สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา – ตอนที่ 66 ต้องทำให้เธอจ่ายค่าตอบแทนที่ต้องเสียไป

กู้ฉางชิงไม่ได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของเธอ หลังออกจากห้องประชุม ก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง
ขณะที่เธอเตรียมจะวาดภาพออกแบบที่ยังไม่เสร็จต่อ ก็ได้ยินเสียงคุยกันหนุงหนิงอยู่ข้างหู
“อาจารย์ชวี่ ขอถามค่ะ มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้บ้างคะ”
“อาจารย์มู่ ฉันอยากเรียนกับคุณ ได้ไหมคะ?”
มองไปก็เห็นชวี่ชิงหยุนกับมู่ฉิงคงถูกรายล้อมไปด้วยนักศึกษาฝึกงานไม่น้อย
ต่างคนต่างแสดงออกว่าอยากติดตามเขาทั้งสองคน
ความสัมพันธ์ของพวกเขาตรงนั้นดูอบอุ่น ส่วนกู้ฉางชิงตรงนี้ดูเงียบเหงาน่ากลัว
เธอรู้ว่าทำไมคนพวกนี้ถึงไม่มาหาเธอ เธอยักไหล่และไม่สนใจ
แบบนี้ก็ดีเธอมีความสุขและผ่อนคลาย ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับเด็กฝึกงานไว้
ขณะคิดเธอก็ละสายตากลับมา ตั้งใจจะทำงาน
ในขณะนั้นหางตาของเธอก็เห็นเงาคนยืนอยู่ข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาอยู่เหนือหัวของเธอ
“อาจารย์กู้ คุณมีอะไรต้องการให้ฉันทำไหมคะ?”
กู้ฉางชิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ และเห็นเด็กสาวหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
บนใบหน้าเธอส่วมแว่นตากรอบสีดำ ไม่ได้ปะแป้ง ใส่เสื้อผ้าก็เรียบง่าย เสื้อยืดเรียบๆจับคู่กับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ แต่งตัวเหมือนเพิ่งออกมาจากโรงเรียน
กู้ฉางชิงมองไปที่เธอ เห็นดวงตาที่สวยของเธอแล้ว ก็จำชื่อเด็กสาวคนนี้ได้
เธอชื่อชีเสี่ยวจิ่ว ซึ่งมาที่บริษัทก่อนหน้าเธอสองวัน แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แม้กระทั่งนิสัยก็ชอบความสันโดษ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอก็รู้สึกแปลกใจที่เด็กสาวเป็นฝ่ายมาหาเธอ
คนที่มีสายตาเฉียบแหลมจะดูออกว่าผู้จัดการกับเธอไม่ลงรอยกัน อยู่กับเธอก็ใช่ว่าต้องเป็นอริกับผู้จัดการ
มิฉะนั้นคนเหล่านั้นจะหลบหลีกเธอเหมือนงูได้ยังไง
เมื่อเห็นความกังวลและความตึงเครียดที่รั่วไหลออกมาจากดวงตาของเด็กสาว เธอยิ้มและพูดว่า:“ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยฉันสร้างแบบ”
เมื่อชีเสี่ยวจิ่วได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกทันที
เธอรีบพยักหน้า และเดินมาข้างกู้ฉางชิงแล้วเริ่มลงมือ
“อาจารย์กู้ ต้องทำยังไงคะ?”
“เธอทำขนาดตามแบบแปลน ช่วยฉันตัดผ้าออกมาก่อน”
กู้ฉางชิงจัดงานให้เธอและในเวลาเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะแก้ไข:“เธอไม่ต้องเรียกฉันด้วยความเคารพหรอก ฉันแบกรับคำว่าอาจารย์สองคำนี้ไว้ไม่ไหว เรียกแค่ชื่อฉันก็ได้”
พูดแบบนี้จะได้ไม่ถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์
ดูแล้วเธอยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนพวกนี้ จัดการอย่างเงียบๆก็ช่วยลดความยุ่งยากได้มาก
ใครจะรู้ชีเสี่ยวจิ่วจะส่ายหน้า และยืนยันว่า:“อาจารย์สองคำนี้คุณรับไว้ได้ อันที่จริงฉันเคยเห็นเว็บบอร์ดนั้นในต่างประเทศ”
เธอพูดพลางเม้มริมฝีปากและเขินอายแล้วพูดว่า:“ฉันชอบผลงานของคุณมาก อีกอย่างคุณก็เก่งมาก อันที่จริงฉันรู้สึกว่าความสามารถของคุณไม่ได้น้อยไปกว่าอาจารย์ชวี่เลย”
กู้ฉางชิงถูกเธอชื่นชมก็รู้สึกเขิอายและยังคงถ่อมตัว
เธอรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าจะมีคนในบริษัทสนใจเรื่องเว็บบอร์ด
แน่นอนว่าเธอจงใจปิดเรื่องเว็บบอร์ด
อย่างไรก็ตามเว็บบอร์ดนั้นเป็นของต่างประเทศ แม้ว่าเธอจะได้รับรางวัลมากมายในเว็บบอร์ดนั้นก็ตาม แต่คนในบริษัทล้วนเป็นคนที่มาใหม่ไม่น่าจะรู้จักเว็บบอร์ดนี้ เธอจึงไม่ได้สนใจ
สำหรับชวี่ชิงหยุนกับมู่ฉิงคง ทั้งสองคนจริงๆแล้วได้รับคำชมมาก เนื้อแท้แล้วเย่อหยิ่ง ทำให้พวกเขาดูถูกเธอว่าอาศััย‘ความโชดี’ ถึงอย่างไรในสายตาพวกเขาเธอก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ให้เกียรติเธอมากนัก
มีเพียงเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าที่ยอมรับการออกแบบของเธอ และบอกว่าเธอชอบมันมาก
สักพักเธอก็สนใจและแลกเปลี่ยนแนวคิดการออกแบบกับเธอ
ทั้งสองคนพูดคุยและทำงานในเวลาเดียวกัน เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว
“อาจารย์กู้ เที่ยงแล้วไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ?”
ชีเสี่ยวจิ่วยังกล่าวคำเชิญไม่ทันจบ
กู้ฉางชิงก็ยืดเอว หาวและส่ายหัวพูดว่า:“ไม่ล่ะ เธอไปเถอะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเธอช่วยซื้อข้าวกลับมาให้ฉันหน่อย เมื่อคืนฉันไม่ค่อยได้นอน ฉันกะว่าเที่ยงนี้จะพักผ่อนสักหน่อย”
ขณะที่พูดก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ
ชีเสี่ยวจิ่วเห็นอย่างนั้นก็ไม่ดึกดัน หันหลังแล้วเดินจากไป
ขณะที่คนอื่นๆทยอยกันออกจากที่ทำงาน
ลู่ซือยวี่ก็ออกมาจากห้องทำงาน เห็นกู้ฉางชิงฟุบอยู่บนโต๊ะทำงาน
เธอจ้องมองไปที่ร่างของกู้ฉางชิงด้วยความโกรธแค้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงร่องรอยที่เธอเห็นในตอนเช้า เธอก็อยากจะบีบคอผู้หญิงเลวคนนี้ให้ตายในทันที
กล้ามายุ่งกับพี่จิ่งเหยาของเธอ!
สักวันเธอจะทำให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ต้องเสียไปออกมา
ขณะที่คิดเธอก็จ้องมองกู้ฉางด้วยความเย็นชา และกำลังจะจากไป
แต่เมื่อเธอเดินผ่านโต๊ะทำงานของชวี่ชิงหยุน เธอก็เห็นภาพวาดการออกแบบบนโต๊ะทำงานของเขา เธอก็หยุดเดินในทันทีและแผนร้ายก็ฉายผ่านดวงตาของเธอ
ตอนนี้เธอไม่สามารถจัดการกับกู้ฉางซินผู้หญิงเลวคนนี้ได้ แต่เขาสามารถทำได้
เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วธอก็หยิบภาพวาดการออกแบบของชวี่ชิงหยุนเดินไปที่ด้านข้างของกู้ฉางชิงอย่างระมัดระวัง และยัดภาพวาดลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินลอยหน้าลอยตาเชิดออกไป
กู้ฉางชิงหลับลึกมากจนไม่รู้สึกตัว
จนกระทั่งชีเสี่ยวจิ่วทานอาหารเสร็จ ก็นำอาหารกลางวันกลับมาเธอ และเรียกให้เธอตื่น
“อาจารย์กู้ ตื่นตื่น มาทานข้าวค่ะ”
กู้ฉางชิงลืมตาสลึมสลือ อดทนกับความง่วงลุกขึ้นมานั่งกินข้าว และพูดคุยกับชีเสี่ยวจิ่ว
ไม่นานชวี่ชิงหยุนและคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยกันกลับมา
กู้ฉางชิงไม่สนใจ แต่ชวี่ชิงหยุนกรีดร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
“ภาพวาดการออกแบบของฉันล่ะ?”
ก็เห็นว่าเธอเอาแต่คุ้ยๆบนโต๊ะด้วยสีหน้ากังวล
เมื่อเห็นเช่นนั้นคนอื่นๆก็รีบเข้ามาช่วย
“อาจารย์ชวี่ คุณลืมไว้ที่ไหนรึเปล่า”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันจำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะ”
ชวี่ชิงหยุนโต้แย้ง
และผู้ช่วยของเธอก็ติดตามอย่างใกล้ชิดและพูดว่า:“ตอนที่ฉันออกไปก็เห็นภาพวาดการออกแบบอยู่บนโต๊ะนะ”
เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็ทำได้แค่ช่วยกันหา
มู่ฉิงคงมองไปที่พวกเขาและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:“มันก็แปลกนะไปทานข้าวกันแค่แป๊ปเดียว ภาพวาดการออกแบบหายไปได้ยังไง เมื้อตะกี้มีใครอยู่ที่นี่บ้าง?”
ขณะที่เธอพูดก็มองไปรอบๆเพื่อเป็นการสอบถาม

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา

ก่อนแต่งงานแทนน้องสาวเข้าไปในตระกูลเฟิง กู้ฉางชิงได้ยินว่าเฟิงจิ่งเหยาเป็นคนที่เฉยเมย ต่อมาถึงได้รู้ว่าข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหก คุณเฟิงไม่เพียงแต่ไม่เย็นชา กลับเป็นคนที่อบอุ่น แต่กระตือรือร้นเป็นพิเศษในการมีทายาท มีคนพูดเป่าหูต่อหน้าเขา “คุณเฟิง ก่อนคุณจะกลับประเทศ ในทุกๆคืนภรรยาของคุณจะไม่กลับบ้าน เพราะออกไปเมาข้างนอก” เฟิงจิ่งเหยา “หลังจากฉันกลับประเทศ ตอนค่ำภรรยาของฉันจะมาอยู่ที่ห้องฉัน ปรนนิบัติฉันไม่นอนทั้งคืน” มีคนพูดอีกว่า “ก่อนคุณจะกลับมา ภรรยาของคุณช้อปปิ้งทั้งวัน เปลี่ยนรถยี่ห้อหรูไม่หยุด แถมยังมีหนุ่มคอยอยู่เธอตลอดเวลา” เฟิงจิ่งเหยา พูดต่อว่า “หลังจากฉันกลับประเทศ บัตรเครดิตทุกใบของฉัน ฉันก็อยากให้ภรรยาฉันใช้ แต่เธอไม่ต้องการ ไปกลับจากที่ทำงานก็ให้ฉันไปรับแค่คนเดียว” สำหรับคนที่เย็นชา เมื่อมีภรรยาจะคลั่งรักเป็นพิเศษ

Options

not work with dark mode
Reset