยนโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะเตี้ย ก่อนที่เรือนกายใหญ่โตจะทรุดลงนั่งกับโซฟาอีกครั้ง เรื่องมันง่ายดายแบบนี้ ทุกอย่างเหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ ตามที่ต้องการทุกอย่าง แต่ทำไม… ทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บแปลบในอกแบบนี้นะ ทำไมจะต้องรู้สึกทรมานด้วย

ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาอย่างสับสน เอนเรือนกายทรงพลังที่แข็งแกร่งแน่นหนั่นไปซะทุกสัดส่วนกับพนักโซฟา นัยน์ตาสีนิลปิดสนิทลงในที่สุด

สอนสวาทคุณอาที่รัก

สอนสวาทคุณอาที่รัก

Status: Ongoing
อ่านนิยาย สอนสวาทคุณอาที่รักเสื้อกล้ามสีขาวบนเรือนกายบึกบึนทรงพลังของชาติพยัคฆ์เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ซิกแพ็คสมบูรณ์แบบจึงมองเห็นได้อย่างง่ายดาย และนั่นก็ยิ่งทำให้ราชาวดีต้องรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำลายที่สออยู่มุมปากอย่างรวดเร็ว แต่สายตากลับแหงะออกจากมาจากกำยำของคุณอานอกไส้ตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่วินาที ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่ชาติพยัคฆ์คนเดียวเท่านั้นที่คอยดูแลและปกป้องหล่อน จากคำบอกเล่าของเขาก็คือพ่อกับแม่ของหล่อนเสียชีวิตไปตั้งแต่หล่อนเกิดได้มาไม่เพียงกี่เดือน และเขาก็เป็นเพียงญาติคนเดียวของหล่อนจึงต้องทำหน้าที่อุปการะหล่อนเอาไว้ ทุกอย่างมันคงดำเนินไปด้วยดีตามวิถีทางของมันถ้าหล่อนกลับไม่บังเกิดไปหลงรักชาติพยัคฆ์เข้าให้อย่างจังแบบตอนนี้ หล่อนพยายามที่จะตัดใจจากเขา พยายามที่จะไม่สนใจผู้ชายที่แก่กว่าเกือบยี่สิบปี แต่ก็ทำไม่ได้สักที หึงและหวงทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาเข้าใกล้เขา “อาไม่ใช่ข้าวนะ ไม่ต้องมองแบบหิวอย่างนั้นหรอก” คำพูดเตือนสติของผู้ชายตรงหน้าทำให้คนฟังแก้มแดงก่ำ แต่ก็รีบกลบเกลื่อน “อาเสืออย่ามาแซววดีแต่เช้าสิคะ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset