สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 209 ฉินโม่หานไม่ใช่คนของตระกูลฉิน

ในคฤหาสน์ ซิงกวงนั่งอย่บนโซฟา เธอกินสตอเบอรี่ไปด้วย พร้อมกับถือโทรศัพท์คุยไปด้วย “แด๊ดดี้ อยากให้ซิงกวงช่วยเรื่องอะไรเหรอคะ? ”

ฉินโม่หานขมวดคิ้ว แล้วก็กระซิบเล่าเรื่องลำบากที่ฉินหนานเซิงในตอนนี้ให้เธอฟัง “จิ้งเจิงที่เป็นลูกน้องของจี้หนานเฟิงกับลูกก่อนหน้านี้ยังอยู่ที่เมืองหรงรึเปล่า? ”

ซิงกวงทำปากมุ่ยเงียบๆ “แด๊ดดี้ ใจร้ายจังเลยนะคะเนี่ย”

“แด๊ดดี้ไม่ให้หนูบอกคุณอาจี้ว่าแด๊ดดี้ตามหาหม่ามี๊เจอแล้ว แถมยังจะใช้คุณอาจี้เป็นเครื่องมืออีก!”

ฉินโม่หานค่อยๆ หันไปมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัวเอง แล้วก็คลี่ยิ้มออกมา “รอให้หม่ามี๊ของหนูรื้อฟื้นความทรงจำได้เมื่อไหร่ แด๊ดดี้ถึงจะให้จี้หนานเฟิงรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน”

ซิงกวงทำปากมุ่ย

ที่เขาไม่ยอมให้คุณอาจี้รู้ว่าหม่ามี๊อยู่ที่ไหน ก็เพราะว่ากลัวคุณอาจี้จะอาศัยช่วงเวลาที่หม่ามี๊ความจำเสื่อมนี้ทำคะแนนยังไงเล่า!

ถ้าเกิดว่าความทรงจำของหม่ามี๊กลับมาเมื่อไหร่ คุณอาจี้ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว

จนถึงตอนนั้นเขาถึงจะให้คุณอาจี้ได้เจอกับหม่ามี๊

แด๊ดดี้คนนี้ของเธอเนี่ย ใจดำกว่าเธอเยอะเลย!

เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับทำปากมุ่ย “แต่ว่าแด๊ดดี้ หนูจะบอกคุณอาจี้ว่ายังไงดีล่ะ? ”

“เล่าตามความจริงไง”

ชายหนุ่มหรี่ตาลง “เล่าเรื่องที่เย่เชียนจิ่วทำกับหม่ามี๊ของหนูให้เขาฟัง เขาต้องไปอย่างแน่นอน”

ซิงกวงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตัดสายไป

……

ณ โรงพยาบาลจิตเวชในเมืองหรง

ฉินหนานเซิงยืนอยู่หน้าห้องผู้ป่วย มือทั้งสองของเขาพยายามปกป้องลูกบิดประตูด้านหลังสุดชีวิต “อารอง อาเล็กให้ผมเฝ้าคุณอาหญิงเย่ไว้ให้ดีๆ อาอย่าทำให้ผมลำบากเลยนะ”

ฉินหลิงยี่ค่อยๆ เดินเข้ามา เขาหรี่ตา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและโหดร้าย “หนานเซิง ทำไมแกต้องไปฟังสัตว์เดรัจฉานแบบนั้นด้วยล่ะ? ”

ฉินหนานเซิงเงยหน้าขึ้นมาทันที

“อารอง ทำไม……ถึงพูดถึงอาเล็กแบบนั้น? ”

“เขาคือน้องแท้ๆ ของอา เป็นอาแท้ๆ ของผม!”

“มันไม่ใช่สักหน่อย”

ฉินหลิงยี่หัวเราะเยาะ หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แล้วก็พิงกำแพงด้านหน้าด้วยท่าทีที่สง่างาม พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แกคิดว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานอย่างมัน คือเมล็ดพันธุ์จากตระกูลฉินของเรายังงั้นเหรอ? ”

เขาสูดบบุหรี่เข้าไป พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและหยิ่งผยอง “ตอนนั้นแกยังไม่เกิด แต่ว่าฉันกับพ่อของแกเห็นอย่างชัดเจน”

“ท่านปู่ไปอยู่ยุโรปมาปีหนึ่ง แล้วก็พาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมา บอกว่าจะแต่งงานกับเธอ”

“แต่ว่ายังจดทะเบียนสมรสได้ไม่ถึงแปดเดือน ผู้หญิงคนนั้นก็คลอดฉินโม่หานออกมา ท่านปู่ยังบอกเลยว่าคลอดก่อนกำหนดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ”

ฉินหนานเซิงเหมือนถูกฟ้าผ่า ไม่สามารถขยับได้

อาเล็กเขา……

ไม่ใช่คนของตระกูลฉินยังงั้นเหรอ?

ฉินหลิงยี่ยืนพิงกำแพง สูบบุหรี่จนเสร็จ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองฉินหนานเซิงด้วยใบหน้าที่เย็นชา “มีความเป็นไปได้สูงมากว่าฉินโม่หานไม่ใช่คนของตระกูลฉิน”

“แต่ว่าแกกับฉัน ต่างก็เป็นคนของตระกูลฉิน”

“ใครเป็นญาติ ใครไม่ใช่ ใครใกล้ใครไกล หนานเซิงแกต้องแยกให้ดีนะ”

พอพูดจบ เขาก็ต้องฉินหนานเซิงด้วยแววตาที่เยือกเย็น “ถอยไป!”

ฉินหนานเซิงกัดปากแน่น แต่เขาก็ยังคงเฝ้าประตูด้านหลังของเขาไม่ยอมหลีกหนีไปไหน

“ต่อให้อาเล็กจะไม่ใช่คนของตระกูลฉิน แต่เขาก็ดูแลผมเป็นอย่างดี”

“แล้วอีกอย่าง เย่เชียนจิ่วเป็นคนวางแผนทำร้ายซูสือเยว่ เธอไม่ได้เป็นแค่อาสะใภ้เล็กของผม แต่ว่าเธอยังเป็นเพื่อนรักของลั่วเยียนอีกด้วย!”

เขายังจำวันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นกับลั่วเยียนได้ ท่าทางของซูสือเยว่ที่วิตกกังวลและเอาแต่โทษตัวเอง

ถ้าเกิดว่าลั่วเยียนฟื้นขึ้นมา แล้วรู้ว่าเขาปล่อยเย่เชียนจิ่วที่วางแผนทำร้ายซูสือเยว่ไป เธอต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน!

ฉินหลิงยี่ขมวดคิ้วแน่น เขายกมือขึ้น แล้วก็พุ่งเข้าไปที่ใบหน้าของฉินหนานเซิงอย่างดุเดือด “เข้าข้างคนอื่น!”

แต่ว่ามือของเขายังไม่ทันตบเข้าที่ใบหน้าของฉินหนานเซิง แขนของเขาก็ถูกมือหนึ่งจับไว้แน่น

ส่วนมือที่จับแขนของเขาไว้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือมือของฉินหนานเซิงที่เขากำลังจะตบนั่นแหละ

ฉินหนานเซิงจ้องเขาด้วยแววตาที่เยือกเย็น “อารอง ผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยที่อาอยากจะตีก็ตี อยากจะด่าก็ด่าได้อีกต่อไป”

เขามองไปที่ฉินหลิงยี่อย่างไม่เกรงกลัว “ผมรู้ผิดรู้ถูก”

“ตอนนั้นเพราะว่าผมซุกซน พ่อไม่สนใจผม แม่ก็เอาแต่ตามใจผม ปู่ก็เลยมอบหน้าที่อากับอาเล็กให้เป็นคนสั่งสอนผมแทน”

“อาเอาแต่ดุด่าตบตีผม แต่ทุกครั้งอาเล็กก็จะเป็นคนปกป้องผม ให้กำลังใจผม อยู่เป็นเพื่อนผม”

“ถ้าเกิดว่าไม่มีอาเล็กอย่างฉินโม่หาน ก็ไม่มีผมในวันนี้หรอก”

“เขาเป็นญาติของผม ต่อให้เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาไม่ใช่สายเลือดของตระกูลฉิน แต่ว่าในใจของผม ยังไงเขาก็ยังคงเป็นอาเล็กของผมอยู่วันยังค่ำ”

พอพูดจบ เขาก็หัวเราะเยาะพลางสะบัดมือของฉินหลิงยี่ “ตอนนั้นอาเป็นทหารหน่วยพิเศษ สมรรถภาพทางกายดี ส่วนผมก็เป็นแค่วัยรุ่นอายุสิบกว่าๆ แน่นอนว่าผมสู้อาไม่ได้หรอก ทุกครั้งอาก็จะสั่งสอนผมเหมือนกับสั่งสอนทหารในกอง”

“แต่ว่าอารอง ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะ”

“อาอายุ40แล้ว ส่วนผมก็ยังอยู่ในวัยที่กำลังรุ่งโรจน์”

“อาอย่าเป็นเหมือนเมื่อก่อน ที่คิดว่าจะด่าจะตีอะไรผมก็ได้!”

คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้ฉินหลิงยี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “อายุยังน้อยและรวดเร็วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าแกอย่าประเมินความสามารถของอารองแกต่ำไป!”

พอพูดจบ สีหน้าของเขาก็ดูดุร้าย เขาจับไหล่ของฉินหนานเซิงไว้ แล้วก็ต่อสู้กับเขา

ฉินหนานเซิงขมวดคิ้วแน่น

ผู้ชายคนนี้แรงเยอะมากเลย

ต่อให้ตอนนี้เขาอายุ40กว่าแล้ว แต่ว่าสมรรถภาพทางร่างกายของเขายังรับมือได้ยาก!

ทางฝั่งนี้ ชายสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนอีกด้านหนึ่ง คนของฉินหนานเซิงกับฉินหลิงยี่ก็กำลังเผชิญหน้ากันอยู่

ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปช่วย หรือว่าควรจะคอยเฝ้าอีกฝ่ายอยู่แบบนี้

“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้!”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ทำให้ทั้งทางเดินเงียบลงทันที

ฉินหนานเซิงกับฉินหลิงยี่หยุดลงพร้อมกัน แล้วก็หันไปมอง—

สุดทางเดินนั้น ผู้ดูแลบ้านกำลังพยุงท่านปู่อยู่ แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้ามาทีละก้าว

แถมด้านข้างของเขายังมีจี้หนานเฟิงและกลุ่มผู้คุ้มกันของอยู่อีกด้วย

คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่

ท่านปู่พุ่งเข้ามา แล้วก็ตบหน้าฉินหลิงยี่ด้วยความโมโห “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!”

“ไม่ว่าจะยังไง แกก็ห้ามแตะต้องหนานเซิงเด็ดขาด!”

ฉินหลิงยี่โดนตบจนหน้าหัน

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะเยาะ พร้อมกับหันหน้ากลับมา สายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ถ้าผมเป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วพ่อล่ะเป็นอะไร? ”

ท่านปู่ฉินถึงตาใส่เขา ไม่ได้พูดอะไร

“คุณฉินครับ”

จี้หนานเฟิงหันหลังแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วก็กอดอก “ผู้หญิงที่อยู่ข้างในนี้ ผมจะพาไปด้วย คงไม่มีข้อโต้แย้งอะไรใช่ไหม? ”

ฉินหลิงยี่ถึงได้สังเกตเห็นจี้หนานเฟิง

เขาขมวดคิ้ว “คุณชายใหญ่ตระกูลจี้? ”

“ดูเหมือนว่าจะรู้จักผมนะ”

พอพูดจบ จี้หนานเฟิงก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ได้ยินมาว่าผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ข้างใน คือคนที่เคยวางแผนทำร้ายซูสือเยว่ยังงั้นเหรอ? ”

“ผมรู้สึกสนใจคนประเภทนี้มากเลยแหละ”

ฉินหลิงยี่หัวเราะอย่างเย็นชา “ออกหน้าให้ซูสือเยว่เหรอ? ”

“ในใจของซูสือเยว่มีแต่ฉินโม่หาน ไม่ว่านายจะทำเพื่อเธอขนาดไหน เธอก็ไม่มีวันชายตามองหรอก!”

“เหรอ?”

จี้หนานเฟิงคลี่ยิ้มแล้วก้มหน้า แล้วก็ค่อยๆ หักนิ้วของตัวเอง “แต่ว่าฉินโม่หาน คือคนของตระกูลฉิน”

“ผมไม่ได้ซูสือเยว่มา ก็เลยเกลียดฉินโม่หาน”

“แต่ว่าตอนนี้ฉินโม่หานก็ไม่อยู่ ผมก็เลยทำได้แค่มาแก้แค้นครอบครัวของเขาเท่านั้น”

“เพราะฉะนั้นผมเลือกคุณแล้วกัน ขอแค่คุณไม่มีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว”

ฉินหลิงยี่คลี่ยิ้มที่โหดร้าย “ความคิดดีนิ”

“แต่ว่าคุณจี้ เคยมีคนบอกนายรึเปล่า”

“ฉินโม่หาน……ไม่ใช่คนของตระกูลฉิน!”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset