สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 212 คุณตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกเจอ

ซูสือเยว่อึ้งไปสักพักก่อนจะสังเกตว่าสายตาของชายหนุ่มหยุดลงที่……

เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างรู้สึกโกรธ แล้วหยิบหมอนที่อยู่ข้างๆมาปิดขาตัวเองทันที “ถ้าดูอีกฉันจะควักลูกตาคุณออกมาเลย!”

ชายหนุ่มเกี่ยวยิ้มเบาๆ เปลี่ยนท่านั่งให้สบายแล้วเอนตัวลงที่ขอบเตียง “ผมดูภรรยาของผม ไม่ได้ดูคนอื่นสักหน่อย”

ซูสือเยว่เบะปาก แล้วมองบนใส่เขาอย่างเหลืออด

บรรยากาศภายในห้องคลุมเครือขึ้นมาทันที

ซูสือเยว่ไม่สามารถทนอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ได้

เธอขมวดคิ้วแล้วมองฉินโม่หาน “ตอนนั้น……ทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณ?”

“เพราะคุณชอบผม”

ชายหนุ่มหน้าแดงแล้วเริ่มโกหก “คุณตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกเจอ แล้วก็รู้สึกถูกคอตั้งแต่แรกเจอด้วย”

“คุณก็เลยเป็นฝ่ายขอผมแต่งงานก่อน แล้วคุณก็ได้รับการยอมรับจากซิงหยุนกับซิงเฉิน เราเลยแต่งงานกัน”

ซูสือเยว่:“……”

ถึงแม้เธอจะบ้าผู้ชายแค่ไหน แต่ก็คงไม่ถึงขั้น……ไม่ระวังตัวขนาดนั้นหรอกมั้ง?

แม้ภายในใจเธอจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่เธอแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมา “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย!”

ฉินโม่หานแอบเหลือบมองเธอเบาๆ “คุณไม่ใช่คนแบบนั้น?”

“ในคืนแต่งงานคุณดื่มเหล้าราคาหลักล้านของผม ตามวอแวผมไม่เลิก ยังขอร้องให้ผมลงอ่างกับคุณ หลังจากที่ลงอ่างคุณก็มาทำให้ไอ้นั่นของผมตื่นตัวอีก……”

“คุณทำแบบนี้เลยนะ”

ซูสือเยว่:“……”

เธอ……หมกมุ่นขนาดนั้นเลย?

แต่พอมองสายตาที่จริงจังของเขา ก็ไม่ได้เหมือนกำลังโกหก

เธอยิ่งคิดแก้มก็ยิ่งแดงขึ้น ยิ่งคิดหน้าก็ยิ่งร้อน

สุดท้าย เธอก็หันหน้าไปหาเขา “ฉันไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้”

“คุณตั้งใจโกหกฉัน!”

ถึงแม้จะความจำจะเสื่อม แต่เธอก็เชื่อว่า เธอไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่นอน!

พอเห็นปฏิกิริยาโต้ตอบที่น่ารักของเธอ ชายหนุ่มก็อยากจะแกล้งเธอเพิ่มมากขึ้น “งั้นคุณก็จำให้ได้เร็วๆ คุณจะได้รู้ว่าคุณเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า”

ซูสือเยว่กัดปากแล้วทำตาโตใส่เขา “คุณจงใจโกหกฉัน!”

“ถ้าจำเรื่องราวในอดีตได้ง่ายขนาดนั้น ฉันยังจำเป็นต้องมาถามคุณอีกหรอ?”

เธอยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าฉินโม่หานจงใจพูดแบบนี้เพื่อใส่ร้ายเธอ

“ยังไงก็ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน คุณว่ายังไงก็เป็นแบบนั้นหรอ!”

“แล้วถ้า ผมหาตัวพยานได้หล่ะ?”

ซูสือเยว่มองบนใส่เขา “พยานที่คุณหมายถึง คงเป็นซิงหยุนซิงเฉินสินะ?”

“ถึงฉันจะเป็นหม่ามี๊ของพวกเขา แต่คุณเลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เด็ก พวกเขาสนิทกับคุณมากกว่า ก็ต้องเข้าข้างคุณสิ!”

ฉินโม่หานยังคงหัวเราะนิ่งๆ พร้อมมองไปยังใบหน้าเล็กที่แดงเพราะโกรธจัดของเธอ “นอกจากพวกเขา ผมยังมีพยานคนอื่นอีก”

พูดจบ เขาก็เหลือบมองนาฬิกา “คงจะมาถึงแล้ว”

เพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงรถที่จอดลงด้านนอกวิลล่า

“พยานของผมมาแล้ว”

ซูสือเยว่เลิกคิ้ว พลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปดูข้างหน้าต่าง แล้วพูดขึ้นด้วยความสงสัย “ใครมาหรอ?”

พอมองผ่านกระจกหน้าต่างบานใหญ่ของเธอ ก็เห็นกับ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ลงมาจากรถคันนั้น

สีผมที่ดำสนิทของเธอเหมือนกับในความทรงจำของซูสือเยว่ ที่ประกายแวววาว

“ฟู๋เชียนเชียน!!”

เธอเบิกตากว้างอย่างรู้สึกประหลาดใจ

หญิงสาวกำลังจะก้าวขาออกจากห้อง

แต่โดนฉินโม่หานขวางเอาไว้เสียก่อน

ชายหนุ่มเกี่ยวยิ้ม แล้วหยิบเสื้อกันลมแถวนั้นยื่นให้เธอ “คุณจะลงไปในสภาพแบบนี้?”

ซูสือเยว่เพิ่งจะนึกออกว่า ชุดที่ตอนนี้เธอสวมอยู่นั้น คือสปอร์ตบรากับกางเกงขาสั้นที่ใส่ออกกำลังกายเมื่อสักครู่!

เธอกัดริมฝีปากของตัวเอง แล้วหยิบเสื้อกันลมมาใส่ พร้อมสวมใส่อย่างมิดชิด ก่อนจะวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

“เชียนเชียน!”

ชั้นล่างของบ้าน ฟู๋เชียนเชียนเพิ่งจะเข้าประตูมา ร่างของใครบางคนก็พุ่งเข้ามา แล้วกอดเธอในทันที

หญิงสาวที่โดนชนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว

เพียงไม่นาน ฟู๋เชียนเชียนถึงจะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “สือเยว่ก็แค่ไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือน ทำไมแกต้องตื่นเต้นขนาดนี้?”

“ก็ฉันตื่นเต้นง่ะ”

ซูสือเยว่กัดปากตัวเอง แล้วจับมือฟู๋เชียนเชียนไว้อย่างแน่น “แค่แกมาก็ดีใจมากแล้ว!”

ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีพวกลูกๆ แต่สำหรับซูสือเยว่ที่สูญเสียความทรงจำที่เกี่ยวกับตระกูลฉินนั้น ไม่ว่าจะลูกหรือฉินโม่หาน ไม่มีใครสามารถมอบความรู้สึกปลอดภัยให้เธอได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

แม้แต่เจี่ยนเฉิงและหานหยุนก็ยังไม่สามารถ

มีเพียงฟู๋เชียนเชียนที่สามารถมอบความรู้สึกนั้นให้กับเธอได้

มิตรภาพระหว่างเธอกับฟู๋เชียนเชียนนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าทุกสิ่ง

พอเห็นท่าทางที่ดีใจของเธอ ฟู๋เชียนเชียนก็เม้มปาก “ระหว่างทางที่มาคนของคุณชายฉินบอกว่า……แกความจำเสื่อม?”

เธอยังอุจส่าเตรียมใจมาก่อน กลัวว่าหลังจากที่มาถึงที่นี่ ซูสือเยว่จะจำเธอไม่ได้ด้วย

ปรากฏว่าหลังจากที่เดินเข้าประตูมา ซูสือเยว่กลับกอดเธอไว้อย่างแน่น

เธอ……ความทรงจำเสื่อมจริงหรอ?

“สือเยว่แค่ลืมเรื่องราวส่วนที่เกี่ยวข้องกับฉันเฉยๆหน่ะ”

ฉินโม่หานค่อยๆเดินลงมาจากบันได “เรื่องราวที่เกี่ยวกับพวกคุณ เธอจำมันได้อย่างดี”

ฟู๋เชียนเชียน:“……”

มีวิธีความจำเสื่อมแบบนี้ด้วย?

คนในที่รู้ก็จะรู้ว่าซูสือเยว่ความทรงจำเสื่อมจริงๆ แต่คนนอกที่ไม่รู้ คงจะคิดว่าซูสือเยว่กับฉินโม่หานกำลังงอนกัน แล้วจงใจแกล้งทำเป็นความทรงจำเสื่อมเพื่อเพิกเฉยใส่เขา

“อ้อ ใช่แล้ว”

ฉินโม่หานค่อยๆเดินลงมาจากชั้นบน “คุณฟู๋ช่วงนี้ไปฝึกเป็นผู้จัดการศิลปินเป็นยังไงบ้างครับ?”

ฟู๋เชียนเชียนรับพยักหน้า “รู้สึกดีค่ะ ดีมากค่ะ!”

ช่วงที่ผ่านมาฟู๋เชียนเชียนไม่ค่อยได้ติดต่อกับซูสือเยว่สักเท่าไหร่ เป็นเพราะซูสือเยว่ไปถ่ายละครบนดอยที่สัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดีด้วย

และเป็นเพราะ……ก่อนหน้านี้หลังจากที่ฟู๋เชียนเชียนบอกกับซูสือเยว่ว่า เธอรู้สึกอาชีพผู้จัดการศิลปินก็ไม่แย่……จู่ๆก็มีคนมาเชิญเธอไปเป็นผู้จัดการอย่างงงๆ

เธอไปทำงานอยู่ประมาณอาทิตย์กว่า ถึงรู้จากปากเจ้านายเธอว่า ฉินโม่หานเป็นคนมอบโอกาสนี้ให้เธอ

ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายฉินคนที่ไม่ประสบการณ์อย่างเธอ ถ้าอยากจะเป็นผู้จัดการอย่างเป็นทางการ คงต้องใช้เวลาอีกสามสี่ปี

ดังนั้น พอฉินโม่หานพูดถึงเรื่องนี้ เธอจึงรู้สึกขอบคุณเป็นมอย่างมาก “คุณชายฉิน……”

“เชียนเชียน。”

ชายหนุ่มตัดบทสนทนาของเธอขึ้นก่อน “ผมขอถามคุณเรื่องหนึ่ง”

“คุณว่ามาเลยค่ะ!”

ฉินโม่หานพิงอยู่ตรงราวจับบันได ยกยิ้มมุมปากแล้วเหลือบมองซูสือเยว่ ก่อนจะหันมามองฟู๋เชียนเชียน “ผมแต่งงานกับสือเยว่เพราะว่าเขาตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกพบ แล้วขอผมแต่งงานใช่ไหมครับ?”

“คะ?”

ฟู๋เชียนเชียนชะงักไปสักพัก แต่พอหลังจาดที่เห็นสายตาจากชายหนุ่ม เธอก็รีบกัดริมฝีปากตัวเองแล้วพยักหน้า “ใช่ใช่ใช่ ใช่ค่ะ!”

“ครั้งแรกที่สือเยว่เจอคุณชายฉินเธอก็บอกกับฉันเลยค่ะว่าคุณหล่อมากๆ เธอหวังอยากจะแต่งงานกับคุณจริงๆ”

“ต่อมาเธอก็ขอคุณแต่งงาน คุณไม่พูดอะไรแล้วตอบตกลงเลย จากนั้นพวกคุณก็จดทะเบียนสมรสแล้วแต่งงานเลยค่ะ!”

คำพูดของหญิงสาว ทำให้ใบหน้าของซูสือเยว่แดงก่ำอีกครั้ง!

หรือว่า…… ฉินโม่หานพูดจะเป็นความจริง!?

เธอหมกมุ่น……ขนาดนั้นจริงๆหรอ?

พอเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของซูสือเยว่ ฟู๋เชียนเชียนก็กระแอมไอเบาๆ “สือเยว่เธอก็ไม่ต้องรู้สึกเขินอายหรอก”

“ยังไงพวกแกก็มีลูกด้วยกันตั้งสามคนแล้ว แกตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ ก็พอให้อภัยได้ ใช่ไหม?”

ใบหน้าของซูสือเยว่แดงยิ่งกว่าเดิม

เธอเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าที่ภูมิใจของฉินโม่หาน ก็จ้องเขาด้วยสายตาที่โมโห จากนั้นก็จับมือฟู๋เชียนเชียนแล้วเดินออกไป

บริเวณระเบียงบันไดบนชั้นสอง

ซิงหยุนถอนหายใจเบาๆ “เจ้าเล่ห์”

ซิงเฉินเกยคางบนราวบันไดที่ทำมาจากไม้ “แด๊ดดี้ยังคงขี้โกหก”

ซิงกวางมองบนใส่พี่ชายทั้งของเธอ “แต่หม่ามี๊ในตอนนี้ ถ้าไม่บอกว่ามี๊ชอบแด๊ดดี้ก่อน มี๊ก็จะเว้นระยะห่างกับแด๊ดดี้ไง”

“ต้องทำให้มี๊เชื่อว่า มี๊เป็นคนเข้าหา แล้วก็เป็นคนจีบแด๊ดดี้ก่อน มี๊ถึงจะไม่กล้าจะผลักไสแด๊ดดี้หลังความทรงจำไง”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset