สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 165 ไม่กล้านอนคนเดียว

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาได้ยินดังนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่เธอหลังจากแน่ใจแล้วว่าเธอดูจะไม่ได้ไม่เต็มใจจริง ๆ แล้ว เขาจึงได้ถอนสายตาออก
“คุณไม่มีความเห็นอะไรก็ดีแล้ว นี่ก็ดึกแล้ว คุณขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวแล้วรีบพักผ่อนเถอะ”
กู้ฉางฉิงหยักหน้าและถามกลับว่า “แล้วคุณล่ะ?”
“ผมยังมีงานต้องสะสาง”
เฟิงจิ่งเหยาตอบแบบไม่ค่อยอยากตอบ
กู้ฉางฉิงฟังแล้ว ประกายในแววตาก็หายไป
“ออ แบบนี้เอง……ถ้าอย่างนั้นฉันขึ้นไปก่อนค่ะ”
เธอพูดอย่างอ่อนแรง แต่เท้าของเธอกลับไม่ขยับ
เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น มองเห็นความผิดหวังในแววตาของเธอ จึงอมยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้า
“ทำไม ไม่กล้านอนคนเดียวหรือยังไง?”
กู้ฉางฉิงตกใจและก้าวถอยหลังทันทีเมื่อเห็นเขาเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน
ร่างกำยำราวภูผาของเฟิงจิ่งเหยาสร้างความกดดันให้กับเธอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลิ่นฮอร์โมนเพศชายที่ลอยเข้ามาแตะที่ปลายจมูก ทำให้ใจของเธอเต้นแรงจนไม่อาจจะควบคุมได้
“ใครไม่กล้านอนกัน”
เธอโต้ตอบด้วยความขุ่นเคือง เอื้อมมือออกหวังจะผลักชายตรงหน้าให้หลบไป
แต่ทันทีที่เธอยื่นมือออกไป ก็กลับถูกเฟิงจิ่งเหยาจับเอาไว้อย่างแน่น จากนั้นด้วยความพยายามที่จะใช้แรงดึงมือกลับ แต่เธอก็กลับล้มลงไปทับเฟิงจิ่งเหยา
ทันใดนั้น ที่เอวของเธอก็มีแขนแข็งแกร่งมาโอบรัดไว้
“งั้นเหรอ? ทำไมผมกลับรู้สึกว่าคุณปากไม่ตรงกับใจ?”
เสียงทุ้มของเฟิงจิงเหยาดังขึ้นข้างหูของเธอ
ด้วยเสียงอันทรงพลังนี้ ทำให้กู้ฉางฉิงถึงกับทนไม่ไหวจนตัวสั่น
ชั่วครู่ ภาพที่ไม่สามารถพูดบรรยายได้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ พวงแก้มทั้งสองก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ร่างกายก็เริ่มจะอ่อนระทวยจนต้องซบลงเข้ากับร่างของเฟิงจิ่งเหยา
เฟิงจิ่งเหยาสังเกตดูอาการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเธอ ก็มีความวูบไหวขึ้นในแววตา ราวกับว่ามีบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
เขาก้มศีรษะลงทันใดและจับริมฝีปากแดงที่น่าดึงดูดนั่นไว้
กลิ่นหอมเฉพาะตัวของกู้ฉางฉิงอบอวนอยู่เต็มปากของเขา เขาบุกล้อมดินแดนเอาไว้ และต้องการมากขึ้นกว่านั้นอีก
ส่วนกู้ฉางฉิงนั้นไม่มีการต่อต้านใด ๆ ปล่อยให้เขาบรรเลงไป
ทั้งสองพรมจูบกันจนกระทั่งหมดอากาศหายใจถึงได้แยกออกจากกัน
ในตอนนี้ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา
เฟิงจิ่งเหยาได้ยกเลิกความตั้งใจก่อนหน้านี้ รั้งเอวเธอเข้ามาและอุ้มขึ้นราวกับเป็นเจ้าหญิงเดินไปที่ห้อง
อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
กู้ฉางฉิงรู้สึกราวกับเป็นเหมือนเรือลำน้อยที่ล่องลอยไปกับกระแสน้ำกลางมหาสมุทร
เธอฟังเสียงลมหายใจแผ่วเบาที่ดังก้องอยู่ข้าง ๆ หู สติที่มึนเมาของเธอก็ค่อย ๆ กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
ทุกครั้งที่เสียงหายใจนั้นดังขึ้น ก็ทำให้หัวใจของเธอกระเพื่อมแรงไม่หยุด
ความรู้สึกแบบนั้นดูเหมือนจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา
เธอพบว่า ช่วงนี้เธอเข้าถึงบทบาทกู้ฉางซินมากเกินไป แต่……สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจากไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะคำนวณเวลา เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบเดือนแล้ว
เธอรู้ดีว่าเมื่อถึงเวลานั้นเธอก็ต้องจากไป ต้องทิ้งผู้ชายคนนี้ไป
ทันใดนั้นเอง หัวใจของเธอก็รู้สึกราวกับโดนทิ่มแทง อึดอัดจนหายใจยังรู้สึกเจ็บปวด
และในเวลานี้เอง เฟิงจิ่งเหยาก็สัมผัสได้ถึงความว้าวุ่นใจของคนที่อยู่เบื้องล่างเขา จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดและถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
กู้ฉางฉิงดึงสติกลับมา เธอมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่คืบตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกได้
แน่นอนว่าเฟิงจิ่งเหยาสังเกตเห็นได้ และกำลังจะถามขึ้นอีกครั้ง แต่จู่ ๆ กู้ฉางฉิงก็กลับเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เธอดึงเฟิงจิ่งเหยาลงมาพรมจูบไปที่ริมฝีปาก ทำต่อในสิ่งที่เขาทำไว้ก่อนหน้าอย่างเชื่องช้า
จูบที่ไม่คล่องแคล่วกับการที่กู้ฉางฉิงเป็นคนเริ่ม ทำให้เฟิงจิ่งเหยาถึงกับนิ่งตะลึงงันไปชั่วขณะและปล่อยให้กู้ฉางฉิงจุดไฟขึ้นบนตัวเขา
พอเขากลับมามีปฏิกิริยาอีกครั้ง เขาก็ไม่อยากที่จะใส่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อีกต่อไป เขาแค่อยากจะมอบความรักมากมายให้กับนางฟ้าคนนี้เท่านั้น
สุดท้ายเหตุการณ์จบลงอย่างไรกู้ก็ฉางฉิงก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ
……
วันรุ่งขึ้น เมื่อกู้ฉางฉิงตื่นขึ้นก็พบว่าร่างกายของเธอปวดร้าวราวกับถูกรถทับ
เธอรู้ดีว่านี่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปล่อยตัวมากเกินไป ยังดีที่วันนี้เธอไม่ต้องเข้าบริษัท ดังนั้นเธอจึงนอนคุดคู้อยู่บนเตียงต่อสักพัก
แต่เมื่อเธอคิดถึงความบ้าคลั่งเมื่อคืน หัวใจของเธอก็เร่งจังหวะขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้และเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามความสุขนี้ก็ไม่ได้อยู่นาน เมื่อเธอคิดถึงความเป็นจริง อารมณ์ดีทั้งหมดก็พลันหมดไป
เธอกลืนความขมขื่นในปากลงไปและเอาแต่สะกดจิตตัวเอง
กู้ฉางฉิง หยุดคิดได้แล้ว นี่เป็นเพียงแค่ข้อตกลงเท่านั้น!
คิดถึงแม่ที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากเธอสิ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการสะกดจิตของเธอนั้นได้ผลหรือเปล่า จิตใจที่วุ่นวายของเธอได้ค่อย ๆ สงบลง
และเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากอีกต่อไป เธอจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ
เมื่อเธออาบน้ำเสร็จจึงลงไปทานข้าวที่ชั้นล่าง เสี่ยวเหม่ยก็เข้ามา
“คุณนายรองคะ ทางบ้านใหญ่เพิ่งจะส่งคนมาเชิญคุณนายรองไปพบค่ะ”
กู้ฉางฉิงพยักหน้ารับรู้
แต่เธอก็ไม่ได้ขยับตัว ยังคงทานอาหารต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ
ไม่ต้องคิดเลยว่าคนที่ตามตัวเธอในเวลานี้จะเป็นใครอื่นไปไม่มีนอกจากคุณนายเฟิง
และถ้าคนคนนี้เรียกพบเธอก็ไม่เคยมีเรื่องดี
เพราะฉะนั้นเธอก็ทานให้อิ่มเสียก่อนแล้วจึงค่อยไป
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงทานอาหารอย่างเชื่องช้า เสร็จแล้วจึงไปที่บ้านใหญ่อย่างเกียจคร้าน
ณ บ้านใหญ่ คุณนายเฟิงมองดูกู้ฉางฉิงที่มาช้าก็โมโหอย่างมาก
“กู้ฉางซิน เดี๋ยวนี้กำเริบใหญ่แล้วนะ กล้าปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน คิดว่ามีจิ่งเหยาคอยให้ท้ายล่ะสิ เธอถึงได้ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา”
เธอตำหนิอย่างรุนแรง ส่วนกู้ฉางฉิงนั้นได้แต่ยิ้มและตอบว่า
“คำพูดนี้ของคุณแม่ไม่ถูกนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้คุณแม่รอ แต่ตอนที่คุณแม่เรียกให้ฉันมานั้น ฉันกำลังทานอาหารอยู่พอดี ถ้าหากฉันรีบมาทันทีและปล่อยให้ท้องหิว แล้วถ้าเกิดกระทบกับการตั้งครรภ์ มันจะไม่คุ้มกับที่เสียไปนะคะ”
คุณนายเฟิงถึงกับพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่ากู้ฉางฉิงจะใช้เรื่องนี้มาตอกกลับเธอ
เธอกัดฟันแน่นและจ้องไปที่กู้ฉางฉิง ไม่สามารถที่จะหาคำมาสวนกลับเธอได้ในทันที สุดท้ายจึงสูดหายใจเข้าลึกและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ฉันจะไม่ถือสาเธอ”
เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นดังนั้น ก็ยกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา “ถ้าเช่นนั้นก็ขอขอบคุณสำหรับความเอื้อเฟื้อนี้ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณแม่เรียกฉันมาพบมีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เมื่อคุณนายเฟิงได้ยินดังนี้ก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญของเธอ จึงกระแอมขึ้นเบา ๆ ว่า “ฉันได้นัดคุณหมอเอาไว้แล้ว ถ้าเธอไม่มีธุระอะไร ก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยกันกับฉันตอนนี้เลย”
กู้ฉางฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เดิมเธอคิดว่าการตรวจน่าจะอีกวันสองวัน ไม่นึกเลยว่าผ่านไปเพียงคืนเดียว ผู้หญิงคนนี้ก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
ครู่หนึ่ง เธอมองไปที่คุณนายเฟิงด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าผู้หญิงนี้มีเจตนาอะไรแอบแฝงอยู่
แต่ไม่ช้าก็เร็วเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้อยู่ดี เธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ และพยักหน้าตอบว่า “ได้ค่ะ”
จากนั้นทั้งสองก็มาถึงโรงพยาบาล หลังจากที่คุณนายเฟิงแจ้งชื่อเสร็จแล้ว ก็มีพยาบาลมานำพวกเธอไปแผนกสูตินารีเวช
“หมอเจี่ยง คนไข้ของคุณมาถึงแล้วค่ะ”
พยาบาลเคาะประตู เมื่อพาทั้งสองเข้ามาแล้วก็ได้ออกไป
ในห้องทำงาน หญิงอายุราวสี่สิบมองไปที่กู้ฉางชิงด้วยแววตาเป็นประกาย เธอสวมเสื้อกราวน์สีขาวและดูท่าทางใจดี
“คนนี้คือคนที่คุณบอกว่าจะมาเข้ารับการตรวจน่ะเหรอ?”
เธอทักทายคุณนายเฟิงก่อน คุณนายเฟิงพยักหน้าตอบ
“ต้องรบกวนเธอแล้ว ช่วยตรวจเธอให้หน่อยนะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็หันมาทางกู้ฉางฉิงและแนะนำว่า “นี่ก็คือเพื่อนที่ฉันบอกว่าเชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช ไปตรวจร่างกายกับเธอเถอะ”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา
Status: Ongoing
ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset