สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 138 จูบแทน

เพราะเมื่อคืนพวกเขาทำกิจกรรม​บนเตียงอย่างดุเดือด​ จึงทำให้ซูสือเยว่ตื่นนอนในเวลาสิบโมงกว่าของวันถัดมา

หลังจากที่ตื่นนอน เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตามสัญชาตญาณ มีสายหลายสายที่ไม่ได้รับ และมีหลายข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน

ข้อความสุดท้ายเป็นข้อความจากหานหยุน

เขาส่งภาพที่ซูโม่ยืนอยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างเฉื่อยชาในชุดผู้ป่วยลายทาง “จัดการเรียบร้อย”

ซูสือเยว่ตกตะลึง ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเธอก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

ซูโม่ไปโรงพยาบาล​จิตเวชแล้ว​จริงๆ?

เธอรีบเปิดข้อความอื่นๆอ่าน

ในบรรดา​สายทั้งหมดทั้งมวล​ที่ไม่ได้รับ มีสายจากหานหยุนสองสาย สายจากผู้กำกับหลินหนึ่งสาย ที่เหลือเป็นสายจากซูจิ่นเฉิง!

ในบรรดา​ข้อความที่ส่งมา คนที่ส่งข้อความมาหาเธอเยอะที่สุดก็ยังคงเป็นซูจิ่นเฉิง

ซูจิ่นเฉิงในวีแชทตีโพยตีพาย​ “ดีจริงๆเลย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญอย่างหานหยุนที่ไม่เคยใกล้ชิดกับคนอื่นก็สามารถเชิญได้ เธอพยายามทำให้โม่โม่ติดคุกจริงๆ!”

“ซูสือเยว่ ฉันขอเตือนเธอ หยกที่ฉันให้เธอไปนั้นเป็นของปลอม ของจริงยังอยู่ในมือของฉัน ถ้าเธอต้องการหยกของจริง ก็รีบไปบอกให้หานหยุนออกไปซะ!”

“ซูสือเยว่ เธอมันอำมหิตจริงๆ เธอทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะสู้กับเธอสุดตัวเหรอ?”

……

ข้อความสิบกว่าข้อความของซูจิ่นเฉิงนั้น ไม่ใช่ข้อความข่มขู่ ก็ข้อความอ้อนวอน​

จุดประสงค์​สุดท้ายนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือให้เธอเกลี้ยกล่อม​หานหยุนให้จากไป และให้ซูโม่ออกจากโรงพยาบาล​จิตเวช​

ทว่า ซูสือเยว่จะรับปากเขาได้ยังไง?

“สุดท้ายโม่โม่ก็ยังคงต้องเข้าไป เธอมันโหดเหี้ยม​จริงๆ!”

นี่เป็นข้อความสุดท้าย

ในตอนที่ซูสือเยว่อ่านข้อความในโทรศัพท์​ ในหัวของเธอก็มีภาพที่ซูจิ่นเฉิงโวยวายปรากฏ​ขึ้น

เธอรู้สึกอารมณ์​ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ตอบกลับข้อความของซูจิ่นเฉิง:

“พ่อคะ พ่อคงเข้าใจความเจ็บปวดของหนูแล้วนะคะ”

“เนื่องจากซูโม่มีอาการป่วยทางจิต งั้นก็ควรที่จะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล​ จากนั้นค่อยออกมารับบทลงโทษทางกฎหมาย​ พ่อว่าถูกไหมคะ?”

“หนูเป็นคนหาผู้เชี่ยวชาญ​หานหยุนมาเอง เขาเชี่ยวชาญ​ด้านจิตเภท​ ในเมื่อเขาวินิจฉัย​ว่าซูโม่มีอาการป่วยทางจิต งั้นเธอก็คงต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล​จิตเวช​แล้วล่ะ”

“อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอไม่ได้ป่วย เธอก็ต้องติดคุก​แล้วล่ะ พ่อว่าถูกไหมคะ?”

เมื่อส่งข้อความเหล่านี้เสร็จ​ ซูสือเยว่ก็รู้สึกสดชื่น​

ซูจิ่นเฉิงคิดว่าทำใบรองปลอมว่าซูโม่มีการป่วยทางจิตขึ้นมาแล้ว ก็จะทำให้ซูโม่ไม่ติดคุก?

ตอนนี้ซูโม่อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช……..

มันไม่ได้อยู่สบายไปกว่าการติดคุกเท่าไหร่เลย

บางครั้ง อยู่ในคุกอาจจะสบายกว่าเสียอีก

เธอส่งข้อความไปขอบคุณหานหยุน

“มันเป็นงานง่ายๆเอง ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญ​ด้านนี้ และพวกเขาก็มาตกหลุมพราง​พอดี”

พูดจบ เขายังส่งสติ๊กเกอร์​รูปยิ้มให้ซูสือเยว่ “ยังจำข้อตกลงระหว่าง​เราได้ใช่ไหม?”

“ฉันช่วยเธอหนึ่งครั้ง เธอติดหนี้บุญคุณ​ฉันหนึ่งครั้ง”

“อืม ฉันไม่ลืมหรอก”

ซูสือเยว่ก็ส่งสติ๊กเกอร์​รูปยิ้มกลับไปให้เขา “แต่ฉันคิดว่า ฉันไม่มีอะไร​ช่วยนายได้หรอก”

“เธอมีสิ”

หานหยุนตอบกลับเร็วมาก “อย่าดูถูกตัวเองสิ”

“ซูสือเยว่ ในอนาคตข้างหน้า……..มีหลายเรื่องที่เธอสามารถ​ช่วยฉันได้”

ซูสือเยว่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดออกมา

ในเวลานั้นเอง เสียงโทรศัพท์​ของซูสือเยว่ก็ดังขึ้น เป็นเบอร์แปลก

“สวัสดี​ครับ คุณซูสือเยว่ ผมเป็นผู้กำกับของหนัง《ความทรงจำที่ขาดหาย》ผู้กำกับก่อนหน้านี้มีปัญหาเชิงชู้สาว​เลยได้ทำการลาออกแล้ว ผมก็เลยมารับช่วงต่อจากเขาครับ”

“การถ่ายทำของเราอยู่ในวาระการประชุม ตอนบ่ายมีนัดอ่านบท หวังว่าคุณจะสามารถ​เข้าร่วมได้ตรงต่อเวลานะครับ”

ซูสือเยว่พยักหน้า “ได้ค่ะ”

ช่วงนี้เธอยุ่งๆกับเรื่องของลั่วเยียน จนเธอเกือบลืมไปเลยว่า เธอยังมีหนังเรื่องหนึ่งที่ต้องถ่ายทำอยู่

เพิ่งเปลี่ยนจากสตั๊นแมนมาเป็นนักแสดงอย่างเป็นทางการ เธอยังไม่ค่อยชินกับการเปลี่ยนแปลงนี้เลย

เวลาที่นัดอ่านบทเป็นเวลาบ่ายสองโมง

ในตอนที่ซูสือเยว่อาบน้ำเสร็จ​แล้วลงมาข้างล่าง ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว

เธอทำอาหารเที่ยงกินง่ายๆ จากนั้นก็ไปเรียกรถเพื่อเดินทางไปยังสถานที่​ที่ผู้กำกับส่งมา

สถานที่นัดอ่านบทเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้ๆสตูดิโอ​ภาพยนตร์​

ในตอนที่ซูสือเยว่ถึง จี้หนานเฟิงก็เพิ่งลงจากรถพอดี

ทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยแฟนคลับของจี้หนานเฟิง

แฟนๆกรี๊ด​และเรียกชื่อของจี้หนานเฟิง แฟนคลับเต็มจนล้นบริเวณ​ทางเข้าโรงแรม​

ซูสือเยว่ถูกผู้คนเบียดจนต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าไปในโรงแรมได้

เธอยังถูกพนักงานรักษาความปลอดภัย​ของโรงแรมเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนคลับของจี้หนานเฟิงจนเกือบถูกไล่ออกไป

“ทำงานหนักแล้วนะคะทุกคน”

เธอเข้าไปในห้องประชุมด้วยผมที่ยุ่ง จี้หนานเฟิงยิ้มแล้วส่งกระจกให้เธอ “จัดทรงผมหน่อยไหม”

ซูสือเยว่รับกระจกมาดู ถึงจะเห็นสภาพตัวเองว่าทุลักทุเลขนาดไหน

เธอยิ้มออกมาอย่างเคอะเขิน​ พลางจัดทรงผมแล้วถอนหายใจออกมา “แฟนคลับของคุณจี้เยอะจริงๆเลยค่ะ”

“ทำไมคะ คุณอิจฉา​เหรอ?”

นักแสดงสาวที่นั่งอยู่อีกด้านของจี้หนานเฟิงมองมาที่เธออย่างดูถูก “ในที่นี้ นอกจากคุณ ทุกคนนั้นมีแฟนคลับไม่มากก็น้อยแหละนะ? ”

พูดจบ เธอยังเหลือบไปมองซูสือเยว่อย่างไม่พอใจ “ไม่รู้จริงๆว่าบริษัท​ของฉันคิดอะไรอยู่ ถึงให้ฉันมาเล่นกับนักแสดงสมทบ​แบบนี้”

ผู้หญิงที่พูดชื่อเหลียงหยูซิน เป็นหน้าแสดงหน้าใหม่ที่ผ่านการแข่งขันมา

ถึงแม้จะมีผลงานการแสดงไม่มากนัก แต่เธอนั้นมีฐานแฟนคลับจากรายการแข่งขันมากพอสมควร

ในหนังเรื่องนี้ เธอรับบทเป็นนางรอง

และนักแสดงสาวที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเหลียงหยูซินชื่อหยางชิงโยว เธอเป็นนักแสดงสมทบ​มาหลายปี ถึงแม้เธอจะเป็นนักแสดงสมทบ แต่เธอก็มีฐานแฟนคลับอยู่ไม่น้อย

นอกเหนือจากนักแสดงหญิง​ เหล่านักแสดงชายนอกจากจี้หนานเฟิงแล้ว ก็ล้วนเป็นนักแสดงดังเช่นกัน

จริง เหลียงหยูซินพูดถูก

อยู่ต่อหน้านักแสดงที่มีฐานแฟนคลับแบบนี้ ผลงานและประวัติของซูสือเยว่ สู้ไม่ได้เลยจริงๆ

“สือเยว่เป็นคนมีพรสวรรค์​ ผมคิดเชื่อเธอต้องทำได้ดีในอนาคตแน่นอน”

จี้หนานเฟิงเหลือบมองไปที่เหลียงหยูซินอย่างนิ่งๆ “อย่างน้อย ผมคิดว่าเธอน่าจะไปได้ไกลกว่าคุณ”

สีหน้าของเหลียงหยูซินไม่พอใจ

แต่เธอไม่สามารถ​ทำอะไรกับนักแสดงชายยอดเยี่ยม​อย่างจี้หนานเฟิงได้ จึงทำได้เพียงแอบกลอกตา​มองบน

ไม่นาน คนก็มาครบ หัวหน้าผู้กำกับก็เปิดประตู​เข้ามา

“สวัสดี​ครับ​ทุกคน ผมเป็นผู้กำกับของหนังเรื่องนี้ ผมชื่อ เฉินไห่ ทุกคนเรียกผมว่าผู้กำกับเฉิงก็ได้ครับ”

ผู้กำกับแจกบทให้กับทุกคน “นักแสดงหลักของหนังเรื่องนี้ก็อยู่ที่นี้หมดแล้ว ผมจะไม่พูดอะไรมากนะครับ”

“วันนี้ที่นัดทุกคนมา เหตุผลแรกคือจะแจกบทให้กับทุกคน อีกเหตุผลคืออยากให้ทุกคนคุ้นเคยกันไว้”

“เพราะการถ่ายทำหนังเรื่องนี้มีเวลาจำกัด ดังนั้นการจัดเรียงการถ่ายทำอาจจะปรับเปลี่ยน​ได้ตลอดเวลา ทางทีมงานก็เลยได้ทำการเหมาโรงแรมไว้หนึ่งชั้น ผมหวังว่าทุกคนจะสามารถย้ายมาอยู่ด้วยกันได้ แบบนี้มันจะง่ายต่อการทำงาน”

เหลียงหยูซินกลอกตามองบน “ถ่ายทำหนังเรื่องเดียว ต้องมาอยู่ด้วยกันเหรอคะ?”

“ใช่ครับ”

ผู้กำกับพยักหน้าแล้วยิ้ม “นี่คือกฎครับ”

“คุณจี้นักแสดงชายยอดเยี่ยมตกลงแล้ว”

เหลียงหยูซินเบะปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในเมื่อจี้หนานเฟิงยังตกลง คนอื่นคงไม่มีโอกาสปฏิเสธ​แล้ว

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้คัดค้าน​อะไร ผู้กำกับ​จึงกระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “แน่นอนว่า ยังมีเรื่องสำคัญ​เรื่องหนึ่งจะประกาศ………”

ในตอนที่กำลังพูด เขาก็เหลือบมองไปที่ซูสือเยว่ “นางเอกของหนังเรื่องนี้ คุณกับคุณจี้มีฉากจูบเยอะ คุณทราบใช่ไหมครับ?”

ซูสือเยว่พยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ”

ทว่า ในถานะ​นักแสดงคนหนึ่งแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ

เธอไม่ได้คิดว่ามันมีปัญหาอะไรเลย

เหลียงหยูซินที่อยู่อีกด้านหนึ่งเบะปาก แล้วพูดขึ้นเสียงเบา “แบบนั้นก็ดูง่ายไปสำหรับเธอน่ะสิคะ”

“อะแฮ่ม”

ผู้กำกับเฉิงหายใจเข้าลึกๆ “แต่สำหรับคุณซู นี่เป็นครั้งแรกที่คุณถ่ายฉากแบบนี้ ผู้ผลิตของเราได้คิดถึงมันและได้ปรึกษาหารือ​กัน เราตัดสินใจที่จะเตรียม…….”

“สตั๊นท์แมนจูบแทนจี้หนานเฟิง”

ซูสือเยว่อึ้งไปเลย

สตั๊นท์แมนจูบแทนจี้หนานเฟิง?

งั้นก็แสดงว่า เธอต้องจูบกับสตั๊นท์​แมนคนนั้น?

ซูสือเยว่รู้สึกหดหู่เล็กน้อย

ถึงแม้เธอก็ไม่อยากจูบกับจี้หนานเฟิง แต่อย่างน้อย จี้หนานเฟิงก็เป็นคนที่คุ้นเคยสำหรับเขา

ทว่า การจูบแทนนั้น…….

ใครจะไปรู้ว่า อาจจะเป็นลุงอ้วนวัยกลางคนหรือเปล่า?

จี้หนานเฟิงที่อยู่อีกด้านขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ?”

“จำเป็นครับ”

หัวหน้าผู้กำกับเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก “นี่เป็น……..นี่เป็นผลการหารือ​ที่โปรดิวเซอร์กับผู้ผลิต​สรุปออกมาครับ”

ซูสือเยว่รู้สึกสิ้นหวัง

“สตั๊นท์​แมนที่จูบแทน……หน้าตาเป็นยังไงเหรอคะ?”

หัวหน้าผู้กำกับลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอารายชื่อผู้ผลิตให้กับเธอ “เป็นหนึ่งในผู้ผลิตนี้”

ผู้ผลิตมาเป็นสตั๊นท์แมนจูบแทน?

นี่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระเหรอ?

ซูสือเยว่หยิบใบรายชื่อนั้นขึ้นมาด้วยความโกรธ

แค่แวบเดียว เธอก็เห็นชื่อของหนึ่งในผู้ผลิตนั้น :ฉินโม่หาน

“……”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset