สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 22 ความสัมพันธ์ที่เข้ากันได้ดีฉันสามีภรรยา

“แก้ไปแล้วนิดหน่อย คุณค่อยดูว่าใช้ได้หรือไม่”
ฟังเขาถามเรื่องออกแบบภาพ กู้ฉางชิงวางมือจากการรับประทานอาหาร แล้วตอบอย่างจริงจัง
เฟิงจิงเหยาพยักหน้า วันนี้ทั้งวันเขาคิดแต่เรื่องนี้“ดี งั้นทานข้าวเสร็จก็ไปกันเถอะ”
ได้ฟังกู้ฉางชิงมีส่วนที่แก้เสร็จไปบ้างแล้ว เขาก็ร้อนรนจนทนไม่ไหวอยากจะดูให้ได้ คงจะดีเหมือนเมื่อวานใช่ไหมนะ
ครั้งเดียวอาจจะนอกเหนือความคาดหมาย ถ้าสองครั้งยังเป็นแบบนี้ ก็คงพิสูจน์ระดับการออกแบบของกู้ฉางชิงได้
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ การออกแบบที่ได้รับการขนานนามว่าเพอร์เฟค ทำให้ผู้คนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะวางมือ
มีงานต้องปรึกษากัน ทานข้าวเสร็จกู้ฉางชิงกับเฟิงจิงเหยาก็เข้าห้องหนังสือไปด้วยกัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กู้ฉางชิงเข้ามาที่ห้องหนังสือของเขา แค่ครั้งที่แล้วรีบร้อนเกินไป ไม่ได้สังเกตอย่างละเอียด
ห้องหนังสือใหญ่มากและสะอาดเรียบร้อยมากเช่นกัน ทั่วพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยพรมขนาดใหญ่สีอ่อนจากอิตาลี นอกจากตู้หนังสือที่ผสมผสานระหว่างแบบจีนกับแบบยุโรปมีฝีมือที่ละเอียดแล้ว ก็ยังมีโต๊ะเขียนหนังสือขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้าอีกด้วย
บนโต๊ะมีสิ่งของที่จัดเรียงเอาไว้อย่างกับเขาที่มีความรอบคอบและเป็นระเบียบ
ฝั่งหนังสือยังมีกองเอกสารที่มีการแปะป้ายรอการจัดการอยู่ ทำให้เห็นว่าเฟิงจิงเหยาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับงานมาก
กู้ฉางชิงนั่งลงตรงหน้าเขา แล้วนำต้นฉบับที่แก้วันนี้ให้เฟิงจิงเหยา
ใบหน้าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ นี่เป็นงานที่เขารักมาก มักจะหวังว่าทำออกมาได้เพอร์เฟคยิ่งกว่าเดิม
เฟิงจิงเหยาตั้งใจดูมาก ไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
จากมุมของกู้ฉางชิง ชายคนนี้เหมือนจะมีความคิดที่เพอร์เฟคยิ่งกว่าตนเองเสียอีก
แต่กู้ฉางชิงก็ยังคงอดทนรอเขาดูจบ เฟิงจิงเหยาในฐานะที่เป็นคุณชายของเมืองเซิ่งจิงนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสงสัยในความสามารถการชื่นชมและพินิจพิเคราะห์ของเขาเลย
ถ้างานชิ้นนี้สามารถเข้าตาเขาได้ นั่นคงเป็นจุดเปลี่ยนอย่างแน่นอน
เฟิงจิงเหยาพลิกกลับไปกลับมา ดูอยู่หลายรอบอย่างตั้งใจ ถึงจะพบว่าต้นฉบับออกแบบนี้ ยังคงแก้ได้อย่างดีเหมือนก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่าเดิมทีจะรู้สึกว่าแปลกๆไปบ้าง แต่ก็ยังหาจุดที่ผิดไม่เจอ พอผ่านการเติมแต่งที่ยอดเยี่ยมของกู้ฉางชิงแล้ว ก็ทำให้เปลี่ยนไปได้อย่างเพอร์เฟคมากทีเดียว
มีบางจุดที่ความคิดแปลกๆ มีความเด็ดขาด ทำให้ดูแล้วรู้สึกดีสุดๆ
ยกตัวอย่างเช่นภาพออกแบบรูปแรก ตำแหน่งของปกเสื้อถูกเขาแก้ให้ตั้งตรง ผลลัพธ์ดีกว่าไม่รู้กี่เท่าตัว
แต่เพราะว่าต้นฉบับเดิมของการออกแบบไม่ใช่แบบนี้ หลังจากที่กู้ฉางชิงแก้เสร็จ ยังหมายเหตุอย่างละเอียดไว้ด้วยว่าต้องใช้ผ้าแบบไหน ถึงจะได้ผลลัพธ์ของเสื้อผ้าที่คาดหมายไว้
ความตั้งใจในการทำงานอย่างนี้ ถูกใจเฟิงจิงเหยายิ่งนัก
แต่ว่าภาพออกแบบแก้ไขได้ถึงจุดที่เพอร์เฟคเช่นนี้ แม้แต่ผ้าก็ยังพิจารณาไปด้วย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็คงไม่ใช่มือสมัครเล่น ทำเรื่อยเปื่อยแล้วสามารถมาถึงจุดนี้ได้
เฟิงจิงเหยานอกจากชื่นชมอย่างปลื้มใจแล้วนั้น ยังมีความไม่เชื่อปะปนอยู่ด้วย “คุณเข้าใจในการออกแบบเสื้อผ้ามากแค่ไหน?”
ระดับนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นของนักออกแบบมืออาชีพ
“ก็พอประมาณค่ะ เพราะว่าชอบ ก็เลยเคยค้นคว้าเรื่องนี้เป็นพิเศษ”
กู้ฉางชิงไม่กล้าพูดอย่างเต็มปาก และไม่อยากโดนเฟิงจิงเหยาถามต่อ ก็เลยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา“ใครเป็นคนออกแบบภาพออกแบบกองนี้งั้นหรอ? ฉันแก้ด้านบนแบบนี้ มันดูไม่ค่อยดีหรือเปล่า”
ยังไงก็ตามนี่เป็นการแก้ไขบนผลงานของคนอื่น เป็นเรื่องที่ไม่มีมารยาท ถึงขนาดให้เห็นว่าเขาอาจจะหยิ่งในศักดิ์ศรีได้
“ไม่เป็นไร ภาพออกแบบพวกนี้ล้วนเป็นของที่ผู้ช่วยซื้อมาจากด้านนอก ซื้อขาดมาแล้ว”
เฟิงจิงเหยาพูดไปด้วยจัดเก็บภาพออกแบบกองนั้นไปด้วย “เดิมทีตั้งใจไว้ว่าซื้อมาแก้ บริษัทออกแบบแห่งนี้ หลักๆคือเดินในเส้นทางระดับสูงที่จัดตั้งไว้ ช่วงระยะแรกจำเป็นต้องทำให้รูปแบบหรือสไตล์ของตัวเองมีความมั่นคง มีเสถียรภาพถึงจะใช้ได้”
คุยเรื่องเสื้อผ้า กู้ฉางชิงอดไม่ได้ที่จะพูดความคิดเห็นของตัวเองออกมา
“ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดของคุณ ตลาดเสื้อผ้าตอนนี้มีทุกรูปแบบ ถ้าอยากไม่ซ้ำใคร จำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเอง มิฉะนั้นก็จะอยู่ได้ไม่นาน”
แต่ก่อนไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิดจะเปิดร้านเสื้อผ้า เขาออกแบบเสื้อผ้าให้ลูกค้าด้วยตัวเขาเอง
แค่สุดท้ายแล้วเป็นเพียงแค่ความคิด ตอนนั้นเขายังต้องพาคุณแม่ไปหาหมออีก ไม่มีเงินสำรองมากขนาดนั้น
เฟิงจิงเหยาขอคำแนะนำจากเขา เขาไม่ได้ปิดบังอะไร ถ้าเขาทำไม่ได้ คนอื่นช่วยให้เขาทำได้ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
“คุณยังมีความคิดอะไรดีๆอีกไหม?”
เฟิงจิงเหยาพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับจุดนี้
“ในการออกแบบออกหัวคิดวางแผนยังนับว่ามีความจำเป็น แต่ทว่าวัสดุเสื้อผ้าคือสิ่งสำคัญที่สุด นี่ต่างหากที่เป็นแก่นแท้ของเสื้อผ้า”
เห็นว่าเฟิงจิงเหยาเห็นด้วยกับความคิดเห็นของตนเอง กู้ฉางชิงก็ยิ่งพูดความคิดของตนเองออกมาอีก ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น
“คุณพูดได้มีเหตุผลมาก รอกลับไปฉันจะให้คนไปหาผ้าดีๆสักล็อต”
เฟิงจิงเหยามองไปทางนัยน์ตาของกู้ฉางชิงด้วยความชื่นชมเบาๆ“แน่นอน ถ้าคุณรู้สึกว่ามีผ้าแบบไหนที่คุ้มค่าลงทุน ก็สามารถเสนอได้เลย”
“ไม่มีปัญหา”กู้ฉางชิงตอบรับอย่างรวดเร็ว
ทำชุดดีๆสักชุดตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นความฝันของเขามาโดยตลอด
พอรู้สึกตัว กู้ฉางชิงก็นิ่งอึ้งอย่างเฉียบพลัน ทำไมเขากลายเป็นคนงานของเฟิงจิงเหยาไปแล้วล่ะ
ช่างเถอะ ยังไงซะตอนนี้เขาก็ว่างอยู่ ไม่มีงานอะไรให้ทำ มีเรื่องให้ทำก็ดีเหมือนกัน
ให้ความสนใจในเป้าหมายเดียวกัน สองคนพูดคุยกันถูกคอจนดึกดื่น ถึงค่อยกลับเข้าห้องนอนพร้อมกัน
ใครๆต่างก็ไม่ได้สนใจ ในห้องหนังสือชั้นหนึ่งหญิงสาวทำความสะอาดคนหนึ่ง อาศัยจังหวะที่มืดแอบวิ่งออกไป
ผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกมาจากบ้านพัก ไปทางบ้านใหญ่อีกที่
“เธอมาทำไมดึกดื่น”
พอเห็นเสี่ยวเหลียน ลู่ซือยวี่ก็ย่นคิ้ว ทำหน้าไม่รับแขก“ถ้าพวกคุณน้าหมิงมาเห็นเข้าจะทำอย่างไร?”
เสี่ยวเหลียนกลัวมากว่าจะเกิดเรื่องรายงานล่าช้าอย่างคราวที่แล้ว ทำให้ลู่ซือยวี่ไม่พอใจ แล้วเสียหน้าที่ตำแหน่งที่ดีขนาดนี้ไป
เวลานี้เขาไม่ได้สนเรื่องอื่น แล้วรีบรายงาน“คุณลู่ ดิฉันมาเพราะมีเรื่องสำคัญค่ะ”
ลู่ซือยวี่หาวเสร็จเริ่มอยากรู้“เรื่องอะไร?”
“คืนนี้คุณชายกับคุณนายรองอยู่ในห้องหนังสือด้วยกันครึ่งค่อนคืน แล้วก็จากห้องหนังสือกลับไปที่ห้องนอนด้วยกันค่ะ”
เขายิ่งพูดเสียงยิ่งเบา อดไม่ได้ที่จะเหลือบขึ้นไปมองสีหน้าของลู่ซือยวี่
เขารู้ดีเรื่องที่เก็บไว้ในใจของเจ้านายผู้นี้ ในใจเขาก็รู้สึกว่ามีเพียงคุณลู่เท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับคุณชาย
ตอนนี้คุณชาย เพียงแค่โดนกู้ฉางซินหญิงจิ้งจอกผู้นั้นทำให้สับสนเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนนั้นในตอนแรกออกไปสมคบกับผู้ชายไม่น้อย มีประสบการณ์มากอย่างแน่นอน
คิดมาถึงตรงนี้ เขาแอบเพ่งเล็งนัยน์ตาของลู่ซือยวี่อย่างอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ
ลู่ซือยวี่ฟังเขาพูดอย่างนี้แล้ว ความง่วงหายไปเป็นปลิดทิ้งทันที ใบหน้าอึมครึม“พี่จิงเหยา ให้เขาไปเจอที่ห้องหนังสือ?”
“ดิฉันเห็นกับตาเลยค่ะ”เสี่ยวเหลียนรีบเสริม
ลู่ซือยวี่กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในกำมือ นี่เป็นไปได้ยังไง
ห้องหนังสือนั่นเป็นที่แบบไหนกัน? ปกติมีแค่ผู้ดูแลบ้านถึงจะสามารถเข้าไปได้
คนรับใช้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ตอนนี้กู้ฉางซินเข้าไปได้แล้ว แล้วยังอยู่กับพี่จิงเหยานานอีกด้วย เขามีสิทธิ์อะไร?
ทั้งหมดนี่ ทั้งหมดนี่เดิมทีก็ควรเป็นเขาถึงจะถูก
กลับให้กู้ฉางซินมาแย่งไป
ลู่ซือยวี่เกลียดจนกัดฟันกรอด ครู่ใหญ่ถึงจะฝืนพูดออกมาสามคำ“กู้ฉางซิน!”

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset