สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน – ตอนที่ 836 ลงมือ

ฝู้เหวยข่ายสีหน้าดำมืด ก้าวเท้าก้าวใหญ่เดินเข้าไป

พอพนักงานเคาน์เตอร์เห็นท่าทีของกัวจื้อ ก็มั่นใจได้เลยว่า ชายหนุ่มคนนี้ ก็คือเจ้านายที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังนั่นเอง

บริษัทแห่งนี้ดำเนินกิจการเพียงลำพังอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน แล้วก็ไม่เคยมีคนที่มีแบล็คหลังมาที่นี่มาก่อนด้วย

ตอนนี้จู่ๆเจ้านายปรากฏตัวออกมา เธอมีลางว่า นี่จะต้องไม่ได้มาตรวจตราธรรมดาๆทั่วไปแน่นอน จะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ

กัวจื้อพาฝู้เหวยข่ายมายังห้องทำงาน นำชามาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว

เขายืนอยู่ตรงหน้าของฝู้เหวยข่าย ด้วยความเคารพนับถืออย่างยิ่ง

“คุณชาย ทำไมจู่ๆคุณถึงมาที่นี่ล่ะครับ ไม่บอกให้พวกเราทราบกันสักคำ ผมจะได้เตรียมต้อนรับคุณดีๆสักหน่อย”

ฝู้เหวยข่ายนั่งลงบนโซฟา พูดออกมาตรงๆเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ฉันขอรับช่วงต่อบริษัทนี้นับตั้งแต่ตอนนี้”

กัวจื้ออึ้งตกใจ“คุณชาย คุณจะทำอะไรเหรอครับ? บริษัทนี้เป็นบริษัทเล็กๆที่อยู่ในเมืองหนาน ตั้งอยู่แบบล่องหนไร้ตัวตนมาตลอด เป้าหมายก็มีแค่ติดตามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของเมืองหนานเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็จะไม่เปิดเผยบริษัทเท่าที่จะทำได้ ถ้าคุณอยากรับช่วงต่อ คิดที่จะทำอะไรเหรอครับ?”

ถ้าเกิดจะเริ่มใช้งานบริษัทนี้ ก็เท่ากับว่า การหลบซ่อนตัวตนในช่วงหลายปีมานี้ จะถูกเปิดเผยออกมาจนหมด

ต่อไปก็จะแอบซ่อนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จะถูกจับตามองจากผู้มีอำนาจมากมาย

ฝู้เหวยข่ายสายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง คำพูดแต่ละคำแต่ละประโยค ราวกับกัดฟันพูดออกมา

“ฉันจะทำให้ตระกูลโห้ กลายเป็นแค่อดีตของเมืองหนาน”

“หา?”

กัวจื้ออึ้งตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ“คุณชาย ตระกูลโห้ที่คุณพูดถึง หมายถึงตระกูลโห้ที่มีโห้หลีเฉินเป็นผู้นำตระกูลเหรอครับ?”

นั่นมันผู้ทรงอิทธิพลของเมืองหนานเลยนะ!

ฝู้เหวยข่ายยิ้มอย่างเย้ยหยัน“ถ้าไม่ใช่มัน จะมีใครที่ให้ฉันลงมือด้วยตัวเองแบบนี้อีกเหรอ?”

ถ้าเขาลงมือแล้ว ก็ต้องเอาให้โห้หลีเฉินตายเท่านั้น

กัวจื้อชุ่มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าเข้มงวด“คุณชาย เรื่องนี้มันใหญ่เกินไปแล้ว ตระกูลโห้มีอำนาจอิทธิพลที่หยั่งรากฝังแน่นในเมืองหนานเลยนะครับ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีอำนาจค้ำฟ้าก็ยังได้ แม้ว่าเจ้านายจะแข็งแกร่งเก่งกาจ แต่ว่าพวกเราก็แทบจะไม่มีอิทธิพลอะไรเลยที่เมืองหนาน ถ้าคิดจะล้มตระกูลโห้ มันยากอยู่พอสมควรเลยนะครับ แถมต้นทุนก็มหาศาล กำไรได้ไม่คุ้มกับที่เสียไปด้วยครับ”

เรียกได้ว่า เป็นธุรกิจที่ไม่มีกำไรก็ว่าได้

การเป็นนักธุรกิจ ปกติแล้วจะไม่ทำในสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายแต่ตัวเองก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนอะไรกลับมาแบบนี้

“การตัดสินใจของฉัน จำเป็นต้องให้แกมาตั้งคำถามด้วยเหรอ?”

ฝู้เหวยข่ายยกแก้วขึ้นมา แล้วซัดไปที่กัวจื้อด้วยความโมโห

ชาที่เพิ่งจะรินไป ยังคงร้อนอยู่ ซึมผ่านเสื้อของกัวจื้อ ลวกผิวหนังของเขาจนเจ็บแสบ

กัวจื้อเจ็บจนสีหน้าเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่กลับไม่กล้ามองบาดแผลของตัวเอง รีบก้มตัวลงเก้าสิบองศา ขอโทษอย่างทันที

“ขอโทษครับคุณชาย ที่ผมล่วงเกินมากเกินไป”

ฝู้เหวยข่ายสีหน้าดำมืด พูดสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ถ้ามีครั้งหน้าอีก แกก็ไสหัวออกไปได้เลย เรียกประชุมทุกคนในบริษัทเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาเริ่มทำการจู่โจมโห้ถิงกรุ๊ปทันที ฉันต้องการเห็นตระกูลโห้ล้มจมลงให้เร็วที่สุด”

กัวจื้อหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“คุณชายครับ เงินทุนสำรองของพวกเรามีไม่ค่อยพอ……”

การจัดการกับตระกูลโห้ ขนาดคิดยังไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องใช้เงินทองเท่าไร

ฝู้เหวยข่ายโยนกระเป๋าสตางค์ของตัวเองไปบนโต๊ะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาถึงขั้นสุด“ใช้เงินของฉัน เพียงพอที่จะซื้อครึ่งเมืองหนาน”

เงินพวกนี้ บวกเข้ากับการดำเนินการของบริษัทการเงิน ก็เพียงพอที่จะทำให้โห้หลีเฉินล้มลงมาได้ไม่น้อยแล้ว

สงครามธุรกิจ ภายใต้การใช้งานที่เหมาะสม ก็คือเกมทางการเงินนั่นเอง

กัวจื้อมองกระเป๋าสตางค์ใบนั้น แม้ว่ามันจะอยู่ในการคาดการณ์อยู่บ้าง แต่เขาก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี

สมแล้วที่เป็นคุณชายที่เป็นเจ้านาย แค่เงินของตัวเองอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะซื้อเมืองหนานได้ทั้งเมือง นั่นมันแนวคิดอะไร?

ถ้าเจ้านายได้ลงมืออีกครั้ง ก็คงจะสามารถพิชิตทั้งเมืองหนานได้ด้วยเงิน

แล้วการที่จะเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของเมืองหนาน ก็จะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

จู่ๆกัวจื้อก็มีความมั่นใจขึ้นมา พูดขึ้นอย่างจริงจัง

“ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ จะต้องเป็นแผนการที่ทรงพลังมากแน่ๆ ให้ตระกูลโห้เผชิญกับการจู่โจมที่หนักหน่วงรุนแรงจนกอบกู้กลับมาไม่ได้อีก”

ฝู้เหวยข่ายสีหน้าเย็นชา มุมปากยิ้มอย่างเย้ยหยัน

โห้หลีเฉิน ฉันจะดูซิว่าแกจะทำตัวโอหังได้อีกสักกี่วัน

แค่เมืองหนานเมืองเล็กๆเท่านั้น เขาก็จะทำลายลงได้แล้ว!

พอถึงวันที่เปลี่ยนเจ้าของใหม่ เขาจะทำให้โห้หลีเฉินร้องห่มร้องไห้อยู่แทบเท้าของเขา

……

หลังจากที่โห้หลีเฉินกับเย้นหว่านยุแหย่ให้ฝู้เหวยข่ายโมโหตอนที่อยู่ที่โรงแรมแล้ว ก็จัดการย้ายข้าวของสัมภาระเข้าไปอยู่ในบ้านของกู้จื่อเฟย

อย่างแรก เพื่อความปลอดภัยของกู้จื่อเฟย ตอนนี้เธอก็ตัดขาดกันกับฝู้เหวยข่ายผู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ต้องยับยั้งป้องกันแผนการชั่วร้ายของเขาที่จะมาทำร้ายหรือถึงขนาดที่จะมาลักพาตัวกู้จื่อเฟยไปให้ได้

ดังนั้นการที่พวกเย้นหว่านมาพักที่นี่ จากฝีมือของโห้หลีเฉินกับเย้นโม่หลินแล้ว ก็สามารถรับประกันได้ว่ากู้จื่อเฟยจะไม่ได้รับอันตรายอะไรแน่นอน

อย่างที่สอง จะได้เป็นการสร้างภาพว่าเย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยอยู่ด้วยกันแล้วด้วย เพื่อจะได้กระตุ้นอารมณ์ของฝู้เหวยข่ายเข้าไปอีก

ตอนนี้ในใจของเขาอยากจะได้กู้จื่อเฟยเต็มที ถ้าได้รู้ว่ากู้จื่อเฟยได้อยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเย้นโม่หลินแล้ว จะต้องยิ่งโมโหขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ยิ่งโมโหหมดความอดทน เวลาทำเรื่องอะไรก็จะยิ่งใจร้อนมากขึ้น

แล้วผลลัพธ์ของการทำอะไรขณะที่ใจร้อนเร่งรีบ ก็จะถูกจับไต๋ได้ยังไงล่ะ

ตอนที่พวกเย้นหว่านพาข้าวของสัมภาระมาถึงบ้านวิลล่า กู้จื่อเฟยก็ยืนรออยู่ข้างในประตูเรียบร้อยแล้ว

เธอยืนหลังตรง ใบหน้าตึงเครียดเล็กน้อย สีหน้าดูอึดอัดไม่น้อย

ส่วนสิ่งที่ทำให้อึดอัด ก็มีแต่เย้นโม่หลินคนเดียวเท่านั้น

ตอนแรกนึกว่าเธอกับเย้นโม่หลินจะตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่ตระกูลเย้นแล้ว จากนั้นโอกาสในการเจอหน้ากันก็ไม่มีแล้วเสียอีก แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่มาเจอหน้ากันเท่านั้น แต่ยังต้องมาอยู่ร่วมกันอีกด้วย

แถมยังอยู่ที่บ้านของเธออีก

ผู้ชายที่เธอเกินจะเอื้อมถึงคนนั้น ต่อมาภายในระยะเวลาไม่นาน กลับมาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันที่บ้านของเธอ

คิดๆดู เธอไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองกลับไปยังไง ควรจะปฏิบัติตัวยังไง

มันทำให้ในหัวว่างเปล่า ทำอะไรไม่ถูกราวกับกำลังอยู่ในความฝัน

“จื่อเฟย ลูกมัวแต่ยืนเหม่ออะไรอยู่? รีบออกไปต้อนรับ ช่วยลากกระเป๋าสัมภาระเร็วเข้า”

กู้หรงเดินออกมาจากบ้านวิลล่าอย่างรวดเร็ว เดินเข้าไปด้วยความร่าเริง

เขามีความยินดีและดีอกดีใจอย่างมากกับการที่พวกเย้นหว่านย้ายเข้ามาพักอาศัยในช่วงระยะนี้

แบบนี้ก็แสดงว่า กู้จื่อเฟยก็จะได้อยู่ด้วยกันกับป่ายฉีทั้งวันทั้งคืนเลยอย่างนั้นสินะ

ถ้าคู่รักคู่นี้ได้อยู่ด้วยกันทุกวันแบบนี้ วันดีคืนดี ไม่แน่ว่าอาจจะมีหลานให้กับเขาก็ได้

ถึงตอนนั้น กู้จื่อเฟยคิดที่จะผัดวันประกันพรุ่งอีกล่ะก็จะกลายเป็นท้องก่อนแต่งทันที

แค่คิดๆก็รู้สึกว่ามันดีงามไปหมด ลูกสาวคนนี้ของเขาใกล้จะได้แต่งงานออกเรือนแล้ว

“มาๆๆ เอากระเป๋าสัมภาระมาให้ฉันถือ ฉันช่วยพวกนายถือเอง”

กู้หรงเดินตรงเข้าไป แม้จะบอกว่าช่วยพวกเขาถือ แต่เขาก็มีแค่สองมือ ดังนั้นจึงยื่นมือไปที่ป่ายฉีก่อน ช่วยป่ายฉีถือกระเป๋าสัมภาระด้วยท่าทางสนิทสนมสุดๆ

ป่ายฉีอึ้งตะลึงไป ไม่เข้าใจ ว่าทำไมกู้หรงต้องมาทำสนิทสนม มาทำเหมือนเขาเป็นคนพิเศษอย่างนี้ด้วย

เขาชอบเขาที่ตรงไหนอย่างนั้นเหรอ เขาจะยอมเปลี่ยนทันที

จู่ๆความกดอากาศรอบๆตัวก็ลดต่ำลง ป่ายฉีรีบจับกระเป๋าสัมภาระไว้แน่น ก่อนจะฝืนยิ้มพูดขึ้น

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน

“คุณผู้หญิง ผมจะไม่แต่งงานกับคุณ” นี้คือประโยคแรกที่เขาพูดกับเธอ เธอรู้ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นยังไง แกล้งทำเป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเชื่อฟัง แต่ในหนึ่งวัน เธอโดนเขาจับขึ้นเตียงและลูบไล้ เธอตกใจ “คุณโห้ คุณเคยบอกแล้วว่า เราเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางสัญญา” “ผมยกเลิกแล้ว” เขาได้รู้แล้วว่า เธอเป็นผู้หญิงที่เขาตามหามานาน เขาจะปล่อยมือไปได้ยังไง? “เพื่อเป็นการชดเชย ผมเป็นของคุณแล้ว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset