สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ตอนที่ 743 ข่มขู่

จู่ ๆ โห้หลีเฉินก็คลี่รอยยิ้มบนใบหน้าทันที ดวงตาเปล่งประกายงดงาม

ร่างสูงใหญ่ของเขาเข้าใกล้เธอ ในน้ำเสียงนั้นปิดบังความสุขและรอยยิ้มไว้ไม่อยู่

“ไม่มีความคิดเห็น เธออยากจะก้าวก่ายยังไง ก็ก้าวก่ายอย่างนั้น ฉันเชื่อฟังเธอทุกอย่าง”

เย้นหว่านยืนอึ้งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ แม้แต่หัวใจทั้งดวง ก็ยังเริ่มอุ่นร้อนขึ้นมาแล้ว

ความรู้สึกนี้ ทำไมดูเหมือนในอนาคตโห้หลีเฉินจะถูกภรรยาคุมเข้มเสียอย่างนั้นล่ะ? แต่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกภูมิใจนะ

ไม่ถูกนะ ใครบอกว่าเธอจะต้องแต่งให้กับเขากันล่ะ

ผู้ชายนิสัยไม่ดี เห็นชัด ๆ ว่ากำลังหลอกกินเต้าหู้เธอ

เย้นหว่านทั้งอายทั้งโมโห แล้วผลักเขาให้ถอยหลังไป “พูดเหลวไหลให้มันน้อย ๆ หน่อย รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นเอานะ”

โห้หลีเฉินหัวเราะอย่างขบขัน “รับทราบ”

คำทุ้มต่ำสองคำนี้ มีน้ำเสียงหยอกล้ออยู่ ราวกับกระแสไฟฟ้ากระแสหนึ่งที่แล่นเข้ามาในหัวใจของเย้นหว่าน

เธอเห็นเขาหยิบตะเกียบขึ้นมาด้วยท่วงท่าที่สง่างาม สายตาก็อดที่จะพร่ามัวเล็กน้อยไม่ได้

ถ้าหากในอนาคตเป็นเหมือนที่พวกเขาปรารถนาเอาไว้ทุกอย่าง เธอแต่งเป็นภรรยาให้กับเขาและได้ครองรักกับเขาตลอดไป ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและปลอดภัยไปตลอดชีวิต ถ้าเป็นอย่างนั้นจะดีสักแค่ไหนกันนะ?

หากวันใดที่เธอได้สวมชุดแต่งงานสีขาวสะอาดเพื่อเขาและได้ยืนอยู่ในโบสถ์เคียงข้างกับเขา มันจะสวยงามสักแค่ไหนกัน?

เย้นหว่านปรารถนาเอาไว้จริง ๆ อยากจะให้เวลาเดินไวขึ้นอีกนิด ให้เธอได้เดินไปถึงวันนั้น

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ โห้หลีเฉินก็ไม่ได้พักผ่อน

แล้วยังสั่งกำชับไม่ให้เย้นหว่านออกไปจากการทรวงการต่างประเทศ จากนั้นถึงค่อยทำงานอย่างเข้มข้น

เย้นหว่านรู้สึกปวดใจอยากจะให้เขาได้พักผ่อนสักหน่อย แต่พอเห็นสายตาโดยรอบที่มองมาบ้างเป็นครั้งคราวนั่นแล้ว เธอก็เข้าใจได้เลยว่าเธอกับโห้หลีเฉินถูกเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

ต่อให้จะเป็นการแสดงละคร โห้หลีเฉินก็ไม่สามารถหยุดทำงานได้

ในใจของเย้นหว่านรู้สึกเกลียดจนต้องกัดฟัน แทบอยากจะให้ซาอินติหายไปจากโลกนี้ซะ จะได้ไม่ต้องสร้างความลำบากให้โห้หลีเฉินถึงขนาดนี้

ตกดึก ยากที่จะรู้สึกตัวได้

เป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว เป็นเวลาที่ง่วงและสมควรจะเข้านอนได้แล้ว

เหล่าเจ้าหน้าที่ที่ยังคงอยู่นั้น เดิมทีก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลานี้ แต่ละคนก็พากันหาว แล้วทยอยกระจัดกระจายกันวิ่งไปนอนที่ห้องพักเจ้าหน้าที่แล้ว

ทว่าเย้นหว่านกลับนอนไม่หลับ

ห้องพักเจ้าหน้าที่นี้ไม่เก็บเสียง เธอปิดประตูนอนอยู่ข้างใน แต่กลับได้ยินเสียงเคาะแป้นพิมพ์นั้นอย่างชัดเจน

ตอนนี้โห้หลีเฉินเหนื่อยล้ามากแล้ว การทำงานในระดับที่เข้มข้นขนาดนี้ เขากลับต้องทำตลอดทั้งคืนเลยเหรอ

ผู้ชายของเธอต้องทนกับความยากลำบากตลอดทั้งคืน แล้วจะนอนหลับสบายได้อย่างไร?

เย้นหว่านรู้สึกว้าวุ่นใจ รู้สึกทนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้แทบไม่ไหว

แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ความลำบากที่เป็นอยู่ตอนนี้มันหายไปอย่างไร ตัวเธอเองก็ถูกบีบให้ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงแต่ต้องอยู่ข้างกายโห้หลีเฉินเพื่อเสาะหาที่คุ้มครองความปลอดภัย

ไร้ความสามารถ

ต้องข่มกลั้นเอาไว้

ในใจของเย้นหว่านสับสนวุ่นวาย นอนพลิกตัวไปมาบนเตียงอยู่หลายครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นมาด้วยความกระสับกระส่าย แล้วสวมชุดคลุมตัวนอก เดินออกมาจากห้อง

เธอยืนอยู่หน้าประตู เพียงแวบเดียวก็มองเห็นหลอดไฟที่ยังทำงานส่องสว่างอยู่เพียงหนึ่งเดียวภายในห้องทำงาน สาดส่องให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของโห้หลีเฉิน

เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ เขายังคงรักษาท่าทางนั้นเอาไว้ ความรวดเร็วในการมองแป้นพิมพ์และความถี่ยังเหมือนเดิม

มีความจดจ่อและตั้งใจเป็นอย่างมาก

เย้นหว่านอดถอนหายใจไม่ได้ แล้วส่ายหัว ฝีเท้าที่แผ่วเบาเดินไปที่ห้องน้ำ

ห้องน้ำอยู่ทางด้านนอกของห้องทำงาน โดยมีทางเดินกั้นไว้ ไม่ใกล้แล้วก็ไม่ไกล

ในเวลานี้เงียบสงบมาก ไม่มีใครอยู่เลยสักคน

โชคดีที่ยังมีหลอดไฟที่ให้ความสว่างจ้าอยู่ จึงไม่ได้รู้สึกมืดจนน่าขนลุก

เย้นหว่านเดินไปถึงห้องน้ำด้วยใจที่หนักอึ้ง พอเพิ่งจะเข้าไป แต่ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาข้างหน้า ทำให้เธอตกใจจนต้องรีบถอยหลังไปหลายก้าว ถึงได้ยืนอย่างมั่นคง

เธอรีบเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดสูทใส่รองเท้าหนัง ทำกำลังยืนอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือและกำลังจ้องมองเธอตรง ๆ

เย้นหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก เกือบจะชนเขาซะแล้ว

“ขอโทษค่ะ”

เธอเอ่ยปากตามมารยาท ก่อนจะเดินไปข้าง ๆ เพื่อเข้าห้องน้ำหญิงด้านใน

แต่จู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นกลับเดินไปด้านข้างก้าวหนึ่ง แล้วขวางทางที่เย้นหว่านจะเข้าไปเอาไว้

เย้นหว่านขมวดคิ้ว แล้วถอยหลังไปอย่างระมัดระวังเล็กน้อย “มีอะไรรึเปล่าคะ?”

กลางดึกอย่างนี้ ภายในห้องน้ำที่เงียบสงบไม่มีคน มีเพียงผู้ชายแปลกหน้าหนึ่งคน ที่แสดงท่าทางแปลก ๆ ความไร้เหตุผลนี้ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวและขนลุก

ร่างกายของเย้นหว่านแข็งเกร็ง เตรียมที่จะกรีดร้องและวิ่งหนีไปได้ตลอดเวลา

ชายหนุ่มจับจ้องเย้นหว่านด้วยสายตาที่ดุร้าย มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เสียดสี

ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายว่า

“ไม่ต้องกังวลใจไป เธอหน้าตาแบบนี้ ปลุกเร้าอารมณ์ฉันไม่ได้หรอก”

คำพูดที่ตรงไปตรงมา ทำให้รู้สึกอับอายขายหน้าอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน

ฉับพลันนั้นเย้นหว่านก็หน้าเปลี่ยนสี ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยถ้อยคำที่หยาบคาย แต่ทว่ากลับแสดงออกอย่างไร้ยางอายและหยาบคาย

สองมือของชายหนุ่มกำลังกอดอก สายตามองสำรวจเรือนร่างของเย้นหว่านขึ้น ๆ ลงๆ อย่างกำเริบเสิบสาน

“เย้นหว่าน ฉันตั้งใจรอเธออยู่ที่นี่”

เย้นหว่านรู้สึกสะดุ้งตกใจและกังวลเล็กน้อย

เธอขมวดคิ้วแล้วถาม “สรุปคุณตามหาฉันเพราะเรื่องอะไรกันแน่? ฉันไม่มีเวลาจะมาพูดไร้สาระกับคุณหรอกนะ”

ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะทำอะไรก็ตาม ต้องไม่ได้มาดีแน่นอน

“หึ ไม่มีเวลาจะมาพูดไร้สาระกับฉัน เพราะจากนี้จะต้องรีบไปยั่วยวนพี่ชายของตัวเองสินะ?”

ชายคนนี้ยิ้มเสียดสีเป็นพิเศษ สายตาก็ดูชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด

พอได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ในใจของเย้นหว่านรู้สึกจมดิ่งแวบหนึ่ง ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะอยู่ที่การทรวงการต่างประเทศทั้งวัน แต่นอกจากโกรธที่ซาอินติจงใจเข้าใกล้โห้หลีเฉินในตอนเริ่มแรกแล้ว ก็แทบจะไม่ได้มีความใกล้ชิดสนิทสนมอื่นใดกับโห้หลีเฉินอีกเลย

นอกจากนี้ ต่างก็รู้กันดีว่าเธอกับโห้หลีเฉินเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมถึงยังใช้คำว่ายั่วยวนนี้อีกล่ะ?

เห็นได้ชัดเลยว่าผู้ชายคนนี้จงใจหาเรื่อง

พอมองดูใบหน้าของเขาอีกที เย้นหว่านก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย เห็นได้ชัดว่าเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ยังอยู่ตอนนี้

เธอไม่เคยล่วงเกินเขา แม้แต่จะพูดกับเขาสักประโยคก็ยังไม่เคย แล้วทำไมเขาถึงต้องจงใจเฝ้าอยู่ที่ห้องน้ำเพื่อที่จะหาเรื่องเธอ

เย้นหว่านมีท่าทีที่จริงจัง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและแข็งกระด้าง

“ถ้าหากคุณมาที่นี่เพราะไม่มีเรื่องอะไรทำ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ แล้วก็ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนด้วยได้”

เย้นหว่านหมุนตัวจะเดินจากไป

คนที่จงใจหาเรื่องคนอื่นแบบนี้ หากจะงัดข้อกับเขาคงไม่ฉลาดเท่าไหร่นัก เดินผ่านไปถึงจะเหมาะสมที่สุด

ชายหนุ่มไม่ได้ขวางเธอไว้ ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แล้วจ้องมองเย้นหว่านด้วยสายตาที่ชั่วร้าย

เขาเอ่ยปากเงียบ ๆ ว่า

“เย้นหว่าน เธอฝ่าฝืนกฎแล้ว”

เท้าที่ก้าวเดินของเย้นหว่านหยุดชะงักไป แต่ไม่ได้หยุด ยังคงเดินต่อไปข้างหน้า

เสียงของผู้ชายคนนั้นยังคงดังขึ้นไล่หลังเธอต่อไป

“ที่ประเทศเบียนหนาน ชายและหญิงต้องเว้นระยะ แม้แต่พี่ชายและน้องสาวก็รักษาระยะห่างต่อกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับโห้หลีเฉินนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกันเกินไปแล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกรังเกียจ”

“ในฐานะน้องสาว เธอยิ่งไม่มีคุณสมบัติที่จะนอนบนเตียงของโห้หลีเฉิน อยู่ค้างคืนกับผู้ชายเป็นกอง ก็ยิ่งเป็นความผิดของเธอ”

“ฉันแนะนำว่าให้เธอไปจากที่นี่ซะ กลับบ้านไป ไม่อย่างนั้นล่ะก็ คืนนี้อย่าหวังว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ”

ประโยคสุดท้าย ดำมืดราวกับภูตผี แสดงการคุกคามออกมาอย่างชัดเจน

แผ่นหลังของเย้นหว่านอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็น ๆ

คำพูดของคนคนนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นภัยคุกคามเท่านั้น เขายังจะทำอะไรอีก?

พอถูกคนประเภทนี้จ้องมองอยู่ก็รู้สึกเหมือนกับถูกมีดแทงอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เย้นหว่านรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก

ในใจของเธอรู้สึกสับสนวุ่นวาย ฝีเท้าก็ยิ่งก้าวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นวิ่งเหยาะ ๆ ราวกับต้องการไปจากทางเดินนี้

เธอถอนหายใจแล้ววิ่งกลับไปที่การทรวงการต่างประเทศ

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset