สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 10 ทำให้พวกเขาอยู่เหมือนตายทั้งเป็น

บทที่ 10 ทำให้พวกเขาอยู่เหมือนตายทั้งเป็น

“บรรพบุรุษของฉัน ในที่สุดเธอก็มาแล้ว!”

ซูสือเยว่เพิ่งจะมาถึงสตูดิโอภาพยนตร์หัวหน้าคนงานก็รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

หัวหน้าคนงานคว้ามือเธอไว้ “มีงานใหญ่เข้ามา นักแสดงหญิงเบอร์สองจากกองละคร《สงครามรักขจีจร》คุณเซี่ยงหวั่นฉิง เรียกชื่อเธอให้ไปเป็นสแตนอินบทบู๊แทนหล่อน!”

“ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่เสนอมามากกว่าที่เธอไปเป็นสแตนอินให้ปกติถึงสามเท่าเลยนะ!”

หลังจากมาถึงกองละครซูสือเยว่ก็ตรงไปแต่งหน้าขึ้นสลิงทันที

หลังจากทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ผู้กำกับกลับถ่วงไม่เริ่มถ่ายสักที

สแตนอินชายที่ต้องเล่นด้วยกันกับซูสือเยว่ไม่ทำแล้ว

“ยังรออะไรอีก?”

“รอคุณเซี่ยงหวั่นฉิงค่ะ”

“คุณเซี่ยงบอกว่าเธอต้องการมาตรวจสอบด้วยตัวเอง เพราะกลัวว่าสแตนอินหญิงคนนี้จะแสดงไม่ได้ตามอารมณ์ที่เธอต้องการค่ะ”

หลังจากพูดจบ รอบผู้กำกับก็อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “คุณเซี่ยงทั้งสวยทั้งเป็นมืออาชีพจริงๆ ทั้งชีวิตนี้พวกเธอเทียบไม่ได้หรอก!”

ซูสือเยว่ได้ยินแล้วก็อยากจะหัวเราะ

ตั้งใจทำงานเต็มที่?

เซี่ยงหวั่นฉิงเข้าวงการมาห้าปี ละครทุกเรื่องของหล่อน ล้วนเป็นซูสือเยว่ที่อ่านบทละครจนเข้าใจ คอยแนะนำอย่างละเอียดรอบคอบ และขัดเกลามันออกมาให้หล่อนต่างหาก

บทละคร《สงครามรักขจีจร》เรื่องนี้ เธอก็เคยอ่านมาก่อนเหมือนกัน

ในละครเรื่องนี้ บทบาทของเซี่ยงหวั่นฉิง เป็นบทที่ระยะหลังมักทำสงครามพ่ายแพ้หลายครั้ง

พ่ายสงคราม แฝงความหมายไว้ว่าต้องถูกทุบตี

เหตุผลที่เซี่ยงหวั่นฉิงต้องการมาตรวจสอบด้วยตัวเอง ก็แค่อยากจะเห็นเธอถูกทุบตีด้วยตาของหล่อนเองก็เท่านั้น

พูดไปแล้วก็ตลก

เธอจับได้ว่าเซี่ยงหวั่นฉิงกับแฟนหนุ่มของเธอคบหากัน เธอไม่ตีไม่ด่าพวกเขา แค่ร้องไห้เดินจากไปเฉยๆ

แต่เซี่ยงหวั่นฉิงกลับเสียแรงอย่างลำบากยากเย็น อยากจะดูเธอถูกทุบตี

ทำอย่างกับเธอเป็นมือที่สามยังไงอย่างนั้น

เพียงไม่นาน เซี่ยงหวั่นฉิงก็มาถึง

หล่อนนั่งขาไขว่ห้างลงบนเก้าอี้ “ความต้องการของฉันเข้มงวดมาก ฉันจะให้สแตนอินหญิงคนนี้ถ่ายใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าฉันจะพอใจ”

ผู้ช่วยผู้กำกับคือสุนัขรับใช้ที่แท้จริง “คุณช่างทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่จริงๆ!”

“สแตนอินหญิงคนนั้น ได้ยินแล้วใช่ไหม แสดงออกมาให้ดี!”

“ได้แสดงเป็นสแตนอินให้คุณเซี่ยง เป็นเกียรติของเธอมากนะ!”

ซูสือเยว่คร้านเกินกว่าจะสนใจพวกเขา

การถ่ายทำเริ่มขึ้นแล้ว

เธอกับสแตนอินชายเป็นคู่หูเก่ามาหลายปีแล้ว ทั้งสองคนเคลื่อนไหวต่อสู้กันปลอมๆออกมา ด้านในภาพที่ถ่ายได้ต่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติ

ผู้ช่วยผู้กำกับพูดชมครั้งแล้วครั้งเล่า “สแตนอินหญิงคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ คุณเซี่ยงคุณนี่ช่างตาถึงจริงๆ!”

สีหน้าของเซี่ยงหวั่นฉิงเยือกเย็นลง “ฉันไม่พอใจ”

“แสดงปลอมสุดท้ายยังไงมันก็ปลอม ให้พวกเขาสู้จริงไปเลย”

ผู้ช่วยผู้กำกับตะลึง

สู้จริง?

แบบนี้อาจถึงชีวิตคนเลยนะ!

“ค่ารักษาพยาบาลฉันเป็นคนออก”

เซี่ยงหวั่นฉิงหยิบพัดกลมขึ้นมา สบายอกสบายใจสุดๆ “ฉันเองก็ทำเพื่อรับผิดชอบต่อการถ่ายทำนะคะ”

ผู้ช่วยผู้กำกับรีบออกคำสั่งทันที “ให้พวกเขาสู้กันแบบสู้จริงไปเลย!”

เกือบทุกคนในกองถ่ายพากันมึนไปหมด

นี่เป็นฉากที่นักแสดงหญิงเบอร์สองต้องถูกทุบตีจนพิการ แล้วจะให้ต่อสู้จริงเหรอ?

สแตนอินชายทนไม่ได้ “สู้จริงไม่ได้หรอก เธอลองพูดกับพวกเขาดีๆ ไหม?”

“ไม่ต้อง”

ซูสือเยว่ยิ้ม “ฟังหล่อนเถอะ”

เซี่ยงหวั่นฉิงพุ่งเป้ามาที่เธอ

ถึงตอนนี้เธอไปขอร้องเซี่ยงหวั่นฉิง ก็คงจะถูกหล่อนทำให้อับอายก็เท่านั้นแหละ

หัวหน้าคนงานเซ็นสัญญาลงนามไปเรียบร้อยแล้ว ถึงเธอไม่แสดงยังไงก็ต้องแสดง เซี่ยงหวั่นฉิงรู้เรื่องนี้ดีถึงได้กำเริบเสิบสานขนาดนี้

อีกอย่างเธอเป็นสแตนอินมืออาชีพ บาดเจ็บนิดหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ?

ซูสือเยว่ถูกตีจนล้มลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า และลุกขึ้นยืนใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า

สุดท้ายทั่วทั้งตัวของเธอก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ปิดด้วยคอนซีลเลอร์ยังไงก็ปิดไม่มิด

“คุณเซี่ยง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต้องถึงชีวิตคนแน่เลยครับ”

ผู้ช่วยผู้กำกับเหงื่อออกไปทั่วตัว

สุดท้ายเพราะการถ่ายทำเดินช้าเกินไป จนหัวหน้าผู้กำกับแทบคลั่งแล้ว เซี่ยงหวั่นฉิงถึงได้หยุดทรมานเธอในที่สุด

ซูสือเยว่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ เดินออกมาจากสตูดิโอ

ทันทีที่เดินออกจากประตู ก็เหลือบไปเห็นเฉิงเซวียนยืนอยู่ที่ประตูสตูดิโอ

เขาสวมแว่นกันแดดกับหมวกแก๊ป ปกปิดอย่างแน่นหนา

เขาคงจะมารับเซี่ยงหวั่นฉิงแหละมั้ง?

เธอเดินผ่านเขาไป ก้าวเท้ายาวเดินตรงไปทางป้ายรถเมล์

“สือเยว่”

เฉิงเซวียนร้องเรียกเธอเบาๆ

ซูสือเยว่เดินต่อไปข้างหน้าไม่หยุดฝีเท้า

เฉิงเซวียนก้าวสองสามก้าวไล่ตามไป ก่อนจะคว้าแขนของเธอไว้ “สือเยว่ ทำไมเธอถึงหลบหน้าฉัน?”

ซูสือเยว่สะบัดเขาออก ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง “ของที่มองไม่เห็น ทำไมฉันต้องหลบ”

“สือเยว่!”

เฉิงเซวียนกัดฟัน ก่อนจะดึงไหล่ซูสือเยว่ให้หันกลับมา “ระหว่างเรามีความรู้สึกดีต่อกันมาตั้งนานหลายปี เธอต้องเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ?”

“ฉันกับหวั่นฉิงรักกันอย่างจริงใจ เธอช่วยให้พวกเราสมหวังไม่ได้เหรอ?”

มือของซูสือเยว่ที่วางอยู่ข้างกายกำหมัดเข้าหากันแน่น

ช่วยให้สมหวัง?

ทำไมเขาถึงไม่รู้จักอายที่พูดคำๆ นี้ออกมาต่อหน้าเธอแบบนี้?

“ต่อให้ฉันไม่ช่วยให้สมหวัง แล้วมันห้ามนายได้เหรอ?”

ซูสือเยว่หัวเราะเย้ยหยัน “นายคือว่าที่นักแสดงนำชายดีเด่นในอนาคตที่กำลังจะเก็บเกี่ยวแบบดับเบิลทั้งความรักและการงานอาชีพเชียวนะ”

“อย่ามายุ่งกับสแตนอินอย่างฉันเลย มันลดค่าตัวเกินไป”

พูดจบเธอก็ยกเท้าเดินออกไป

เฉิงเซวียนรั้งเธอเอาไว้อีกครั้ง “สือเยว่ เธอจะเป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ?”

“เซวียน ฉันบอกแล้วว่าสือเยว่ไม่มีทางสนใจความรู้สึกของพวกเราหรอก”

เซี่ยงหวั่นฉิงที่ไม่รู้ว่ายืนอยู่ด้านหลังของทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ถอนหายใจออกมา

เซี่ยงหวั่นฉิงเปลี่ยนจากท่าทางหยิ่งผยองกำเริบเสิบสานตอนที่อยู่ในกองละครก่อนหน้านี้ ใช้ท่าทีนุ่มนวลอ่อนแอเดินช้าๆ ไปตรงหน้าเฉิงเซวียน ก่อนจะเอนตัวซบอ้อมแขนของเขา

หล่อนมองซูสือเยว่ด้วยความสมเพชเวทนา “สือเยว่ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเหตุการณ์นี้มันจะส่งผลกระทบกับเธอหนักมากขนาดนี้ เธอเลยต้องแต่งงานกับคนที่ทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด ทรมานคู่หมั้นจนตายไปถึงสองคนอย่างท่านชายฉิน”

ซูสือเยว่หัวเราะเย้ยหยัน ท้ายที่สุดเซี่ยงหวั่นฉิงก็เป็นคนที่เธอสอนมา การแสดงยอดเยี่ยม!

“สือเยว่”

เฉิงเซวียนแสดงสีหน้าเข้มงวดอย่างหวังจะช่วยเหลือให้ได้ดิบได้ดี “หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนก็จะเป็นงานประกาศรางวัลรางวัลวัวทองในปีนี้แล้ว ถ้าไม่ผิดคาด ฉันกับหวั่นฉิงจะได้เป็นนักแสดงนำชายและนักแสดงนำหญิงดีเด่น”

“ถึงตอนนั้นค่าตัวของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ถ้าหากเธอจับมือสันติกับพวกเรา คอยแนะนำการแสดงให้กับพวกเราต่อไป ฉันสามารถพิจารณากอบกู้ชีวิตเธอออกมาจากข้างกายผู้ชายน่ารังเกียจคนนั้นได้นะ”

กอบกู้ชีวิต?

ซูสือเยว่หัวเราะ

“ตอนนี้ฉันมีสามีหล่อเหล่า ลูกชายเชื่อฟัง ครอบครัวมีความสุข จำเป็นต้องให้นายมาช่วยกอบกู้ชีพ?”

เฉิงเซวียนขมวดคิ้ว “เธออย่าโกหกตัวเองอีกเลย ใครๆ ก็รู้ว่าท่านชายฉินเสียโฉมไปตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน มันเป็นแค่คนอัปลักษณ์น่าเกลียด”

เซี่ยงหวั่นฉิงถอนหายใจ “ขอแค่เธอช่วยเหลือพวกเราต่อไป ต่อให้เธอจะถูกท่านชายฉินเล่นจนตายจริงๆ พวกเราก็จะไปช่วยเก็บศพเธอให้ได้นะ”

ทั้งสองคนอีกคนเสนออีกคนเสริม ท่าทางแสร้งทำเป็นตีหน้าเซ่อแบบนั้น ทำให้ซูสือเยว่อยากจะอาเจียนออกมา

พูดไปพูดมาแล้ว สุดท้ายก็เสียดายผู้ใช้แรงงานฟรีอย่างเธอนี่เอง

เธอหัวเราะเยาะออกมา “ใครบอกว่าสามีฉันขี้เหร่? เขาก็แค่ถ่อมตัวเท่านั้นเอง”

“ไม่รู้ว่าใครกันที่อิจฉารูปลักษณ์ที่งดงามนั้นของเขาถึงได้สร้างข่าวลือแบบนั้นออกมา แล้วพวกเธอทุกคนก็เชื่อ?”

“แถมยังพูดอยู่ได้ว่าสามีฉันอัปลักษณ์?”

ขณะที่พูดเธอก็มองพิจารณาใบหน้าของเฉิงเซวียนไปด้วย ก่อนร่องรอยความดูถูกจะประกายขึ้นมาในสายตา “นายน่ะ แค่ถือรองเท้าให้สามีฉันยังไม่คู่ควรเลย!”

“เธอ——!”

คำพูดของเฉิงเซวียนเพิ่งจะหล่นออกไปคำเดียวก็ถูกซูสือเยว่ขัดขึ้นเสียก่อน

“สามีของฉันทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมยังหลงฉันมาก ทุ่มเทให้ฉันสุดจิตสุดใจ ไม่เหมือนกับใครบางคน ที่ถูกคนอื่นลักพาตัวขึ้นเตียงนอนได้ตามอำเภอใจ”

หญิงสาวเลิกคิ้วอย่างมีชัย “ฉันขอแนะนำให้นายหุบปากซะ ไม่อย่างนั้น ถ้าสามีฉันมาได้ยินคำพูดที่นายพูดพวกนี้เข้า ด้วยความลุ่มหลงที่เขามีต่อฉัน นายจะได้อยู่อย่างตายทั้งเป็น”

เธอพูดจนหน้าแดงใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยังไงซะฉินโม่หานก็ไม่มีทางได้ยินอยู่แล้ว

หลังจากพูดจบ เธอก็ก้าวเท้ายาวเดินออกมาโดยไม่สนใจสีหน้าหลายอารมณ์ของพวกเขาสองคนเลย

เซี่ยงหวั่นฉิงมองตามแผ่นหลังของเธอ พลางกัดฟันแน่น “เฉิงเซวียนเลือกฉันน่ะถูกแล้ว เธอไม่ใช่แค่ไม่คู่ควรกับเขา แต่เธอยังเป็นโรคประสาทหลอนด้วย!”

ซูสือเยว่ชะงักฝีเท้าไปชั่วขณะ

สุดท้าย เธอก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย

เซี่ยงหวั่นฉิงซบในอ้อมแขนของเฉิงเซวียนอย่างเรียกร้องความเป็นธรรม “วันนี้ซูสือเยว่มาเป็นตัวแสดงแทนฉัน จงใจแสดงแย่ ทำเอาความคืบหน้าของทั้งกองละครต้องถูกถ่วงให้ช้าตามไปด้วยเลย…..”

เฉิงเซวียนกอดหญิงสาวอย่างปวดใจไว้ในอ้อมแขน

“เด็กดี อย่าไปถือสาอะไรเขาเธอเลยนะ”

*

บนถนนฝั่งตรงข้ามของทั้งสองคน มีรถเบนท์ลีย์สุดหรูจอดอยู่หนึ่งคัน

“คุณผู้ชายครับ คุณชายน้อยทั้งสองคนให้ท่านมารับคุณผู้หญิงกลับบ้านด้วยไม่ใช่เหรอครับ?”

ผู้ช่วยไป๋ลั่วมองตามแผ่นหลังของซูสือเยว่ไป “คุณผู้หญิงไปแล้ว พวกเรา…”

“ตามไป”

ตำแหน่งเบาะนั่งด้านหลังรถ ชายหนุ่มแสนเย็นชายกมือขึ้นพลิกเปิดเอกสารไปอีกหนึ่งหน้า “มีอีกเรื่อง ตรวจสอบสองคนนั้นที่หมิ่นประมาทฉันด้วย”

ไป๋ลั่วพยักหน้า “ท่านวางแผนจะ…”

ฉินโม่หานหยิบปากกาขึ้นมาอย่างสง่างาม เขียนคำวิจารณ์แสดงความเห็นเพิ่มเติมลงไปในเอกสาร “เมื่อกี้คุณผู้หญิงก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า ทำให้พวกเขาอยู่เหมือนตายทั้งเป็น”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset